Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เสียบสามเหลี่ยม
•
ติดตาม
28 ส.ค. 2021 เวลา 05:24 • กีฬา
ย้อนไปเมื่อ 24 ชั่วโมงที่แล้ว หรือเช้าของวันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม ดูเหมือนว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กำลังจะปิดดีลช็อคโลกด้วยการคว้า คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ไปอยู่ด้วย แต่กลายเป็นว่าสถานการณ์มาพลิกผันแบบเหลือเชื่อ ในช่วงค่ำของเมื่อคืนนี้
2
จากที่แฟนบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลายคนทำท่าว่าจะต้องใจสลาย ที่อดีตนักเตะขวัญใจกำลังจะย้ายไปซบคู่ปรับร่วมเมือง กลับกลายเป็นว่าพอถึงช่วงดึก พวกเขากลับได้พบกับข่าวจากสโมสรที่ทำให้มีความสุขมากที่สุดในรอบหลายปี
2
"แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยินดีที่จะยืนยันว่าสโมสรได้บรรลุข้อตกลงกับ ยูเวนตุส สำหรับการย้ายทีมของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ โดยเหลือแค่ข้อตกลงเรื่องสัญญาส่วนตัว, วีซ่า และการตรวจร่างกายเท่านั้น"
สโมสรประกาศยืนยันแบบ Official แล้วจริงๆ นี่คือความจริง แม้จะยังไม่มีการเซ็นสัญญาเปิดตัวชูเสื้ออย่างเป็นทางการ แต่มันจะไม่มีอะไรผิดพลาดแน่
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กำลังจะกลายเป็นนักเตะของทีมปีศาจแดงอีกครั้งในรอบ 12 ปี ซึ่งการกลับคืนสู่เหย้าของเขาในครั้งนี้ ถือเป็นประเด็นที่ใหญ่ที่สุดของโลกฟุตบอล และแน่นอนว่า มันเป็นเรื่องที่คู่ควรพอ สำหรับทำความเข้าใจที่มาที่ไปของดีลนี้ทั้งหมด
คำถามแรกที่น่าสงสัย นั่นก็คือ ทำไม โรนัลโด้ ถึงต้องการย้ายทีม?
ย้อนไปในปี 2018 คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ตัดสินใจอำลาสโมสรที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จมากที่สุดในอาชีพอย่าง เรอัล มาดริด ด้วยเหตุผลที่ว่า เขาไม่รู้สึกว่าตัวเองสำคัญกับทีมราชันชุดขาว มากเท่ากับ ลิโอเนล เมสซี่ สำคัญกับ บาร์เซโลน่า
ในเดือนตุลาคม 2018 โรนัลโด้ไปให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร ฟร้องซ์ ฟุตบอล ของฝรั่งเศสว่า “ผมรู้สึกว่าภายในสโมสร โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวของท่านประธาน (ฟลอเรนติโน่ เปเรซ) พวกเขาไม่ได้มองผมเหมือนกับตอนแรกอีกแล้ว”
2
“ในช่วง 4-5 ปีแรกที่นั่น ผมมีความรู้สึกถึงการได้เป็น คริสเตียโน่ โรนัลโด้ แต่หลังจากนั้นมันค่อยๆ ลดลง ท่านประธานมองผมด้วยสายตาแบบที่ไม่อยากจะพูดกับผมแบบเดิม มันเหมือนกับว่าผมไม่ใช่คนที่พวกเขาขาดไม่ได้อีกแล้ว”
1
“นั่นคือสิ่งที่ทำให้ผมคิดถึงเรื่องการอำลา บางครั้งผมเห็นข่าวที่บอกว่าผมขอย้ายทีม ซึ่งมันก็เป็นเรื่องจริงอยู่บ้าง แต่ความจริงก็คือผมรู้สึกมาตลอดว่าท่านประธานจะไม่รั้งผมเอาไว้เลย”
“ความจริงก็คือ เปเรซ ต้องการผม แต่ในเวลาเดียวกัน เขาก็ทำให้ผมรู้ว่า การจากไปของผม จะไม่สร้างปัญหาใดๆ ให้เขาทั้งสิ้น”
ซึ่งในเวลานั้น ยูเวนตุส คือทีมเดียวในโลกที่พร้อมทุ่มเงินสูงถึง 100 ล้านยูโร เพื่อเซ็นสัญญากับนักเตะอายุ 33 ปี และยอมจ่ายค่าเหนื่อยในระดับที่ไม่น้อยกว่าที่ CR7 ได้รับกับ เรอัล มาดริด
ทีมม้าลายคือหนึ่งในสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของยุโรปอยู่แล้ว ขณะที่การย้ายไปเล่นในอิตาลีก็เป็นความท้าทาย นั่นทำให้ โรนัลโด้ ตัดสินใจเซ็นสัญญากับ ยูเวนตุส ในวันที่ 10 กรกฎาคม 2018 โดยมีสัญญายาวถึงปี 2022
4
ในช่วง 2 ปีแรกที่ “ซีอาร์เซเว่น” เล่นที่อิตาลี เขาพายูเว่คว้าสคูเด็ตโต้ได้ 2 สมัยติดต่อกัน
1
แต่หลังจากการแพร่ระบาดของวิกฤติโควิด-19 เมื่อปีที่แล้ว มันมีสัญญาณหลายๆ อย่างที่ทำให้ โรนัลโด้ มองว่า ยูเวนตุส ไม่ใช่สโมสรที่ตอบโจทย์ความต้องการของตัวเองอีกต่อไป
ประเด็นแรกคือเรื่องในสนาม เพราะหลังจากฟุตบอลกลับมาแข่งกันได้อีกครั้ง หลังผ่านพ้นการล็อคดาวน์ในช่วงกลางปี 2020 ยูเวนตุส พลาดแชมป์ โคปปา อิตาเลีย ด้วยการดวลจุดโทษแพ้ นาโปลี ในนัดชิง แถมยังร่วงตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วยน้ำมือของ โอลิมปิก ลียง อีกต่างหาก
2
แม้จะได้แชมป์ กัลโช่ เซเรีย อา มาครอง แต่การที่ทีมตกรอบ UCL แบบน่าผิดหวัง แถมผลงานในลีกก็ดูไม่แข็งแกร่งเท่าเดิม ทำให้สโมสรตัดสินใจปลด เมาริซิโอ ซาร์รี่ ออกจากตำแหน่ง และแต่งตั้งโค้ชมือใหม่อย่าง อันเดรีย ปีร์โล่ ขึ้นเป็นกุนซือแทน
2
ซึ่งกลายเป็นว่าภายใต้การทำทีมของ ปีร์โล่ ทีมม้าลายยิ่งทำผลงานย่ำแย่กว่าสมัยที่ ซาร์รี่ คุมทีมเสียอีก เพราะพวกเขาเสียแชมป์ลีกหนแรกในรอบ 9 ปีให้กับ อินเตอร์ มิลาน แถมยังร่วงตกรอบ 16 ทีม แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน ด้วยน้ำมือของทีมรองบ่อนอย่าง เอฟซี ปอร์โต้
ซีซั่น 2020-21 คริสเตียโน่ โรนัลโด้ อาจยิงไปถึง 29 ประตูใน เซเรีย อา จนคว้ารางวัลดาวซัลโว และได้แชมป์ โคปปา อิตาเลีย สมัยแรกกับทีมมาครอง แต่นั่นกลับทำให้ตัวของสตาร์ดังแดนฝอยทองรู้สึกว่าเขาไม่มีอะไรต้องพิสูจน์ในอิตาลีอีกแล้ว
เมื่อบวกกับการกลับมารับตำแหน่งกุนซืออีกครั้งในปีนี้ของ มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี ซึ่งก่อนที่เขาจะโดนปลดเมื่อปี 2019 สื่อดังอย่าง กัซเซ็ตต้า เดลโล่ สปอร์ต เคยเผยว่าเขาไม่พอใจกับการที่ โรนัลโด้ ย้ายเข้ามามีอิทธิพลในทีมมากกว่าตัวเขาที่เป็นนายใหญ่ นั่นทำให้การกลับมาคุมทีมรอบ 2 ของ อัลเลกรี เขามีแผนที่จะทำให้ ยูเวนตุส เดินหน้าต่อได้โดยไม่ต้องพึ่ง CR7 อีก
ความสัมพันธ์ของ มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี กับ โรนัลโด้ ไม่ค่อยราบรื่น
นอกจากปัจจัยเรื่องฟุตบอลเพียวๆ จะทำให้ โรนัลโด้ ต้องการย้ายออกจาก ยูเวนตุส แล้ว ยังมีรายงานว่าพวกบอร์ดบริหารของสโมสรเอง ก็ไม่ปิดโอกาสที่จะโละนักเตะที่เป็นดาวซัลโวสูงสุดของสโมสรมา 3 ฤดูกาลซ้อนออกไปด้วยเช่นกัน
1
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ รับค่าจ้างจาก ยูเวนตุส สูงถึงปีละ 31 ล้านยูโร แน่นอนว่านั่นคือรายจ่ายที่หนักหน่วงมากของสโมสร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ทีมเจอวิกฤติการเงินจากโควิด-19
ถ้าหากทีมยังเก็บเขาไว้ต่อไป จะเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการสร้างทีมชุดใหม่ โดยช่วงซัมเมอร์ปีนี้ ทีมม้าลายยังไม่สามารถใช้เงินเสริมทัพแบบจัดหนักได้เลยสักคน เพราะ มานูเอล โลคาเตลลี่ กองกลางที่ดึงตัวจาก ซาสซูโอโล่ ก็ดีลเข้ามาด้วยสัญญายืมตัว แล้วค่อยใช้ออปชั่นซื้อขาดในปีหน้าทีหลัง
เพราะฉะนั้น ยูเว่จึงมองว่าการหาทางปล่อยตัว โรนัลโด้ เพื่อนำเม็ดเงินเข้ามาสู่ทีมทันทีในปีนี้ เป็นเรื่องที่ดีกว่าแบกรับค่าเหนื่อยมหาศาลของเขาต่ออีก 1 ปี แล้วนักเตะย้ายทีมแบบฟรีๆ ในปีหน้า
มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี ดร็อปดาวยิงทีมชาติโปรตุเกสเป็นตัวสำรองในเกม เซเรีย อา นัดเปิดฤดูกาลที่บุกเสมอ อูดิเนเซ่ 2-2 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม ก่อนที่ จอร์จ เมนเดส เอเยนต์ส่วนตัวของ โรนัลโด้ จะถูกบอร์ดบริหารของยูเวนตุสเรียกตัวไปคุยที่ศูนย์ฝึกซ้อมของสโมสรในวันพฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคม เพื่อหารือว่าจะทำอย่างไรให้เรื่องนี้จบลงแบบดีที่สุดต่อทุกฝ่าย
บีบีซีรายงานว่า เมื่อวันพฤหัสบดี เมนเดส ได้ไปพูดคุยกับ พาเวล เนดเวด รองประธานสโมสรของทีมม้าลาย, เมาริซิโอ อาร์ริวาเบเน่ ซีอีโอคนใหม่ของทีม และ เฟเดริโก้ เชรูบินี่ ผู้อำนวยการกีฬา เพื่อรับแจ้งว่า ยูเวนตุสจะพิจารณาทุกความเป็นไปได้ที่จะปล่อยให้ โรนัลโด้ ย้ายทีม
1
แต่ซูเปอร์สตาร์ผู้เคยคว้ารางวัล บัลลง ดอร์ มาแล้วถึง 5 สมัยจะย้ายทีมได้ ก็ต่อเมื่อ ยูเวนตุส ได้รับข้อเสนอที่เป็นค่าตัวที่ยอมรับได้เท่านั้น
ยูเวนตุส จ่ายเงินค่าตัวของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เป็นมูลค่ารวมกันสูงถึง 117 ล้านยูโร (100 ล้านยูโร + Add-ons) โดยเซ็นสัญญากันไว้ 4 ปี และใช้งานมาแล้ว 3 ปี นั่นทำให้ตัวเลขค่าตัวที่ทีมม้าลายต้องการตอนที่นักเตะเหลือสัญญาปีสุดท้าย คือราวๆ 29 ล้านยูโร เพื่อทำให้บัญชีของพวกเขาในปีนี้ไม่ติดลบ
1
สื่อดังของอังกฤษอย่าง เดอะ การ์เดี้ยน เผยเมื่อคืนวันศุกร์ว่า คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ได้ขอให้ จอร์จ เมนเดส ลองหยั่งเชิงติดต่อไปหาสโมสรใหญ่ๆ ในยุโรปตั้งแต่ช่วงกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาดูก่อน ว่าพอจะมีทีมไหนที่เหมาะให้เขาย้ายไปร่วมทีมในปีนี้ได้บ้าง
ซึ่งทีมที่ เมนเดส เล็งไว้ ประกอบด้วย เรอัล มาดริด, ปารีส แซงต์-แชร์กแม็ง, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ เชลซี แต่ดูเหมือนว่าจะยังไม่ค่อยมีทีมไหนขยับเดินหน้าอย่างจริงจังมากนัก
1
คาร์โล อันเชล็อตติ กุนซือคนใหม่หน้าเก่าของ เรอัล มาดริด ให้สัมภาษณ์ยืนยันเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ว่าเขาไม่มีความคิดจะเซ็นสัญญากับ โรนัลโด้ เพราะอยากสร้างทีมที่มุ่งไปข้างหน้า มากกว่าจะเรียกหาอดีตตำนาน
2
เป้าหมายอันดับหนึ่งของทีมราชันชุดขาวก่อนปิดตลาดรอบนี้คือ คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ ที่ต้องการย้ายออกจากเปแอสเช โดย ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ได้ยื่นข้อเสนอมูลค่าสูงถึง 170 ล้านยูโรให้สโมสรดังแห่งฝรั่งเศสไปแล้ว แต่ว่ายังไม่เป็นผลสำเร็จ
2
การที่ เปแอสเช เพิ่งได้ตัว ลิโอเนล เมสซี่ มาผนึกกำลังร่วมกับ เนย์มาร์, อังเคล ดิ มาเรีย และ เมาโร อิคาร์ดี้ ในแนวรุกปีนี้ แถมสโมสรก็ไม่มีความคิดจะขาย เอ็มบั๊ปเป้ นั่นก็เป็นคำตอบที่ชัดเจนแล้วว่า โคตรทีมแห่ง ลีก เอิง อยากได้ โรนัลโด้ ไปอยู่ด้วยในปี 2021 นี้หรือไม่
3
ส่วน เชลซี เน้นไปที่การหาศูนย์หน้าตัวเป้าธรรมชาติแท้ๆ ที่พร้อมจะเล่นให้ทีมไปอีกหลายปีมากกว่า ซึ่งสุดท้ายก็ไปลงเอยกับ โรเมลู ลูกากู ที่ย้ายกลับสู่ถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ด้วยค่าตัวสถิติสโมสรถึง 97.5 ล้านปอนด์
2
นั่นหมายความว่าเหลือ 2 ตัวเลือก คือ 2 ทีมจากเมืองแมนเชสเตอร์เท่านั้น และความพีคจริงๆ ของเรื่องนี้ ก็อยู่ที่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วง 2 วันที่ผ่านมา
จอร์จ เมนเดส เอเยนต์ของโรนัลโด้ พยายามติดต่อหาทีมใหญ่ให้ CR7 ได้ย้ายในปีนี้
ดิ แอธเลติก เผยว่า เมื่อราวๆ 10 วันก่อน แมนฯ ซิตี้ ได้รับการติดต่อจาก จอร์จ เมนเดส เป็นครั้งแรก ในการถูกเสนอโอกาสให้เซ็นสัญญากับ โรนัลโด้ แต่ว่าทีมเรือใบสีฟ้ายังไม่สนใจ เพราะเป้าหมายอันดับหนึ่งยังคงเป็น แฮร์รี่ เคน ที่พวกเขาพร้อมทุ่มเงินเกินกว่า 120 ล้านปอนด์เพื่อดึงตัวจาก ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์
2
นอกจากนั้นแล้ว เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ไม่เคยต้องการได้ตัว โรนัลโด้ ไปอยู่ด้วย เป้าหมายที่เขาอยากได้จริงๆ ในตอนนี้มีเพียงศูนย์หน้ากัปตันทีมชาติอังกฤษเท่านั้น
แต่สุดท้ายในเมื่อ แดเนียล เลวี่ ประธานทีมไก่เดือยทองไม่ยินยอมปล่อยตัว ทำให้ เคน ต้องจำยอมเล่นให้ต้นสังกัดเดิมต่อไป และนั่นทำให้ แมนฯ ซิตี้ เริ่มกลับมาสนใจ โรนัลโด้ อย่างจริงจังในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
นักเตะหลายคนของทีมเรือใบสีฟ้าอยู่ภายใต้การดูแลของ เมนเดส ไม่ว่าจะเป็น เอแดร์ซอน โมราเอส, รูเบน ดิอาส, แบร์นาร์โด้ ซิลวา และ ชูเอา คันเซโล่ นั่นทำให้การเจรจาพูดคุยกับ แมนฯ ซิตี้ ไม่ใช่เรื่องยาก โดยมีความคืบหน้าไปมาก ตั้งแต่วันอังคารที่ผ่านมา
มีรายงานว่า จอร์จ เมนเดส เดินทางไปที่กรุงปารีสเพื่อพบกับตัวแทนของ แมนฯ ซิตี้ เมื่อวันอังคาร ซึ่งตอนนั้นแหล่งข่าววงในมั่นใจว่า โรนัลโด้ จะเสร็จทีมเรือใบสีฟ้าแน่ แม้จะยังไม่มีการตกลงอย่างเป็นทางการ หรือแม้ทางฝั่งซิตี้อาจจะยังลังเลอยู่ว่า สไตล์การเล่นของ CR7 อาจไม่เข้ากับระบบการทำทีมของเป๊ป หรือยังกังวลในเรื่องของเพดานค่าเหนื่อยในทีมด้วยก็ตาม
เวลา 8 โมงเช้าของวันศุกร์ที่ 27 สิงหาคมตามเวลาอังกฤษ (14.00 น. ตามเวลาไทย) โรนัลโด้ เดินทางไปที่สนามซ้อมของยูเวนตุส เพื่อใช้เวลา 40 นาทีบอกกับเพื่อนร่วมทีมว่าเขาต้องการย้ายออกไป
1
ก่อนที่อีกไม่กี่ชั่วโมงถัดมา มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี จะให้สัมภาษณ์ยืนยันต่อหน้าสื่อว่า โรนัลโด้ ติดต่อหาเขาโดยตรงว่าไม่ต้องการเล่นให้ ยูเวนตุส อีกต่อไปจริงๆ และเขาจะไม่มีชื่อลงเล่นในเกมลีกกับ เอ็มโปลี คืนวันเสาร์
3
สถานการณ์ ณ ตอนนั้น ทุกคนรู้แล้วว่า โรนัลโด้ จะต้องย้ายทีมแน่ๆ และดูเหมือนว่าปลายทางน่าจะเป็น แมนฯ ซิตี้ ถ้าหากไม่มีอะไรผิดพลาด
อย่างไรก็ตาม ทีมเรือใบสีฟ้าซึ่งยังไม่เคยมีการบรรลุข้อตกลงอย่างเป็นทางการกับ ยูเวนตุส มาก่อน นอกจากตกลงเบื้องต้นผ่านการพูดคุยปากเปล่าเท่านั้น ไม่ค่อยเต็มใจจ่ายค่าตัวของ โรนัลโด้ ที่ทีมม้าลายเรียกร้องสักเท่าไร
1
เพราะลำพังแค่ค่าเหนื่อยก็มหาศาลมากพออยู่แล้ว แถมนักเตะก็ไม่ใช่เป้าหมายแรกของทีมอีกด้วย
ซึ่งในจังหวะนั้นเอง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ได้ติดต่อไปหา เมนเดส อย่างเป็นทางการ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยแสดงความกระตือรือร้นอะไรมาก
แล้วเมื่อ แมนฯ ซิตี้ เห็นว่า ทีมปีศาจแดงจริงจังกับดีลนี้ และมีข้อได้เปรียบที่จะได้ตัวนักเตะไปอยู่ด้วยมากกว่าพวกเขา ทำให้ทีมเรือใบสีฟ้าตัดสินใจล้มเลิกการเจรจาในวันศุกร์ ปล่อยให้คู่ปรับร่วมเมืองสมหวังกับการเอาอดีตตำนานกลับบ้านได้ในที่สุด
1
ดิ แอธเลติก เผยว่า หลังจากที่มีข่าวหลุดออกมาเมื่อคืนวันพฤหัสบดีว่า คริสเตียโน่ โรนัลโด้ อาจจะย้ายไป แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทำให้ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ตัดสินใจในภายหลังว่าควรมีการปรึกษากับฝ่ายบริหารของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ว่าสโมสรจำเป็นต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว
3
1
โซลชาร์ กังวลว่าการปล่อยให้ซิตี้ได้ตัว โรนัลโด้ จะทำให้บรรยากาศของสโมสรเลวร้ายเกินไป เพราะการไม่ขยับทำอะไรเลย แล้วปล่อยให้อดีตตำนานซึ่งยังคงเป็นนักเตะระดับโลกย้ายไปเล่นให้คู่ปรับร่วมเมือง มันจะสร้างความขุ่นเคืองอย่างมากให้แฟนบอล แถมมันยังหมายถึงการแสดงออกให้นักเตะชุดปัจจุบัน รวมถึงตำนานหลายๆ คนมองสโมสรได้ว่ามีความทะเยอทะยานไม่มากพอที่จะต่อกรกับคู่ปรับสำคัญอีกด้วย
1
ปกติแล้ว กุนซือชาวนอร์เวย์จะไม่ค่อยพูดถึงนักเตะของทีมอื่นออกนอกหน้ามากนัก แต่ระหว่างการให้สัมภาษณ์ต่อหน้าสื่อเมื่อวันศุกร์ เขาพูดถึงประเด็นที่ โรนัลโด้ อาจย้ายไปร่วมทีม แมนฯ ซิตี้ เอาไว้แบบส่งสัญญาณว่าต้องการได้ตัวมาร่วมทีมจริงๆ
2
“สำหรับผมแล้ว เขาคือนักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล พวกเรามีการสื่อสารกันนิดหน่อย ผมรู้ว่า บรูโน่ แฟร์นันด์ส ได้พูดคุยกับเขาด้วย”
1
“มาดูกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคริสเตียโน่ เขาคือตำนานของสโมสรแห่งนี้ ผมเคยเล่นกับเขา และเคยสอนเขา เขายังเป็นบุคคลที่น่าเกรงขามด้วยเช่นกัน มาดูกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
1
“เขารู้ว่าเรารู้สึกกับเขายังไง ถ้าหากเขาต้องการย้ายออกจากยูเวนตุส เขารู้ว่าเราอยู่ตรงนี้”
2
นอกจาก โซลชาร์ แล้ว ทางด้านตำนานดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของสโมสรอย่าง เวย์น รูนี่ย์ ก็ให้สัมภาษณ์เชิงเล่นจิตวิทยากับเพื่อนเก่าด้วย ว่าเขาเชื่อว่า โรนัลโด้ จะไม่มีวันย้ายไปเล่นให้กับ แมนฯ ซิตี้ แน่
1
โซลชาร์ เคยสอน โรนัลโด้ มาแล้ว ตอนที่เป็นสต๊าฟฟ์โค้ชทีมชุดใหญ่ของทีมในปี 2008
ในขณะเดียวกัน หลายสื่อก็รายงานตรงกันว่า เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน คือผู้มีอิทธิพล และมีบทบาทสำคัญอย่างที่สุด ที่ทำให้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เลือกย้ายกลับมาซบต้นสังกัดเก่าของเขาอีกครั้ง
5
เซอร์ อเล็กซ์ คือหนึ่งในไม่กี่คนบนโลกนี้ ที่ซูเปอร์สตาร์เจ้าของรางวัล บัลลง ดอร์ 5 สมัยให้ความเคารพอย่างสุดหัวใจ
1
เขาเป็นหนี้บุญคุณบรมกุนซือชาวสกอตติชอย่างมาก ที่เลือกยืนอยู่ข้างเขาเสมอในทุกช่วงเวลาลำบาก จนกระทั่งปลุกปั้นให้สตาร์ทีมชาติโปรตุเกส กลายมาเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดในโลกได้อย่างเต็มภาคภูมิ
1
เซอร์ อเล็กซ์ ยังเคยแสดงความเห็นอกเห็นใจ โรนัลโด้ ตอนที่นักเตะสูญเสียคุณพ่อ ด้วยวิธีปฏิบัติกับลูกน้องเหมือนคนในครอบครัว และยังปล่อยให้เจ้าตัวย้ายไป เรอัล มาดริด ตามความฝันในปี 2009 ด้วยสัญญาลูกผู้ชายอีกด้วย
1
แต่การที่อดีตนักเตะลูกรักกำลังจะย้ายไป แมนฯ ซิตี้ คือเรื่องที่ป๋าเฟอร์กี้จะไม่ยอมอย่างเด็ดขาด
1
เซอร์ อเล็กซ์ เดินเรื่องติดต่อไปหาบอร์ดบริหารของ แมนฯ ยูไนเต็ด ด้วยตัวเองในวันพฤหัสบดี รวมถึงติดต่อไปหาเอเยนต์อย่าง จอร์จ เมนเดส
1
ซึ่ง เมนเดส เองก็ให้ความเคารพกับทีมปีศาจแดง และอดีตตำนานกุนซือชาวสกอตแลนด์ที่เขามีสายสัมพันธ์ที่ดีมานานอย่างมาก นั่นทำให้ดีลนี้เจรจากันได้โดยใช้เวลาเพียงไม่นาน
1
1
ขณะที่ตำนานปีศาจแดงทั้ง ริโอ เฟอร์ดินานด์ และ ปาทริซ เอวร่า ก็ได้พยายามติดต่อไปหา CR7 โดยตรงด้วยเช่นกัน ก่อนที่สุดท้ายจะได้รับข่าวดีกันถ้วนหน้า ว่าสตาร์ดังผู้เคยยิงประตูให้ สโมสรถึง 118 ประตูจากการลงสนาม 292 นัดรวมทุกรายการ จะย้ายกลับมาเล่นในโรงละครแห่งความฝันแล้วจริงๆ
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เดินทางถึงกรุงลิสบอนในวันที่ 27 สิงหาคม
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ จะตรวจร่างกายที่กรุงลิสบอน และเซ็นสัญญากับ แมนฯ ยูไนเต็ด อย่างเป็นทางการที่นั่น ก่อนจะอยู่ช่วยทีมชาติโปรตุเกสอีก 3 นัดในช่วงเบรกฟีฟ่าเดย์ แล้วค่อยเดินทางมาซ้อมร่วมกับผีแดงในช่วงต้นเดือนหน้า
1
ค่าตัวในการย้ายทีมครั้งนี้ ถือว่าถูกกว่าที่คิด โดย ไซม่อน สโตน ผู้สื่อข่าวของบีบีซี เผยว่าเบื้องต้นอยู่ที่ 15 ล้านยูโร (12.85 ล้านปอนด์) และมี Add-ons อีก 8 ล้านยูโร (ราวๆ 6.86 ล้านปอนด์) นั่นทำให้จำนวนเงินที่ทีมปีศาจแดงต้องจ่ายให้ยูเวนตุส เพียงแค่ไม่เกิน 20 ล้านปอนด์เท่านั้น
1
แต่ที่หนักหน่อยน่าจะเป็นเรื่องค่าเหนื่อยที่สูงถึงปีละ 25 ล้านปอนด์ (จากการรายงานของ จานลูก้า ดิ มาร์ซิโอ นักข่าวคนดังของ สกาย สปอร์ตส์) แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาอะไร ในเมื่อได้ตัวตำนานระดับโลกกลับคืนถิ่นด้วยค่าตัวสุดถูก
1
ถึงแม้ “ซีอาร์เซเว่น” จะอายุปาเข้าไปแล้ว 36 ปี แต่นี่คือนักเตะที่แตกต่างจากคนอื่นๆ เขาเพิ่งเป็นดาวซัลโวสูงสุดของศึก กัลโช่ เซเรีย อา ฤดูกาลที่แล้ว และเป็นดาวซัลโว ยูโร 2020 โดยแทบไม่เจออาการบาดเจ็บหนักเล่นงานเลยในช่วงหลายปีหลัง เขาจึงไม่น่ามีปัญหากับการกลับมาเล่นที่อังกฤษแน่
ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด เกมแรกของเขาในการคัมแบ็กสู่ผีแดง น่าจะเป็นเกมพบ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ทีมที่เขาเคยยิงแฮตทริกใส่สมัยเล่นในพรีเมียร์ลีกเมื่อ 10 กว่าปีก่อน โดยจะได้รับการต้อนรับจากแฟนบอลเต็มความจุที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด คืนวันเสาร์ที่ 11 กันยายนนี้
ส่วนเรื่องหมายเลขเสื้อ เจ้าตัวคงไม่ได้สวมใส่หมายเลข 7 ที่แฟนบอลคุ้นเคยแน่ๆ เพราะกฎของพรีเมียร์ลีกระบุว่า หมายเลขเสื้อของใครที่ได้รับการยืนยันกับทางพรีเมียร์ลีกก่อนเปิดฤดูกาลแล้ว จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้อีก จนกว่านักเตะคนนั้นจะย้ายทีมออกไป
แมนฯ ยูไนเต็ด ลงทะเบียนว่า เอดินสัน คาวานี่ จะได้สวมเบอร์ 7 ซีซั่นนี้ไปแล้ว และตัวของดาวยิงทีมชาติอุรุกวัยก็จะยังอยู่กับทีมต่อ นั่นทำให้เบอร์ที่เหมาะสมน่าจะเป็นหมายเลข 28 ซึ่งเจ้าตัวเคยสวมใส่ สมัยเล่นให้ต้นสังกัดแรกในชีวิตอย่าง สปอร์ติ้ง ลิสบอน
1
หลายคนอาจมองว่า การที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตัดสินใจดึงดาวยิงวัย 36 ปีมาร่วมทีมตอนนี้ เพราะเหตุผลหลักคือไม่ต้องการให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ตัวไป อาจจะซ้ำรอยกับกรณีรีบปิดดีลคว้า อเล็กซิส ซานเชซ จาก อาร์เซน่อล เมื่อช่วงต้นปี 2018 ซึ่งสร้างปัญหาต่างๆ มากมายตามมาในทีมได้
1
ในตอนนั้น การเข้ามาของ อเล็กซิส ทำให้ดาวเตะทีมชาติชิลีทับตำแหน่งกับตัวรุกฝั่งซ้ายหลายคน ทั้ง มาร์คัส แรชฟอร์ด และ อองโตนี่ มาร์กซิยาล แถมยังทำให้เพดานค่าเหนื่อยของทีมพังกระจุย ขณะที่ตัวของ อเล็กซิส ก็ดูเหมือนไม่ได้ตั้งใจอยากย้ายเข้าสู่ถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แต่แรก
2
แต่สำหรับกรณีของ โรนัลโด้ ผมมองว่าเป็นเรื่องแตกต่างออกไป นี่คือนักเตะที่ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับสโมสรทั้งในอดีตและปัจจุบัน รู้สึกยินดีต้อนรับเข้าสู่ทีมมากกว่า แถมพิสูจน์ตัวเองมาแล้วกับทุกที่ ว่าเป็นผู้เล่นระดับเวิลด์คลาสของจริง การเข้ามาของเขา จึงน่าจะเพิ่มแรงบวกภายในทีมได้มาก
1
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ คือนักเตะระดับที่สามารถสร้างความแตกต่างด้วยตัวเขาเองได้ ในตอนที่ทีมเจอสถานการณ์อึดอัด และการันตีผลงานยิงได้ไม่ต่ำกว่าฤดูกาลละ 20 ลูก เขาจึงสามารถเพิ่มพลังในเกมรุกให้ทีมของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ขึ้นไปอีกระดับได้แน่
3
เพียงแต่เขาจะยังรักษามาตรฐานเดิมเอาไว้ในวัย 36 ปีได้หรือไม่ คงต้องให้เวลาพิสูจน์กัน แต่ที่แน่ๆ คือทีมปีศาจแดงได้ตัว “ผู้ชนะ” ตัวจริงเข้ามาช่วยผลักดันให้ทีมและแฟนบอลมีศรัทธาว่าพร้อมลุ้นแชมป์ได้มากขึ้นแล้ว
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประกาศยืนยันว่าบรรลุข้อตกลงคว้า โรนัลโด้ กลับสู่ทีม ช่วงดึกคืนวันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม 2021
การที่ แมนฯ ยูไนเต็ด จะดึง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กลับมา มันคือ “ดีลในฝัน” สำหรับทุกคนที่เกี่ยวข้องกับสโมสรอย่างแท้จริง
หากไม่นับรายการอย่าง คอมมิวนิตี้ ชิลด์ ต้องบอกว่าช่วงเวลา 6 ฤดูกาลที่ โรนัลโด้ เคยค้าแข้งบนเกาะอังกฤษก่อนหน้านี้ ทีมปีศาจแดงสามารถคว้าโทรฟี่ได้มากกว่าช่วง 12 ปีหลังสุดที่สโมสรไม่มีเขาอยู่ในทีมเสียอีกนะครับ
ถ้าตัดประสบการณ์ที่เคยได้ชูโล่การกุศลออกไป โรนัลโด้เคยคว้าแชมป์ร่วมกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ถึง 8 โทรฟี่ ประกอบด้วยพรีเมียร์ลีก 3 สมัย, แชมเปี้ยนส์ ลีก 1 ครั้ง, เอฟเอ คัพ 1 หน, ลีก คัพ 2 ที และแชมป์ ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ อีก 1 ครั้ง
แต่นับตั้งแต่ “ซีอาร์เซเว่น” ย้ายไปซบ เรอัล มาดริด ด้วยค่าตัวสถิติโลกถึง 80 ล้านปอนด์ในปี 2009 หลังจากนั้นมา ทีมปีศาจแดงได้แชมป์ที่ไม่ใช่ คอมมิวนิตี้ ชิลด์ รวมกันอีกแค่ 6 โทรฟี่ โดยได้แชมป์ลีกเพิ่มอีกแค่ 2 สมัย, เอฟเอ คัพ 1 หน, ลีก คัพ 2 ที และถ้วย ยูโรปา ลีก เมื่อปี 2017 ซึ่งยังคงเป็นแชมป์สุดท้ายที่สโมสรคว้าได้มาจนถึงตอนนี้
แค่นี้น่าจะเป็นหลักฐานเพียงพอ ว่าการมีโรนัลโด้ กับไม่มีโรนัลโด้ มันทำให้โอกาสประสบความสำเร็จของสโมสรในช่วงที่ผ่านมาแตกต่างมากแค่ไหน
1
นั่นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลย ที่บรรดา เร้ด อาร์มี่ หลายคนจะใฝ่ฝันว่าอดีตซูเปอร์ฮีโร่ของตัวเอง จะได้ย้ายกลับมาสวมเครื่องแบบทีมรักอีกครั้งในสักวันหนึ่ง แล้วรู้สึกทึ่ง และดีใจเมื่อมันเป็นความจริง
#เสียบสามเหลี่ยม #โรนัลโด้ #CR7 #คริสเตียโน่โรนัลโด้ #โซลชาร์ #เซอร์อเล็กซ์ #บรูโน่แฟร์นันด์ส #ผีแดง #แมนยู #แมนฯยูไนเต็ด #แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด #ยูเวนตุส #ข่าวซื้อขาย #ตลาดนักเตะ
สนับสนุนโดย GG Live
โรนัลโด้กลับมาแล้ว เดือนหน้ารอจัดในทีมแฟนตาซีลุ้นเงินรางวัลก้อนใหญ่ได้เลย!!
เพจเสียบสามเหลี่ยม จับมือเป็นพาร์ทเนอร์กับ GG Live อย่างเป็นทางการ จึงอยากเชิญชวนผู้คนที่สนใจร่วมสนุกลุ้นรางวัลจากการจัดทีมแฟนตาซีพรีเมียร์ลีกทุกสัปดาห์ ถ้าคุณต้องการกดซื้อตั๋วแพ็กเกจแบบพรีเมี่ยม (99 บาท ลุ้นเงินรางวัลไม่ต่ำกว่า 2 แสนบาทถ้าเป็นแชมป์) ให้เข้าผ่านลิงก์นี้ครับ
https://ilovegg.app.link/kzXjiwMwcib
ทุกยอดคลิกสั่งซื้อ จะถือเป็น Performance และการสนับสนุนเพจและพาร์ทเนอร์ของเราให้เติบโตไปด้วยกัน โดยที่คุณสามารถนำตั๋วไปลุ้นรางวัลต่อได้ และจะทำให้การดูฟุตบอลพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้สนุกยิ่งขึ้น
12 บันทึก
41
2
5
12
41
2
5
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย