รู้หรือไม่..การเลือกใช้ภาษาบนป้ายมีผลต่ออัตราค่าภาษีป้าย จะคิดตามลักษณะของป้ายนั้น ๆ
“ป้ายตามข้างถนน” หากเราลองสังเกตดี ๆ จะเห็นว่าป้ายบางร้านมีตัวหนังสือภาษาไทยเล็ก ๆ อยู่ที่มุมข้างบน ซึ่งถือเป็นการปรับแต่งป้าย และจากข้อสังเกตนี้มีใครเคยคิดต่อหรือไม่ ว่าทำไมต้องวางไว้มุมบนสุดเสมอ?
การติดตั้งป้ายหน้าร้านนั้นเป็นเรื่องปกติที่ร้านค้ามักจะมีไว้เพื่อโฆษณาและแสดงชื่อร้าน แต่สำหรับนักธุรกิจมือใหม่หลายรายคงยังไม่ทราบว่า การติดป้ายดังกล่าวทำให้เราต้องเสียภาษีในส่วนนี้ด้วย และบางรายอาจโดนตามปรับย้อนหลังทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจจะเลี่ยงภาษี
สำหรับภาษีป้ายก็เป็นอีกภาษีรูปแบบหนึ่งที่คนส่วนมากมักไม่ค่อยรู้จักกันเท่าไร วันนี้จะพาเพลินมารู้จักเกี่ยวกับภาษีชนิดนี้มาฝากนักธุรกิจมือใหม่กันค่ะ
ป้ายที่ต้องเสียภาษี 💵
ได้แก่ ป้ายแสดงชื่อ ยี่ห้อ หรือเครื่องหมายที่ใช้ในการประกอบการค้า หรือประกอบกิจการอื่นเพื่อหารายได้ ไม่ว่าจะแสดง หรือโฆษณาไว้ที่วัตถุใด ๆ ด้วยอักษร ภาพ หรือเครื่องหมาย ที่เขียน แกะสลัก จารึก หรือทำให้ปรากฏด้วยวิธีใด ๆ
(SOURCE : http://www.ekasilpbangkok.com)
โดยอัตราค่าภาษีป้ายจะคิดตามลักษณะของป้าย ดังนี้
1. ถ้าหากเลือกใช้ภาษาไทยล้วนราคาจะถูกที่สุด
2. ถ้าเป็นไทยผสมกับอังกฤษหรือภาษาอื่นราคาก็จะขึ้นมาหน่อย แต่มีข้อกำหนดว่าภาษาไทยจะต้องอยู่เหนือภาษาอังกฤษ (อยู่สูงกว่า) ใช้ภาษาไทยอยู่ด้านบนจะถูกกว่าภาษาอื่นอยู่ด้านบน
3. ถ้าเป็นอังกฤษล้วนหรือไทยผสมอังกฤษ และภาษาอังกฤษอยู่ข้างบนภาษาไทยจะเป็นราคาที่แพงที่สุด
ลองดูกันว่าแต่ละแบบมีระเบียบเรียกเก็บภาษีเขียนไว้ว่าอย่างไร
ป้ายประเภทที่ 1 : หมายถึง ป้ายที่มีอักษรไทยล้วน ให้คิดอัตรา 3 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร
ป้ายประเภทที่ 2 : หมายถึง ป้ายที่มีอักษรไทยปนกับอักษรต่างประเทศ หรือปนกับภาพและเครื่องหมายอื่น ให้คิดอัตรา 20 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตร
ป้ายประเภทที่ 3 : หมายถึง
(ก) ป้ายที่ไม่มีอักษรไทย ไม่ว่ามีภาพหรือเครื่องหมายใด ๆ หรือไม่ หรือ
(ข) ป้ายที่มีอักษรไทยบางส่วนหรือทั้งหมดอยู่ใต้หรือต่ำกว่าอักษรต่างประเทศ ให้คิดอัตรา 40 บาท ต่อ 500 ตารางเซนติเมตรเมื่อคำนวณพื้นที่ของป้ายแล้วถ้ามีอัตราต่ำกว่าป้ายละ 200 บาท ให้เสียค่าภาษีป้ายละ 200 บาท
ป้ายประเภทที่ 4 : หมายถึง ป้ายที่เปลี่ยนแปลงแก้ไขพื้นที่ป้าย ข้อความ ภาพ หรือเครื่องหมายบางส่วนในป้ายที่ได้เสียภาษีแล้ว อันเป็นเหตุให้ต้องเสียภาษีป้ายเพิ่มขึ้น ให้คิดอัตราตาม (1) (2) หรือ (3) แล้วแต่กรณี และให้เสียเฉพาะจำนวนเงินภาษีที่เพิ่มขึ้น
ป้ายทุกประเภทเมื่อคำนวณพื้นที่ของป้ายแล้ว ถ้ามีอัตราที่ต้องเสียภาษีต่ำกว่าป้ายละ 200 บาท ให้เสียภาษีป้ายละ 200 บาท
มาถึงป้ายที่ไม่ต้องเสียภาษี..
(SOURCE : http://www. shorturl.at/afkBG)
ป้ายที่ติดตั้งไว้บนล้อเลื่อนคือป้ายที่ติดไว้ที่ยานพาหนะ เช่น รถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถบดถนน รถแทรกเตอร์ ป้ายที่ติดตั้งไว้บนล้อเลื่อน และป้ายที่จัดแสดงไว้ที่ยานพาหนะ "จัดเป็นป้ายที่ไม่ต้องเสียภาษี"
สรุป
เพื่อให้จ่ายภาษีป้ายได้ในอัตราที่ถูกลง จึงนิยมใช้ชื่อภาษาไทยบนป้ายให้อยู่มุมบนสุดเสมอ เนื่องจากป้ายภาษาไทยอยู่ข้างบนจะมีราคาถูกกว่า
รู้แบบนี้แล้วคงต้องลองฝึกสังเกตและคำนวณภาษีเล่น ๆ แล้วเพื่อความแม่นยำ ยิ่งผู้ประกอบการต้องศึกษาและเตรียมตัวก่อนขึ้นป้ายหน้าร้าน เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาในภายหลัง
เช่นเคย : อ่านจบแล้ว..คอมเม้นท์บอกเราหน่อยว่าคุณเพิ่งรู้เรื่องนี้จากบทความเราหรือรู้มาตลอดอยู่แล้ว 💡
ที่มา
เรียบเรียงโดย : ครูรุ้งพาเพลิน
- 180
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
