1 ก.ย. 2021 เวลา 11:48 • หุ้น & เศรษฐกิจ
มือใหม่เริ่มต้นลงทุนกองทุนรวม
Credit photo : pixabay.com
ในปัจจุบันมีเครื่องมือบริหารเงินหลายอย่างที่ทำให้เงินของเราเติบโตขึ้น หนึ่งในนั้นคือกองทุนรวม ในบทความนี้ผมจะมาแนะนำการลงทุนในกองทุนรวมให้ทุกท่านที่สนใจนะครับ
กองทุนรวม คือ เครื่องมือการลงทุนชนิดหนึ่ง ซึ่งนักลงทุนรายย่อยอย่างพวกเรา นำเงินไปให้บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนหรือ บลจ. นำไปบริหารโดยมีผู้จัดการกองทุน ทำหน้าที่บริหารเงินนั้น เพื่อทำให้เงินของเราเติบโต โดยขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละกองทุนครับ
- หน่วยลงทุน -
หน่วยลงทุน คือสิ่งที่เราจะได้มาเมื่อซื้อกองทุนรวม ตัวอย่างเช่น กองทุนรวม A มีราคาขายหน่วยละ 10 บาท เมื่อเราซื้อด้วยเงินจำนวน 1,000 บ. เราจะเป็นเจ้าของหน่วยลงทุน 100 หน่วย นะครับ
- ประเภทของกองทุนรวมโดยแบ่งตามเกณฑ์การซื้อขายหน่วยลงทุน -
1. กองทุนเปิด
คือ กองทุนรวมที่เราสามารถซื้อหน่วยลงทุนเพิ่มได้หลังจากที่กองทุนรวมเสนอขายหน่วยลงทุนเป็นครั้งแรกครับ
2. กองทุนปิด
คือ กองทุนรวมที่เราสามารถซื้อหน่วยลงทุนได้เฉพาะในช่วงเสนอขายกองทุนรวมตามที่ บลจ. กำหนด หลังจากนั้นเราจะไม่สามารถซื้อหน่วยลงทุนเพิ่มได้ และกองทุนปิดจะมีระยะเวลาในการสิ้นสุดโครงการ เช่น 6 เดือน หรือ 1ปี จากนั้น บลจ. จะนำเงินมาคืนเรา เมื่อครบกำหนดโครงการ
- ประเภทของกองทุนรวมแบ่งตามประเภทการลงทุน -
1. กองทุนตลาดเงิน
คือ กองทุนที่ลงทุนในเงินฝากหรือตราสารหนี้ที่มีคุณภาพ สภาพคล่องสูง ความผันผวนด้านราคาต่ำ ความเสี่ยงต่ำ ระดับประมาณ 1-2 จากความเสี่ยงทั้งหมด 8 ระดับผลตอบแทนต่ำ เหมาะกับเป็นที่พักเงินหรือเป็นเงินสำรองครับ
2. กองทุนตราสารหนี้
คือ กองทุนที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ทั้งภาครัฐ เช่น พันธบัตรรัฐบาล และตราสารหนี้ภาคเอกชน หรือที่เรียกว่า หุ้นกู้ และในปัจจุบันมีกองทุนตราสารหนี้ที่ลงทุนในต่างประเทศด้วย ความเสี่ยงระดับประมาณ 3 - 4 ผลตอบแทนประมาณ 1 - 2.5 เปอร์เซ็นต์ต่อปีในช่วงนี้ครับ
3. กองทุนผสม
คือ กองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้และหุ้น โดยสัดส่วนของตราสารหนี้และหุ้นขึ้นอยู่กับนโยบายการลงทุนของกองทุน เช่น ลงทุนหุ้นไม่เกิน 55 เปอร์เซ็นต์ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ในส่วนที่เหลือจะเป็นการลงทุนในตราสารหนี้ เป็นต้นครับ ความเสี่ยงระดับประมาณ 5 - 6 คาดหวังผลตอบแทนในระดับที่ชนะเงินเฟ้อ
4. กองทุนหุ้นหรือกองทุนตราสารทุน
คือ กองทุนที่ลงทุนในหุ้น และมีสามารถมีนโยบายการลงทุนที่แตกต่างกันได้ เช่น เน้นการลงทุนในหุ้นเติบโต, หุ้นปันผล, หุ้นขนาดใหญ่, หุ้นขนาดกลาง - เล็ก, หุ้น set 50 เป็นต้น และกองทุนหุ้นทั้งนโยบายจ่ายปันผล, ไม่จ่ายปันผล, ขายคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติครับ นอกจากนี้ยังมีกองทุนที่บริหารแบบเชิงรุก (active fund) โดยมีผู้จัดการกองทุนที่ต้องคอยบริหารผลตอบแทนให้ชนะผลตอบแทนตลาด และกองทุนที่บริหารแบบเชิงรับ (passive fund) อย่างกองทุน set 50 คือ ผลตอบแทนจะเท่ากับผลตอบแทนตลาด ความเสี่ยงของกองทุนหุ้นก็อยู่ที่ระดับ 6 - 8 ความผันผวนด้านราคาสูง ผลตอบแทนสามารถขาดทุนหรือมีกำไรสูงได้
5. กองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศ
คือ กองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศไม่จะว่าเป็นหุ้นหรือตราสารหนี้แล้วแต่นโยบายของกองทุน เช่น กองทุนที่ลงทุนในตลาดหุ้นอเมริกา,ตลาดหุ้นจีน,ตลาดหุ้นอินเดีย, ตลาดหุ้นเวียดนาม,ตลาดหุ้นญี่ปุ่น, กองทุนที่ลงทุนในหุ้นเทคโนโลยี, หุ้นกลุ่มการแพทย์ เป็นต้น กองทุนประเภทนี้มีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนด้วย อย่าลืมดูว่ามีการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนกี่เปอร์เซ็นต์จากทรัพย์สินสุทธิของกองทุนด้วยนะครับ ความเสี่ยงทั่วไปก็อยู่ที่ระดับ 7 - 8 ซึ่งทางบลจ. อาจจะลงทุนโดยตรงเองหรือเอาเงินของเราไปซื้อกองทุนรวมของต่างประเทศอีกทีก็ได้ครับ
6. กองทุนทางเลือก
คือ กองทุนที่เน้นลงทุนในสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่ง เช่น ทองคำ, น้ำมัน, อสังหาริมทรัพย์ให้เช่า เป็นต้น มีความเสี่ยงสูงที่ระดับ 8 มีความผันผวนด้านราคาสูงครับ
7. กองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ rmf, กองทุนหุ้นระยะยาว ltf, กองทุนเพื่อการออม ssf, กองทุนเพื่อการออมพิเศษ ssfx
คือ กองทุนประเภทถือครองระยะยาวเพื่อประโยชน์ทางภาษี กล่าวคือนำไปลดหย่อนภาษีได้ โดยนโยบายการลงทุนขึ้นอยู่กับกองทุนมีทั้งลงทุนในหุ้น ตราสารหนี้ หรือลงทุนในต่างประเทศครับ
- เกณฑ์การเลือกกองทุนรวม -
1. รู้เป้าหมายของตัวเองว่าคืออะไรและความเสี่ยงที่รับได้
ถ้าเก็บเป็นเงินสำรองก็เหมาะกับ กองทุนตลาดเงิน หรือถ้าไม่ได้ใช้เงินก้อนนี้ในระยะ 7 ปี และต้องการผลตอบแทนสูงที่ชนะเงินเฟ้อในระยะยาว และรับความเสี่ยงได้มาก กองทุนหุ้น ไม่ว่าจะเป็นหุ้นไทยหรือหุ้นต่างประเทศ ก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมครับ
2. ดูผลตอบแทนย้อนหลังในกองทุนประเภทเดียวกัน
เช่น กองทุนหุ้นประเภท ก ของ บลจ. AAA ทำผลตอบแทนย้อนหลัง 5 ปี เฉลี่ยปีละ 7 เปอร์เซ็นต์ แต่กองทุนหุ้นประเภท ก ของ บลจ. BBB ทำผลตอบแทนย้อนหลัง 5 ปี เฉลี่ยปีละ 10 เปอร์เซ็นต์ แบบนี้ กองทุนหุ้นประเภท ก ของ บลจ. BBB น่าลงทุนกว่าครับ
3. ค่าธรรมเนียมในกองทุนประเภทเดียวกัน
เช่น กองทุนหุ้นประเภท ก แบบ active fund ของ บลจ. AAA ค่าธรรมเนียมรวม 3เปอร์เซ็นต์ แต่กองทุนหุ้นประเภท ก แบบ active fund ของ บลจ. BBB ค่าธรรมเนียมรวม 2 เปอร์เซ็นต์ ดูไม่ยากใช่ไหมครับ ว่ากองทุนหุ้นประเภท ก แบบ active fund ของ บลจ. BBB น่าลงทุนกว่า
- เงินเปิดบัญชีกองทุนครั้งแรก -
บางบลจ. ก็สามารถเปิดบัญชีครั้งแรกขั้นต่ำที่ 500 บาท บางที่ 1,000 บาท บางที่ 2,000 บาท เลือกได้ตามความพอใจเลยครับ
- การเปิดบัญชีกองทุนรวม -
สามารถไปเปิดที่ธนาคารที่เป็นตัวแทนจำหน่ายของบลจ. นั้นๆ ได้เลย แต่ในปัจจุบันมีการเปิดบัญชีทางออนไลน์ด้วยครับ แต่ผมแนะนำว่าไปเปิดที่ธนาคารดีกว่าครับ เพราะถ้าไม่เข้าใจอะไรก็ถามเจ้าหน้าที่ก่อนเปิดบัญชีได้ครับ
*คำเตือน การลงทุนมีความเสี่ยงผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจนะครับ
เมื่อได้กองทุนรวมที่ต้องการแล้วก็ทยอยลงทุนเพิ่มสม่ำเสมอนะครับ เพื่อเป้าหมายการลงทุนที่ยิ่งใหญ่ของพวกเราครับ
หวังว่าบทความที่ผมเขียนขึ้นมานี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่สนใจลงทุนในกองทุนรวมไม่มากก็น้อยนะครับ แล้วพบกันใหม่บทความหน้าครับ
อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก https://www.kasikornasset.com/th/Pages/index.aspx
เขียนโดย Keep investing
ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ
โฆษณา