26 ส.ค. 2021 เวลา 13:17 • การศึกษา
เมตตาจริง vs เมตตาปลอม
รู้ไว้ ไม่ทุกข์ฟรีนะคะ
ต่อจากเมื่อวาน
เรื่องของความรักที่ประกอบด้วยความอยากจะนำไปสู่ความทุกข์ เศร้าโศกเสียใจ
แล้ว... รักอย่างไร ไม่ให้ทุกข์?
วันนี้เลยจะมาเชิญชวนคุณศึกษาไปพร้อม ๆ กัน เรื่อง "พรหมวิหารธรรม"
เอาแบบละเอียดไปถึงขั้นให้คุณแยกแยะได้ว่า แบบไหนของจริง แบบไหนของปลอม
ก่อนอื่น ขอทำความเข้าใจ "พรหมวิหารธรรม" กันก่อนโดยการ จับ ศัพท์ แยก ค่ะ
พรหม + วิหาร + ธรรม
แปลแบบง่าย ๆ แต่ไม่ผิด ได้ว่า...
พรหม แปลว่า ประเสริฐก็ได้ ผู้เป็นใหญ่ ก็ได้
วิหาร แปลว่า ที่อยู่
ดังนั้น พรหมวิหารธรรม แปลได้หลากหลายมาก
ในวิกิพีเดีย มีการแปลว่า... เป็นหลักธรรมประจำใจเพื่อให้ตนดำรงชีวิตได้อย่างประเสริฐและบริสุทธิ์เฉกเช่นพรหม
หรืออาจมีแปลว่า... ธรรมของพรหมหรือของท่านผู้เป็นใหญ่ หรือ ธรรมะของผู้ประเสริฐ
หรือจะแปลอีกอย่างหนึ่งว่า ที่อยู่อันประเสริฐของใจ ก็ได้เช่นกัน
ที่อยู่อันประเสริฐของใจ หรือหลักธรรมประจำใจเพื่อให้ใช้ชีวิตที่ประเสริฐนั้น
มี ๔ ประการ ได้แก่ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา
ซึ่งคุณผู้อ่านก็คงทราบกันอยู่แล้ว เคยเรียนกันมาตั้งแต่สมัยวิชาพุทธศาสนา
แต่สิ่งที่สำคัญในการเรียนรู้เพิ่มเติมคือ
ควรรู้ว่า มันมีเมตตาจริง และเมตตาปลอม
มีกรุณาจริง กรุณาปลอม
มุทิตาจริง มุทิตาปลอม
อุเบกขาจริง และอุเบกขาปลอม
ถ้าคุณรู้ และสามารถแยกแยะ ของจริง ของปลอม ออกได้ รับรองได้เลยว่า คุณจะมีความสุข รักได้อย่างไม่ทุกข์แน่นอน
เมตตาคืออะไร?
ภาษาไทยใช้คำว่า เมตตา
ภาษาอังกฤษ ใช้ว่า Loving-kindness
แต่รู้หรือไม่ว่า เมตตา ภาษาบาลี คือ "มิตตะ" หรือที่เรานำมาใช้ในคำว่า มิตร นั่นเอง
ดังนั้น เมตตา จะแปลว่า ความเป็นมิตรไมตรี
ความเป็นมิตรไมตรี ก็ไม่ได้จำเป็นว่ามันคือความเป็นเพื่อน คือต้องรู้จักกันก่อนนะ ต้องเป็นเพื่อนกันก่อนนะ ถึงจะมีความเป็นมิตรไมตรีได้... ไม่ใช่
แต่ความเป็นมิตรไมตรีนี้ คือ ความปรารถนาให้คนอื่นได้ดี มีความสุข
ที่สำคัญคือ อย่างบริสุทธิ์ใจ
ความเป็นมิตรไมตรี หรือ เมตตา เกิดได้จากการเห็นความดีของคนอื่น เห็นคุณค่า เห็นคุณธรรมของคนอื่น ไม่ได้มองว่าเขาเป็นใคร เป็นคนชาติไหน สูงต่ำดำขาว มีผลประโยชน์อะไรกับเราหรือไม่
แต่มองว่า คนนี้เป็นคนดีจัง พอเห็นความดีของเรา เราก็เกิดความคิดอยากจะช่วยเหลือเขา ให้เขาได้ดี มีความสุข...
แบบนี้คือ เมตตาของจริง
แล้วเมตตาปลอม เป็นอย่างไร?
เมตตาปลอม คือ ความรักใคร่เสน่หา
คนนี้เค้าหล่อเนอะ คนนี้สวยเนอะ คนนี้รวยเนอะ คนนี้รู้จักคนเยอะเนอะ เราไปดีกับเขาดีกว่า เราไปคุย ไปผูกมิตรกับเขาดีกว่า
แบบนี้ไม่ใช่เมตตาแล้วล่ะค่ะ
เพราะว่า ไม่ได้บริสุทธิ์ใจอะไรในการจะไปผูกสัมพันธ์อะไรกับเขาเลย
เคยเจอมั้ยคะ คนที่บอกกับแฟนว่า...
เธออย่าไปหึงน้องเขาสิ น้องเขาน่าสงสารนะ ต้องเมตตาน้องเขาหน่อย นี่ช่วยน้องเขาก็เพราะว่าเมตตาเขาต่างหาก หึงหวงอะไรนักหนา...
อย่างนี้เรียกว่า เมตตาปลอมแล้วนะคะ
ดังนั้น ถ้าคุณอ่านถึงตรงนี้ ลองแยกออกมั้ยคะว่า
เมตตาจริง เมตตาปลอม ต่างกันตรงไหน??
ใช่ค่ะ แยกที่เจตนา ความบริสุทธิ์ใจ และเหตุให้เกิด
ถ้าเมตตานั้น เกิดมาจากการที่มองเห็นคุณความดีของคนอื่น ก็เกิดจิตเป็นมิตรไมตรี ปรารถนาจะช่วยให้เขามีความสุข เจริญเติบโตในหน้าที่การงาน อันนี้คือเมตตาจริง
แต่ถ้าเมื่อใด ที่เกิดจากการรักใคร่ชอบพอเป็นการส่วนตัว
เพราะว่าเค้าหน้าตาดี พูดเพราะ กลิ่นตัวก็ห๊อมหอม พาเราไปเลี้ยงนั่นนี่ แถมมีเส้นสายเยอะ ช่วยเหลือเราได้ หรือถ้าเราช่วยเขา แล้วเขาจะยอมรับเรา มีผลประโยชน์กับเรา...
แบบนี้เป็นเมตตาปลอม และนำพาทุกข์ต่าง ๆ มาให้อีกเยอะแยะเลย
เหมือนในกรณีที่ขาดสติ ดูไม่ออกว่าจริง ๆ แล้วหลงเมตตาปลอม ปล่อยตัวเผลอใจผิดศีลข้อ ๓ ไปก็มี
หวังว่าวันนี้ คุณจะเข้าใจมากขึ้นใน พรหมวิหารธรรม ๔ ว่าเป็นคุณธรรมที่ควรทำให้เป็นที่อยู่ของใจ
เข้าไปอยู่ในบ้านเมตตาจริงบ่อย ๆ
อย่าหลงไปเข้าบ้านเมตตาปลอม
วันนี้ยาวมาก (อีกแล้ว)
พรุ่งนี้ ค่อยขอเชิญชวนคุณมาศึกษาไปพร้อมกันกับเรื่อง กรุณาจริง กรุณาปลอม
กับธรรมะที่เคยฝังใจว่ายากและล้าหลัง ทว่าจริง ๆ แล้วเป็นเรื่องทันสมัย และไม่ยากหากอธิบาย
สำหรับวันนี้ลาไปก่อน
สวัสดีค่ะ
ขอขอบคุณ
แหล่งข้อมูลจากหนังสือ ยาสามัญประจำใจ
หนังสือแจกของนิโรธาราม อารามแห่งความดับทุกข์
โฆษณา