Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เจาะลึกแท็กติกฟุตบอล
•
ติดตาม
27 ส.ค. 2021 เวลา 08:55 • กีฬา
🔵 เชลซี กับแนวทางการเล่นที่ฉีกกระชาก อาร์เซน่อล เป็นชิ้น ๆ
ย้อนไปตอนที่ เชลซี พ่ายต่อ อาร์เซน่อล 1-2 ในรอบชิงชนะเลิศ เอฟเอคัพ เมื่อปี 2020 มีนักเตะอยู่ 2 คนที่จบเกมด้วยความบอบช้ำ
คนหนึ่งคือ รีซ เจมส์ ซึ่งเจอกับปัญหาในตำแหน่งวิงแบ็คฝั่งขวา เขาถูกเล่นงานอย่างต่อเนื่องโดย ไอน์สลี่ย์ เมตแลนด์-ไนล์ ซึ่งมักจะวิ่งเข้ามาด้านใน ส่งผลให้เขาต้องทิ้งพื้นที่ด้านหลังเอาไว้ให้ ปิแอร์-เอเมอริก โอบาเมยอง โจมตี อีกคนก็คือ มาเตโอ โควาซิช ซึ่งได้ใบแดงขณะที่เหลือเวลาแข่งขันอีก 17 นาที ในตอนนั้นทำให้ เชลซี หมดโอกาสที่จะตอบโต้คืนได้เลย
อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับฟอร์มของพวกเขาเมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเอาชนะ อาร์เซน่อล 2-0 นั้นถือว่าเป็นคนละเรื่อง โรเมลู ลูกากู คว้าพื้นที่พาดหัวข่าวจากผลงานสุดประทับใจในการประเดิมสนามรอบสองกับ เชลซี แต่โดยรวมแล้วก็ถือว่าทั้งทีมโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่มีนักเตะคนไหนที่เด่นเหนือใคร
นับตั้งแต่ที่ โธมัส ทูเคิล เข้ามาคุมทีมสิงโตน้ำเงินครามเมื่อเดือนมกราคม เขาก็ได้สร้างทีมขึ้นมาในแบบที่สามารถเจาะทะลุไลน์ฝั่งตรงข้ามได้ ในส่วนนี้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เคยอธิบายเอาไว้ก่อนเกมนัดชิงชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ลีก ว่า เชลซี มีวิธีการเล่นอย่างไร
"พวกเขาใช้กองหลัง 3 คน กับกองกลางตัวโฮลดิ้งอีก 2 คน... และระยะของการยืนนั้นก็ชิดกันมาก ๆ" เขาอธิบายผ่านทาง BT Sport "จากนั้นในขณะเดียวกันพวกเขาก็ยืนห่างกันมากในตำแหน่งวิงแบ็ค ส่วน ติโม แวร์เนอร์ ก็ถอยลงมาต่ำมาก นั่นคือเหตุผลที่คุณไม่สามารถยืนชิดกันตรงกลางสนามได้เลย เพราะพวกเขาจะบังคับให้คุณไปทางนั้นทางนี้ และพวกเขาก็มีผู้เล่นที่ดีในแดนกลาง นั่นแหละคืองานที่ยาก"
ชัยชนะเมื่อวันอาทิตย์ถือว่าเป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบที่สุด เชลซี จัดการ อาร์เซน่อล ตั้งแต่แดนหลังไปจนถึงแดนหน้า บังคับให้พวกเขาหลุดออกจากตำแหน่ง แล้วก็โจมตีทีมปืนใหญ่จากฝั่งซ้ายสู่ฝั่งขวาอันนำมาซึ่ง 2 ประตู
ทูเคิล ใช้ระบบการยืน 3-4-2-1 ตามปกติ และ มิเกล อาร์เตต้า ก็จัดทีมให้เข้ากับระบบของ เชลซี โดยให้ลูกทีมยืนแบบ 4-2-3-1 มิดฟิลด์ตัวโฮลดิ้งของ อาร์เซน่อล 2 คน เริ่มต้นเกมด้วยการโฟกัสไปที่การวิ่งของ เมสัน เมาต์ และ ไค ฮาแวตซ์ ในภาพจะเห็นได้ว่าช่วงต้นเกม กรานิต ชาก้า กับ อัลเบิร์ต แซมบี้ โลกองก้า ยืนค่อนข้างชิดกัน โดยพยายามปกป้องแนวรับ และหยุดไม่ให้บอลถูกจ่ายทะลุขึ้นมาถึง ลูกากู
แต่หลังจากนั้น ฮาแวตซ์ ซึ่งเล่นในตำแหน่งฝั่งซ้ายด้านใน ก็ถอยต่ำลงมาอยู่แนวเดียวกับมิดฟิลด์ตัวกลางของ เชลซี นั่นหมายความว่า โลกองก้า ถูกบังคับให้ต้องขยับขึ้นมาประกบเขา เกิดพื้นที่ว่างมากขึ้นระหว่างนักเตะชาวเบลเยียมกับ ชาก้า และ เชลซี ก็มีพื้นที่ในการเจาะ อาร์เซน่อล โดย ฮาแวตซ์ นั้นสลับตำแหน่งการยืนกับ เมาต์ และ เจมส์ ก็มีพื้นที่ว่างตรงด้านไกล สิ่งนี้ได้กลายมาเป็นแบบแผนซ้ำ ๆ ในภายหลัง
ปัญหาของ อาร์เซน่อล ตรงกลางสนามก็คือพวกเขาไม่ค่อยแน่ใจนักว่าจะหยุดมิดฟิลด์ตัวโฮลดิ้ง 2 คนของ เชลซี อย่างไรดี พวกเขาต้องการที่จะบีบเกมกดดันในพื้นที่ตรงนี้ แต่ เอมิล สมิธ โรว์ ก็เอา จอร์จินโญ่ กับ โควิช ด้วยตัวคนเดียวไม่ไหว กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ก็ไปโฟกัสกับเซ็นเตอร์แบ็คของ เชลซี มากกว่า ส่วนผู้เล่นริมเส้นอย่าง นิโกล่าส์ เปเป้ และ บูกาโย่ ซาก้า ก็เล่นเกมของพวกเขาโดยที่ไม่ได้กดดัน โควาซิช และ จอร์จินโญ่ เลย ด้วยเหตุนี้จึงทำให้หนึ่งในมิดฟิลด์ตัวโฮลดิ้งของ อาร์เซน่อล จำเป็นต้องขยับขึ้นหน้าอยู่เสมอ และนั่นก็เป็นการทิ้งพื้นที่เอาไว้ให้โจมตี
จังหวะเคลื่อนที่ในภาพนั้นอาจเป็นอะไรที่แตกต่างออกไปเล็กน้อย แต่ก็ถือว่าน่าจดจำเป็นพิเศษ เพราะว่า โควาซิช นั้นเลือกที่จะไม่จ่ายบอลขึ้นหน้า เขาไม่สามารถหามุมที่เหมาะสมในการเล่นกับ ฮาแวตซ์ ได้ ดังนั้นเขาจึงวางเท้าคลึงบอลล่อหลอก สมิธ โรว์ ดึงให้เขาขยับขึ้นมาเพื่อสร้างพื้นที่เล็กน้อยตรงกลางสนาม
จากนั้น โควาซิช ก็จ่ายขวางสนามไปให้ เซซาร์ อัซปิลิกูเอต้า ซึ่งจ่ายทะลุผู้เล่น อาร์เซน่อล 4 คนที่ยืนขวางอยู่ และบอลก็ไปถึง ฮาแวตซ์ เขามีพื้นที่เหลือเฟือตรงกลางสนาม โดยที่ โลกองก้า ต้องรับผิดชอบพื้นที่ขนาดใหญ่ตรงนั้นด้วยตัวคนเดียว เพราะจากภาพจะเห็นได้ว่า ชาก้า ถูกลากโดย เมาต์ ให้ลงไปยืนต่ำ
เชลซี ขึ้นนำ 1-0 ด้วยประตูที่มาจากระบบสุดคลาสสิค ราวกับว่างัดออกมาจากตำราโดยตรง เป็นประตูที่เห็นได้บ่อยเมื่อทีมหนึ่งบุกด้วยผู้เล่น 5 คน เผชิญหน้ากับแผงแบ็คโฟร์ เชลซี ทำประตูแบบนี้ได้อยู่เป็นประจำในสมัยที่คว้าแชมป์ภายใต้การคุมทีมของ อันโตนิโอ คอนเต้ เมื่อฤดูกาล 2016/17 ขณะที่เกมที่ เยอรมัน ถล่ม โปรตุเกส ใน ยูโร 2020 ก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ควรค่าแก่การจดจำ
มันเป็นเกมของตัวเลขที่เรียบง่าย 5 ย่อมได้เปรียบ 4 อยู่แล้ว เซดริก พยายามไล่ตาม มาร์กอส อลอนโซ่, ร็อบ โฮลดิ้ง จับตามอง ฮาแวตซ์, ปาโบล มารี ถูกดึงออกจากตำแหน่งโดย ลูกากู และ คีแรน เทียร์นี่ย์ ตามประกบ เมาต์ ขณะที่ เจมส์ มีพื้นที่เป็นอิสระโดยสิ้นเชิงที่ด้านไกล นักเตะที่ยืนใกล้เขาที่สุดก็คือ ซาก้า ซึ่งเห็นได้ชัดเจนว่าเขาไม่ได้ถูกสั่งให้จัดการกับ เจมส์ ดูเหมือนนี่จะเป็นสิ่งที่ อาร์เตต้า มองข้ามไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาจากการที่เขาเคยประสบความสำเร็จด้วยแผนการเล่น 3-4-3 และความสามารถในการเล่นตำแหน่งวิงแบ็คของ ซาก้า
โควาซิช วางบอลไปให้กับ เจมส์ ที่ยืนอยู่คนเดียวโล่ง ๆ ทางริมเส้น...
... และเขาก็ปาดบอลเข้ากลาง ก่อนที่ ลูกากู จะส่งมันเข้าสู่ก้นตาข่าย
เชลซี ยังสร้างปัญหาให้กับฝั่งตรงข้ามอย่างต่อเนื่องด้วยการเล่นแบบเดิม และนี่ก็เป็นอีกตัวอย่าง ฮาแวตซ์ ยืนโล่งทางฝั่งซ้าย และ เมาต์ ก็ต้องการที่จะวางบอลไปทางฝั่งขวา ขณะที่มิดฟิลด์ตัวโฮลดิ้งของ อาร์เซน่อล ทั้ง 2 คน ไม่พร้อมที่จะรับมือกับพื้นที่ว่างตรงนั้น เพราะกำลังยืนเรียงกันเป็นเส้นตรง ส่วน ซาก้า ก็ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่พร้อมช่วยเหลือ เทียร์นี่ย์ เลยแม้แต่น้อย
ฮาแวตซ์ ได้บอลจาก เมาต์ และเขาก็แทงขึ้นหน้าไปให้ เจมส์ ที่วิ่งโอเวอร์แลปขึ้นมา
นี่เป็นอีกตัวอย่างที่เกือบจากเหมือนกันกับจังหวะได้ประตู ครั้งนี้เป็นการโจมตีโดยตรงมากกว่าเดิมด้วย แผงแบ็คโฟร์ของ อาร์เซน่อล ถูกดึงขึ้นมาโดยผู้เล่น 4 คนของ เชลซี และ เจมส์ ก็เป็นอิสระอีกครั้งที่ด้านไกล ในภาพจะเห็นว่า ฮาแวตซ์ พยายามเล่นจังหวะนี้ด้วยความรวดเร็ว...
... เจมส์ จ่ายย้อนมาให้กับ เมาต์ ในจังหวะสุดท้าย ซึ่งอันที่จริงแล้วหากเลือกจ่ายให้ ลูกากู เหมือนอย่างตอนที่เขาทำแอสซิสต์ก่อนหน้านี้น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
ตอนที่ เชลซี ขึ้นเกมจากแนวรับ บ่อยครั้งที่เป็นการขับเคลื่อนผ่าน โควาซิช ในภาพนี้เขาไม่มีตัวประกบเลยตรงกลางสนาม เป็นอีกครั้งที่ อาร์เซน่อล ดูสับสนว่าใครควรจะเป็นคนที่ต้องเข้าไปกดดัน สมิธ โรว์ ที่ยืนอยู่ด้านไกลพยายามชี้ไปที่ใครสักคน (ซึ่งบางทีอาจจะเป็น ชาก้า ที่ยืนอยู่ใกล้ จอร์จินโญ่) ให้เข้าไปประกบ แต่ก็ไม่มีใครทำเลย และ อัซปิลิกูเอต้า ก็เล่นจังหวะนี้ได้โดยง่าย...
... จากนั้น โควาซิช ก็มองเห็นทั้ง ฮาแวตซ์ และ เมาต์ ที่ยืนห่างออกมาจาก โลกองก้า ท้ายที่สุดเขาก็เลือกจ่ายให้กับรายหลัง
นี่คืออีกสถานการณ์ที่คล้ายกัน คราวนี้ เปเป้ ยืนอยู่ใกล้กับ โควาซิช ที่สุด แต่ก็ดูเหมือนว่าเขาจะชี้ให้ใครสักคนขยับขึ้นมาเข้าปะทะแทน ทำให้ อัซปิลิกูเอต้า ได้จ่ายบอลง่าย ๆ ให้กับ โควาซิช อีกครั้ง...
... เขามีเวลาเหลือเฟือในการแหงนหน้ามอง และจ่ายบอลทะลุ 2 มิดฟิลด์ตัวโฮลดิ้งของ อาร์เซน่อล ไปให้กับ ลูกากู ซึ่งถอยลงมาต่ำ คราวนี้เป็น เมาต์ ที่ยืนเป็นอิสระบ้างแล้ว เพราะว่า เทียร์นี่ย์ ขยับขึ้นมาบีบกดดัน เจมส์
เกมผ่านมาครึ่งชั่วโมง และก็กลายเป็นว่าผู้ชมได้เห็นการเคลื่อนที่แบบเดิมซ้ำ ๆ จนเบื่อ คู่มิดฟิลด์ตัวกลางของ อาร์เซน่อล กำลังมีสมาธิอยู่กับ เมาต์ และ โควาซิช แต่รายหลังก็มีเวลาในการเคาะบอลต่อไปให้ ฮาแวตซ์ ซึ่งยืนอยู่บริเวณฝั่งขวาด้านใน...
... และเขาก็จ่ายบอลไปให้กับ เจมส์ ที่วิ่งโอเวอร์แลปขึ้นหน้าอีกครั้ง
จากตรงนี้คุณอาจเริ่มสัมผัสได้แล้วว่าถ้ามีประตูที่ 2 จะเป็นไปในรูปแบบไหน ซึ่งมันก็เป็นเหมือนเดิมอีกครั้งจนได้ เซดริก หลุดออกไปจากสนามหลังจากที่เขาพยายามหยุด ฮาแวตซ์ ขณะที่ โฮลดิ้ง ก็ต้องตามประกบ อลอนโซ่, มารี ยืนอยู่กับ ลูกากู และ เทียร์นี่ย์ ต้องรับภาระหนักด้วยการไล่ตาม เมาต์ พร้อมจับตามอง เจมส์ ที่ด้านไกล และเขาก็รู้ตัวดีว่าเขาอาจจำเป็นต้องหุบเข้ามาด้านในเพื่อช่วย มารี ในการรับมือกับ ลูกากู
การเคลื่อนที่จังหวะนี้เรียบง่ายมาก อลอนโซ่ จ่ายบอลขวางสนามเข้ามาโดยมี ลูกากู วิ่งเปิดทางให้ บอลมาถึง เมาต์ ซึ่งจ่ายต่อไปให้กับ เจมส์...
... คราวนี้เขาเป็นคนจบสกอร์ด้วยตัวเองด้วยการตะบันเต็มเท้าเข้ามุมประตู
สกอร์ขยับเป็น 2-0 เกมจบเรียบร้อย เป็น 2 ประตูที่ได้มาจากแท็กติกอันแยบยลที่ เอมิเรตส์ และมันก็แสดงให้เห็นถึงสิ่งที่ กวาร์ดิโอล่า เคยกล่าวเอาไว้ เชลซี นั้นเก่งมากในการคลายคู่แข่งของพวกเขา
(เรียบเรียงจากบทความ How Chelsea used their shape to tear Arsenal apart
เขียนโดย ไมเคิล ค็อกซ์ ลงในเว็บไซต์
theathletic.com
เมื่อ 23 สิงหาคม 2021
เรียบเรียงโดย ณัฐดนัย เลิศชัยฤทธิ์)
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย