Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
อาจารย์นโม อยู่เจริญ
•
ติดตาม
31 ส.ค. 2021 เวลา 07:26 • หนังสือ
คน 3 คน
THE 3 MEN
.. เคยตั้งคำถามกับตัวเองบ้างไหมว่า “เราจะพัฒนาตนเองให้ก้าวไปสู่จุดที่ดีขึ้นได้อย่างไร ?” ผู้เขียนถามตัวเองอยู่บ่อย ๆ และเป็นแรงผลักดันให้ผู้เขียนพยายามแสวงหาคำตอบให้กับตัวเองเรื่องนี้มาโดยตลอด
.. โลกเรามีประชากรมากมายกว่า 7,600 ล้านคน เราต่างมีโอกาสได้พบปะเจอคนนับไม่ถ้วน ทั้งรู้จักสนิทสนมใกล้ชิด และนับไม่ถ้วนที่เป็นแค่เพียงคนที่เดินสวนทางกันไป จิม รอห์น (Jim Rohn) ปรมาจารย์ด้านการพัฒนาตนเองเคยพูดไว้ว่า “เราคือค่าเฉลี่ยของคน 5 คนที่เราใช้เวลาด้วยมากที่สุด” ทั้งเรื่องแนวคิด การใช้ชีวิต และรายได้หรือพูดง่าย ๆ คือ ถ้าคนรอบตัวเราดีเราก็จะดีไปด้วย แต่ในชีวิตจริง การจะไปแสวงหาคนล้อมรอบตัวเรา ให้มีแต่คนดีดี เก่ง ๆ เจ๋งๆ นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แล้วเราสามารถสร้างสภาพแวดล้อมรอบตัวเราให้เวิร์คได้ไหม ? ถ้าเราอยากรู้จักหรือดำเนินตามปฏิปทาของคนเก่ง ๆ ระดับโลก แล้วเราจะทำอย่างไร ?
.. ในความหมายของประโยคที่ จิม รอห์น (Jim Rohn) ได้กล่าวไว้ไม่ได้เจาะจงว่าเราต้องได้ทำงานหรือพูดคุยกับบุคคลเหล่านั้นโดยตรง แต่อาจจะเป็นการรับรู้เรื่องราวหรือแนวคิด ที่ถ่ายทอดทางสื่อที่เราเลือกดูได้เช่น Facebook Youtube IG หนังสือ หรือแม้กระทั่ง Blog ส่วนตัวของคนเหล่านั้น นั่นก็เท่ากับว่าเราได้เลือกสิ่งแวดล้อมที่ใช่และเวิร์คให้กับตัวเราเองแล้ว
.. ในค่าเฉลี่ยของคน 5 คน หรือสภาพแวดล้อมรอบตัวเรานั้น จะเวิร์คได้ต้องประกอบด้วย 3 อย่างนี้คือ
.. “คนดี หรือ ความดี” -- คนดีหรือสิ่งที่เป็นความดี จะทำให้เราจิตใจอ่อนโยน ไม่เบียดเบียน ใครอยู่ใกล้ก็อุ่นใจ เหมือนได้พักพิงอยู่ใต้ร่มเงาไม้ใหญ่
.. “คนเก่ง หรือ ศาสตร์แห่งความสำเร็จ” -- การใกล้ชิดคนเก่ง จะทำให้เราได้เรียนรู้ทั้งวิธีคิดและการทำงานมีเรื่องราวให้เราได้เรียนรู้นับไม่ถ้วนในโซเชียลมีเดีย โนว์ฮาวดีดีมีเป็นล้านคลิปทั้งใน Youtube และ Facebook หรือ Blog ส่วนตัว การศึกษาและทำตามคนเก่ง เราก็จะ “เก่ง” ตามไปด้วย
.. “คนมีความสุข หรือ ศาสตร์แห่งการใช้ชีวิต” -- คนที่มีความสุขจะมีหลักในการใช้ชีวิตได้อย่างสมดุลย์ เราจะสังเกตได้ว่าผู้มีความสุข มักจะเป็นผู้มีความสงบภายใน และรักการปฏิบัติธรรม เขาจะมีรอยยิ้มน้อย ๆ ปรากฎบนใบหน้าตลอดเวลา อยู่ใกล้คนมีความสุขจะทำให้เรา “สุขใจ” ไปด้วย เพราะเขาจะมีวิธีคิด วิธีมองโลกในมุมบวกเสมอ ปัจจุบันมีความรู้ดี ๆ เกี่ยวกับการใช้ชีวิตให้มีความสุขอยู่มากมายให้เราเลือกศึกษา
.. การสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีให้กับตัวเรา เรียกง่าย ๆ คือ การเลือกคบคนนั่นเอง ซึ่งมีความสำคัญมาก พระสัมมาสัมพุทธเจ้า จัดไว้เป็นมงคลชีวิตในข้อ 1 และ 2 เป็นนัยยะว่า หากชีวิตของผู้ใดไม่คบคนพาล และคบแต่บัณฑิต ชีวิตผู้นั้นจะไม่ตกต่ำดังคำว่า...
“ตครํ ว ปลาเสน โย นโร อุปนยฺหติ ปตฺตาปิ สุรภี วายนฺติ เอวํ ธีรูปเสวนา”
คนห่อกฤษณาด้วยใบไม้ แม้ใบไม้ก็หอมไปด้วย ฉันใด การคบกับนักปราชญ์ก็ฉันนั้น (โพธิสตฺต ขุ.ชา.วีส. 27/437.)
.. นอกจากนี้ การไม่คบคนพาล และคบบัณฑิต ยังรวมไปถึงการคบบัณฑิตภายใน และไม่คบพาลภายในอีกด้วย ซึ่งหมายให้เราย้อนกลับมาพิจารณาตัวเราเองว่า เราเป็นคนพาลเสียเองหรือเปล่า ? หรือเราได้เป็นบัณฑิตให้กับตัวเองบ้างไหม
.. ครั้งหนึ่ง แจ๊คหม่า (Jack Ma) เจ้าพ่อการค้าโลกออนไลน์แห่งอาลีบาบา ได้เคยพูดถึงแง่มุมของการใช้ชีวิตของคนบนโลกไว้ว่า การที่จะชี้วัดว่าคน ๆ หนึ่งจะประสบความสำเร็จในชีวิต และสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในสังคมได้นั้น เพียงแค่การวัดด้วย IQ 1 และ EQ 2 นั้นก็ไม่พอเสียแล้ว แต่บุคคลผู้นั้นจะต้องมี LQ 3 ด้วย ซึ่งโดยนัยยะของเขา คือ คนเราจะต้องมีความรักการแบ่งปัน และการเอาใจใส่ต่อกัน จึงจะอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข
1 IQ (Intelligence Quotient) คือ ความฉลาดทางสติปัญญา สติปัญญา เป็นความสามารถในการคิด วิเคราะห์การคำนวณ และการใช้เหตุผล
2 EQ (Emotional Quotient) คือ ความฉลาดทางอารมณ์ เป็นความสามารถในการรับรู้เข้าใจอารมณ์ตนเองและผู้อื่น สามารถควบคุมอารมณ์ และยับยั้งชั่งใจตนเองและแสดงออกอย่างเหมาะสม
3 LQ (Love Quotient) เป็นคำที่แจ๊ค หม่า เคยพูดไว้ในสุนทรพจน์ ซึ่งโดยทฤษฎีมีความหมายเทียบเท่ากับ SQ (Social Quotient) คือความฉลาดทางสังคม ที่คนเราจะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคม ต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน มีน้ำใจเอื้ออาทรต่อกัน
.. จากคำพูดนี้ของแจ๊คหม่าสะท้อนให้เห็นความจริงข้อหนึ่ง คือ ไม่ว่าเทคโนโลยีจะพัฒนาไปไกลเท่าใดก็ตาม แต่สิ่งหนึ่งที่โลกต้องการไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลยก็ คือ คนดีที่เป็นบัณฑิต มีความรัก ความเอื้ออาทร ให้กับเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
.. ส่วนการที่จะทำให้ตัวเราเป็นคนที่ทั้งเก่ง ดี และประสบความสำเร็จได้นั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านทรงให้หลักไว้ 7 ข้อด้วยกัน คือ
1. ต้องเป็นผู้รู้จักเหตุ (ธัมมัญญู) หมายถึง เห็นอะไรเกิดขึ้นก็สามารถมองออกได้ว่าเกิดขึ้นเพราะเหตุอะไร
2. ต้องเป็นผู้รู้จักผล (อัตถัญญู) หมายถึง เห็นอะไรก็สามารถบอกได้ว่า เป็นสัญญาณว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต เพราะจะสามารถวางแผนการดำเนินงานเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ดังที่เรามักจะได้ยินบ่อย ๆ ว่า เป็นผู้มีวิสัยทัศน์นั่นเอง
3. ต้องเป็นผู้รู้จักตน (อัตตัญญู) หมายถึง รู้จักตัวเอง รู้จักคุณธรรม ความรู้ ความสามารถของตัวเองว่าเป็นอย่างไร หรือพูดง่าย ๆ ว่า รู้จักจุดแข็งจุดอ่อนของตัวเองไม่หลงไปตามกระแส
.. บิล เกตส์ ผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์ เจ้าพ่อวงการซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ที่รวยที่สุดในโลก เขากับเพื่อนชื่อพอล อัลเลน ช่วยกันคิดช่วยกันเขียนโปรแกรมเพื่อใช้กับคอมพิวเตอร์ประกอบเอง เขาตั้งคำถามสำคัญว่า “จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าคนเราทุกคน มีคอมพิวเตอร์ราคาถูกใช้กัน”
.. บิล เกตส์ ในตอนนั้นยังเรียนในมหาวิทยาลัยแต่พอเกิดความคิดนั้นขึ้นมา ก็เลิกเรียนเพื่อออกมาสานฝันทันที โดยร่วมกับพอล อัลเลน จัดตั้งบริษัทไมโครซอฟท์ เมื่อปี ค.ศ. 1975 และเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงระดับโลก บิล เกตส์ มีเป้าหมายชีวิตชัดเจน รู้ความต้องการของตนเอง และสามารถประเมินความรู้ความสามารถของตนเองได้ สามารถสร้างตัวเองจากคนที่ไม่รวย จนเป็นเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลก ตอนอายุเพียง 39 ปี บิล เกตส์ มีทุกวันนี้ได้เพราะเขามีความศรัทธา มีความมุ่งมั่นปรารถนาอย่างแรงกล้าต่อเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้ มีวินัยในตัวเอง ควบคุมตัวเองได้ มีความรู้ มีความเสียสละ และมีปัญญา เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดในเรื่องของความเป็นผู้รู้จักตนเอง
4. ต้องเป็นผู้รู้จักประมาณ (มัตตัญญู) คือ ประมาณกำลังความรู้ความสามารถของตนเองได้ว่าเรามีกำลังแค่ไหน ในการจะทำอะไรสักอย่าง ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ยกตัวอย่างเช่น การทำธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูงผลตอบแทนเยอะ ถ้าทำไม่ถูกจังหวะโอกาสที่จะล้มเหลวนั้นมีมาก การประเมินสถานการณ์ด้วยความสุขุมรอบคอบ ไม่น้อยไปและไม่มากไปเมื่อโอกาสมาถึง สามารถคว้าโอกาสนั้นแล้วทำให้ดีที่สุดเต็มกำลังความสามารถ
5. รู้จักกาล (กาลัญญู) มีความหมายเป็น 2 นัยยะ คือ รู้จักแบ่งเวลา เพราะเวลาคือทรัพยากรที่เป็นต้นทุนที่สำคัญที่สุดของชีวิต ทุกคนมีเท่ากันวันละ 24 ชั่วโมง ผู้บริหารเวลาได้ดีชีวิตก็จะประสบความสำเร็จ หรือพูดอีกนัยยะคือ เป็นผู้รู้จังหวะในการทำเรื่องต่าง ๆ ได้ดี ถูกจังหวะจะประสบความสำเร็จ ถ้าทำผิดจังหวะก็จะล้มเหลว
6. รู้จักชุมชน (ปริสัญญู) คือ เข้าใจคนที่มีความเกี่ยวข้องกับเราทั้งหมด ว่าเขาชอบหรือไม่ชอบอะไร จะได้กลมกลืนกับเขาได้ เช่น ถ้าทำธุรกิจก็ต้องเข้าใจลูกค้าเข้าใจคู่แข่ง ถ้าทำได้อย่างนี้ก็จะประสบความสำเร็จในการทำงานทุกอย่าง
7. รู้จักบุคคล (ปุคคลัญญู) คือ รู้จักอัธยาศัยของคนที่เราจะติดต่อด้วย ถ้าเป็นผู้บริหารก็ต้องใช้คนให้ถูกกับงาน ถ้าเป็นผู้น้อยติดต่อกับผู้ใหญ่ก็ต้องรู้จักอัธยาศัยเขา ทำอะไรก็จะได้ถูกใจ ชีวิตก็จะก้าวหน้าประสบความสำเร็จ
.. ทั้ง 7 ข้อนี้รวมกันเป็นหลักธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ตรัสไว้ในสัปปุริสธรรม 7 ประการ คือ เป็นผู้รู้จักเหตุ รู้จักผล รู้จักตน รู้จักประมาณ รู้จักกาล รู้จักชุมชน และรู้จักบุคคล ใครก็ตามที่มีคุณสมบัติทั้ง 7 ข้อนี้ ได้ชื่อว่าเป็นสัตบุรุษ คือ เป็นทั้งคนดี และคนเก่ง จะทำการใด ๆ ก็จะประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างแน่นอน
>> โปรดกดติดตาม เพื่อรับเรื่องราวดี ๆ ในครั้งต่อไป..
#หลวงพี่นะโม
#หนังสือจูนความคิดพิชิตความสำเร็จ
#จูนความคิด #พิชิตความสำเร็จ #ความสำเร็จ #ความคิด #จูนความคิดพิชิตความสำเร็จ #tunningmind #successtory
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย