28 ส.ค. 2021 เวลา 12:07 • การเมือง
เมื่อต้องอยู่บ้านเดียวกับคนที่ทำงานให้ "ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา"
สวัสดีค่ะต้องขอชี้แจง แบบตรงไปตรงมาก่อนที่จะอ่านกันก่อนแนะ
ขอบอกก่อนว่าบทความนี้ เป็นบทความที่ยากที่สุดในการเขียนของเรา
เพราะอาจมีผลเกี่ยวกับ การละเมิดสิทธิมนุษยชน,กฎหมาย,อาจทำลายความรัก
และความเชื่อใจระหว่างเรากับบุคคลที่จะกล่าวถึง
The White House, Washington D.C. 2018
เพราะฉะนั้นแล้วเราไม่สามารถตอบคำถามบางคำถามได้ หรือกล่าวอ้างอิงถึงบุคคลที่สาม(ไม่ขอระบุชื่อ) ขอให้ทุกคนเข้าใจในจุดนี้ด้วยน๊า
ทำไมถึงได้ไปอยู่บ้านเดียวกับคนที่ทำงานให้กับ ประธานธิบดีสหรัฐ ฯ ? (ใน D.C.)
ถ้าทุกคนได้อ่านบทความต่างๆ ที่เราเขียนก็จะทราบกันแล้วแนะว่าเราไปทำอะไรที่นั่น
การที่จะเข้าร่วมโครงการนี้หรือก่อนที่จะไปอเมริกา จะต้องผ่านเกณฑ์ดังนี้ :
-มีประสบการณ์และ ชม. ในการทำงานครบตามที่เขากำหนด
-ประวัติอาชญากรรมขาวสะอาด สุขภาพแข็งแรง ไม่เป็นโรคติดต่อ
-อบรมกับเอเจนซี่ก่อน คุณสมบัติและภาษาต้องผ่านเกณฑ์ที่กำหนด
-ถึงอเมริกาต้องอบรมในมหาลัยที่นิวยอร์ก 3 หรือ 4 วัน เรื่องกฎหมาย วัฒนธรรมของสหรัฐฯ การประถมพยายาม และอื่นๆ
-ส่วนมากคนไทยจะใช้วุฒิการศึกษาปริญญาตรี ถ้าประเทศอื่นอาจใช้แค่วุฒิ ม.ปลาย
ที่กล่าวมาข้างต้นอาจอยากสื่อว่าก่อนที่จะเข้าร่วมโครงการนี้ไม่ได้ง่ายเลย
และยากแค่ไหนกันนะในการจะเข้าไปอยู่บ้านกับคนที่ทำงานตรงให้กับ’รัฐบาลสหรัฐฯ’ ?
หรือประธานาธิบดีสหรัฐฯ นั่นเอง เราจะต้องมีความน่าเชื่อถือสูงแค่ไหนที่เขาจะเลือกเรา
โดยผ่านการเช็คจาก แอปพิเคชั่นเราในระบบออนไลน์ของโครงการ ประวัติการทำงาน
กับโฮสเก่า
เพราะทั้งหมดทั้งมวลนี้ คือการฝากชีวิตทั้งชีวิตของลูกเขาไว้กับเรา และการงานเขาด้วย
ระดับ Privacy ต้องเบอร์ไหนและการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันเป็นอย่างไร มาดูกันค่ะ
1. ตลอดเวลาหนึ่งปีที่อยู่ด้วยกัน เราไม่เคยคุยกันเรื่องการเมืองเลยสักครั้ง
แต่เราเป็นเจ้าแม่เกาะติดข่าวการเมืองเลยก็ว่าได้ แต่เราไม่เคยแม้กระทั่งจะเอ่ยถึงมันกับเขา
เหตุผล อาจเป็นเพราะว่าถ้าเขาพูดกับเรามันจะส่งผลกระทบกับการทำงานของเขาได้
และเราเข้าใจจึงไม่เคยถามเลย แค่มองตาก็รู้ใจกันค่ะ
2. ก่อนตกลงเข้าบ้าน ต้องคุยกันให้เคลียร์ก่อนว่ากติกา การอยู่ร่วมกันต้องเป็นไปในทิศทางไหน
3. เข้าบ้าน มีเอกสารเหมือนข้อตกลง กฎระเบียบในบ้าน เช่น วันเวลาในการทำงาน ใครสามารถที่จะเข้าบ้านหรือไม่ให้เข้าบ้านได้ ข้อมูลที่ไม่ให้เปิดเผยในช่องทางต่างๆ เช่นรูปภาพ ที่อยู่ หรือชื่อของเขา
4. เอเจนซี่ต้องเข้ามาประชุมที่บ้าน อธิบายสิทธิของเราและข้อบังคับที่ทำไม่ได้ หรือข้อไหนทำได้บ้าง เช่น
#ห้ามนำรูปภาพของเขาและเด็กไปเผยแพร่ทุกช่องทาง เว้นแต่เขาจะอนุญาติ แต่เราไม่เคยขออนุญาติเพราะเราไม่เคยทำสิ่งเหล่านั้นเลยสักครั้ง
#ข้อตกลงในการทำงานห้ามทำงานเกิน ชม. ที่กำหนด อันนี้จะผิดกติกาและเขาจะเป็นฝ่ายผิด เราสามารถรายงานเอเจนซี่ได้ กฏหมายที่นั้นไม่มีใครใหญ่กว่าใคร หรือใครมีอิทธิพลอำนาจมืดใดๆ ทุกคนเท่าเทียมกันหมด (รวมกระทั่งคนทำงานให้รัฐบาล)
#การรักษาเวลาของบ้านนี้คงความเสมอต้นเสมอปลายค่ะ และเราไม่เคยไปทำงานสายเลยสักครั้งเหมือนกัน อาจเป็นเพราะอยู่บ้านเดียวกันด้วยเลยสะดวก
การสร้างความไว้วางใจ หรือ Build the trust:
กว่าที่จะผ่านจุดที่เขาเชื่อใจก็ไม่ใช่ง่ายๆ เลยต้องแสดงให้เขาเห็นว่าเรามีศักยภาพแค่ไหนในการที่จะให้เขาเชื่อใจเรา เสมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน ทำแบบนี้ค่ะ
-ไม่เคยทำผิดข้อตกลงกัน ไม่เคยสาย
-พูดความจริง สื่อสารตรงไปตรงมา ไม่เคยโกหก
-ให้ความเป็นส่วนตัว ไม่ถามชีวิตส่วนตัว รวมทั้งเรื่องงาน
-มีความรับผิดชอบ มีความเป็นผู้ใหญ่สูง
-เป็นต้นแบบที่ดีให้ลูกเขา รักลูกเขาอันนี้รักเหมือนลูกตัวเองค่ะ เพราะน้องน่ารักบอกง่าย เรียบร้อย (ตอนไปน้องสี่เดือน) ไม่พูดจาหยาบคาย สุภาพ นี่แระค่ะ สามารถสร้างคำว่าเชื่อถือได้ระหว่างเรากับเขา
*****ไม่อยากใช้คำว่าเขาเพราะรู้สึกห่างไกล แต่เราไม่สามารถเอ๋ยชื่อได้
………………………………แล้วการเรียกชื่อคนสำคัญไฉนในอเมริกา ?………………………………
ในการเรียก ”ชื่อคน” ที่เป็น ”ชื่อ” (ชื่อของคนคนนั้น) ในบทสนทนาสำคัญมากค่ะในอเมริกา
เพราะมันหมายถึงความจริงใจ การให้ความสำคัญกับคนคนนั้น
และควรที่จะเรียกชื่อเขาให้ถูกต้อง❗️ไม่ควรตั้งฉายา❗️หรือเรียกชื่อเขาว่าอะไรก็ได้ตามใจคุณไม่ได้ค่ะ เพราะเป็นการไม่ให้เกียติระดับสูงสุด และข้อนข้างซีเรียสมาก! เพราะเขาคิดว่าคนบางคนอาจจะป่วยทางด้านจิตใจ แล้วมีใครมาเรียกชื่อคนอื่น หรือตั้งฉายาให้คนคนนั้นโดยที่เขาไม่ต้องการมันเลยแม้แต่น้อยนิด อาจจะทำให้คนคนนั้น “คิดฆ่าตัวตาย” หรือส่งผลร้ายกับบุคคลนั้นค่ะ *****( ที่ต้องเน้นย้ำเพราะมันหมายถึงชีวิตคน คนนึงค่ะและคุณอาจเป็นฆาตกร ในคดีนี้ได้)
หลายคนอาจจะมองว่าทำไมต้องมีกติกาเยอะขนาดนั้นเลยเหรอ จริงๆ แล้วเราเป็นคนที่ชอบความชัดเจน ชอบการมีกติกามารยาทในการอยู่ร่วมกันอยู่แล้วค่ะ เราจึงไม่อึดอัด ในทางกลับกันรู้สึกสบายใจเพราะชอบความเป็น Privacy สูงเหมือนกันค่ะเลยอยู่ได้ไม่มีปัญหาอะไร
แถมยังมีความสุขแฮปปี้ ไปไหนมาไหนเขาก็อยากหอบเราไปด้วย พาไปฮอลิเดย์กับครอบครัวนางที่บ้านเกิด จะบอกว่าครอบครัวนี้ใหญ่มากค่ะมีบ้านอายุ100 กว่าปี และเป็นครอบครัวทนายทั้งบ้าน แต่เขาเป็นกันเองเวลาไปเยี่ยมบ้านเขาไม่ต้องทำอะไรเลย เพราะเราเป็นแขก อิอิ หน้าที่คือกินแล้วก็เม้ามอยส์😅
สิ่งที่บ้านนี้บอกกับเราคือ มีอะไรเธอต้องพูด บอกฉัน เพราะฉันจะไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่หรือ ต้องการอะไร หัวใจหลักที่อยู่ร่วมกันด้วยดีและมีความสุข "คือการสื่อสารแบบตรงไปตรงมานั่นเอง"
❤️ก่อนจากกันอย่าลืมดูแลตัวเองและคนที่คุณรักด้วยน๊า แล้วเจอกันเร็วๆ นี้จ้า ❤️🤩👋
บ้านแต่ล่ะบ้านอาจแตกต่างจากบ้านที่เราอยู่ด้วย แต่ทั้งหมดนี้คือประสบการณ์ตรง ที่เราผ่านมาจ้า

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา