Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
โบราณนานมา
•
ติดตาม
28 ส.ค. 2021 เวลา 04:00 • ประวัติศาสตร์
๒๘ สิงหาคม ๒๕๖๔
วันคล้ายวันทิวงคต กรมพระราชวังบวร บวรวิไชยชาญ กรมพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า) พระองค์สุดท้ายในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์
พระองค์เป็นพระราชโอรสพระองค์ใหญ่ในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ (วังหน้า) ประสูติแต่เจ้าคุณจอมมารดาเอม เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๖ กันยายน ๒๓๘๐ เมื่อแรกประสูติพระองค์มีพระอิสริยยศที่หม่อมเจ้า โดยพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระนามว่า “ยอร์ชวอชิงตัน” ตามชื่อของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนแรก คนทั่วไปออกพระนามว่า “ยอด”
ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ (วังหลวง) พระราชทานพระนามให้ใหม่ว่า “พระองค์เจ้ายอดยิ่งยศ” และได้รับการสถาปนาเป็นพระองค์เจ้าต่างกรมที่ “กรมหมื่นบวรวิไชยชาญ” เมื่อปี ๒๔๐๔
◎ การแต่งตั้งเป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคล
เมื่อพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวสวรรคต พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็ไม่ได้ทรงแต่งตั้งผู้ใดขึ้นดำรงตำแหน่งกรมพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า) เพราะในขณะนั้นพระราชโอรสพระองค์โต คือ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ ยังทรงพระเยาว์เพียง ๑๒ พรรษา ทำให้เสี่ยงต่อการถูกแย่งชิงราชบัลลังก์
ฝ่ายเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ซึ่งถูกสงสัยมาตั้งแต่ครั้งพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวยังทรงพระชนม์ชีพว่าคิดจะชิงราชสมบัติ จึงได้เสนอให้ทรงแต่งตั้งพระองค์เจ้ายอดยิ่งเป็นวังหน้า แต่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็มิได้ตั้งให้เป็นวังหน้า
ก่อนหน้ารัชกาลที่ ๔ จะสวรรคต ๑ วัน ได้มีการประชุมพระญาติวงศ์และขุนนาง ที่ประชุมอันมีเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) เป็นประธาน ตกลงที่จะแต่งตั้งกรมหมื่นบวรวิไชยชาญเป็นวังหน้า ตามคำเสนอของกรมหลวงเทเวศร์วัชรินทร์ แต่เรื่องนี้ไม่เป็นมติเอกฉันท์ของที่ประชุม เพราะกรมขุนวรจักรธรานุภาพ ทรงคัดค้านว่า การแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งวังหน้านั้น ตามโบราณราชประเพณีเป็นพระราชอำนาจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่ใช่เป็นหน้าที่ของที่ประชุม ซึ่งทำความไม่พอใจให้แก่เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ ท่านจึงได้ย้อนถามว่า “ที่ไม่ยอมนั้น อยากจะเป็นเองหรือ” กรมขุนวรจักรธรานุภาพ จึงตอบว่า “ถ้าจะให้ยอมก็ต้องยอม” จึงเป็นอันว่าที่ประชุมเห็นสมควรที่จะแต่งตั้งกรมหมื่นบวรวิไชยชาญเป็นวังหน้า ในวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๔๑๑ เป็น กรมพระราชวังบวร บวรวิไชยชาญ วังหน้าองค์สุดท้ายในสมัยรัตนโกสินทร์
◎ วิกฤตการณ์วังหน้า
ในช่วงต้นรัชกาลที่ ๕ ประมาณ ทรงริเริ่มปฏิรูปปรับปรุงการปกครองประเทศให้ทันสมัยโดยโยงอำนาจเข้าศูนย์กลาง ทรงตั้งหอรัษฎากรพิพัฒน์ (ปัจจุบัน คือ กระทรวงการคลัง) เพื่อรวมรวมการเก็บภาษีมาอยู่ที่เดียวกัน ซึ่งกระทบกระเทือนต่อการเก็บรายได้ สร้างความไม่พอใจแก่เจ้านายและขุนนางเก่าแก่เป็นอันมาก โดยเฉพาะกรมพระราชวังบวรสถานมงคล ซึ่งเดิมมีรายได้แผ่นดินถึง ๑ ใน ๓ มีทหารในสังกัดถึง ๒,๐๐๐ นาย และมีข้าราชบริพารเป็นจำนวนมาก และเกิดปฏิกิริยาโต้ตอบ มีการสะสมอาวุธ มีความขัดแย้งระหว่างวังหลวงกับวังหน้า จนเกือบจะเกิดสงครามกลางเมือง ซึ่งเรียกเหตุการณ์ขัดแย้งนี้ว่า “วิกฤตการณ์วังหน้า”
ความบาดหมางระหว่างวังหลวงและวังหน้า กรมพระราชวังบวร บวรวิไชยชาญ จึงทรงระดมกำลังเพิ่มในวังหน้า กระทั่งปลายเดือนธันวาคม ๒๔๑๗ เกิดอัคคีภัยใกล้กับโรงเก็บดินปืนในวังหลวง ทางวังหน้าจะนำทหารพร้อมอาวุธไปช่วยดับเพลิง แต่วังหลวงไม่อนุญาต กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญทรงระแวงว่าพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จะทรงกำจัดหรือลิดรอนสิทธิอำนาจของพระองค์ จึงทรงหนีไปอยู่สถานกงสุลอังกฤษ และเรียกร้องให้ข้าหลวงอังกฤษมาช่วยไกล่เกลี่ย ฝ่ายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเชิญสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์เป็นผู้ไกล่เกลี่ยและทรงบอกไม่ให้พวกอังกฤษมาแทรกแซง “วิกฤตการณ์วังหน้า” ยุติลงในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๔๑๘
◎ ทิวงคต
กรมพระราชวังบวร บวรวิไชยชาญ เสด็จทิวงคตเมื่อวันศุกร์ที่ ๒๘ สิงหาคม ๒๔๒๘ พระชันษา ๔๘ ปี พระราชทานเพลิง ณ พระเมรุท้องสนามหลวง เมื่อวันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๔๒๙
◎ ยกเลิกกรมพระราชวังบวรสถานมงคล
ภายหลังการเสด็จทิวงคตของวังหน้ารัชกาลที่ ๕ ก็ไม่มีการสถาปนาผู้ใดขึ้นเป็นวังหน้าอีก โดยพระองค์มีพระราชดำริว่า
“...ตำแหน่งกรมพระราชวังบวรสถานมงคลไม่เหมาะสมกับกาลสมัยและอาจทำให้ชาวต่างประเทศเข้าใจสับสน...”
และมีพระราชดำริว่าพระราชอิสริยยศ “สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช” ซึ่งเรียกว่า “สมเด็จหน่อพระพุทธเจ้า” ที่ได้ตั้งขึ้นไว้ตั้งแต่ครั้งสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ เป็นตำแหน่งที่สอดคล้องตามแบบอย่างการสืบสันตติวงศ์ของพระมหากษัตริย์ในนานาอารยประเทศที่มีราชประเพณีแต่งตั้งพระราชโอรสองค์ใหญ่เป็นมกุฎราชกุมารดำรงตำแหน่งรัชทายาท
ด้วยเหตุนี้ พระองค์จึงทรงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ประกาศยกเลิกตำแหน่งพระมหาอุปราชฝ่ายหน้าในวันที่ ๔ กันยายน พุทธศักราช ๒๔๒๘ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ตั้งพระราชพิธีมหาพิไชยมงคลลงสรงสนานเฉลิมพระปรมาภิไธยสถาปนาสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ ขึ้นเป็น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร เมื่อวันที่ ๑๔ มกราคม ๒๔๒๙ และเป็นสยามมกุฎราชกุมารพระองค์แรกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ระบุรัชทายาทสืบราชบัลลังก์ต่อไป
พระราชวังหน้าที่เคยโอ่อ่าจึงค่อย ๆ ลดทอนความสำคัญลง พื้นที่ส่วนหนึ่งถูกนำมายังประโยชน์อื่น ๆ ตามพระราชประสงค์ของรัชกาลที่ ๕ ด้วยทรงไม่ปรารถนาให้กลายเป็นที่ร้างไปเปล่า ๆ เช่น โปรดให้เขตวังชั้นนอกเป็นโรงทหารรักษาพระองค์ วังชั้นกลางโปรดให้จัดเป็นพื้นที่ของพิพิธภัณฑสถาน ณ พระที่นั่งอิศราวินิจฉัย, พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ และพระที่นั่งศิวโมกขพิมาน ส่วนวังชั้นในซึ่งยังมีเจ้านายฝ่ายใน พระธิดาของวังหน้าพระองค์ก่อน ๆ ประทับอยู่ ก็โปรดให้จัดเป็นพระราชวังต่อไป และมีเจ้าพนักงานดูแลอยู่เช่นเดิม
วังหน้าที่เคยทรงอำนาจมานานถึง ๑๐๓ ปีก็ค่อย ๆ เลือนหายไปจากการรับรู้และความทรงจำของผู้คนตามกฎอันเป็นธรรมชาติของกาลเวลา
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย