3 ก.ย. 2021 เวลา 13:28 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
เมืองในอุดมคติ สังคมในอุดมคติ
เรื่องนี้เป็นซีรีส์จีนปัจจุบันที่ชอบที่สุดของปีนี้เลย
ตอนแรกงงกับชื่อเรื่องนี้มาก เพราะแปลมาจากภาษาอังกฤษตรงตัวเป๊ะ - The Ideal City – พอไปเอาชื่อจีนมาแปล ก็ตรงกับภาษาอังกฤษเช่นกัน แต่มันเกี่ยวอะไรกับเนื้อเรื่องละเนี่ย
ต้องดูไปจนถึงตอนจบถึงเข้าใจ (คิดว่านะ)
เรื่องสร้างจากนิยายชื่อ Su Xiao's War เนื้อเรื่องก็ตามชื่อเรื่องเลย
ซูเสี่ยว เป็นวิศวกรประเมินราคาให้หน่วยงานรัฐวิสาหกิจของรัฐ ถูกใส่ร้ายให้กลายแพะรับบาปในกรณีที่เกิดการทุจริต จึงถูกไล่ออก ต่อมาได้เข้าทำงานที่บริษัทก่อสร้างซึ่งเป็นบริษัทลูกในเครือบริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง
แรก ๆ ก็เป็นไปด้วยดี คนที่รับเธอเข้ามาก็ดูว่าเป็นหัวหน้าที่ดีกับลูกน้อง แต่เนื่องจากซูเสี่ยวเป็นคนเก่ง และตรงไปตรงมา ทุ่มเททำงานเพื่อให้บริษัทได้ผลประโยชน์มากที่สุด โดยมองว่าท้ายที่สุดแล้วผลดีก็จะตกกับพนักงานทุกคนนั่นเอง
แล้วเธอก็พบว่าหัวหน้าที่คิดว่าดีกับตนเองนั้น จริง ๆ แล้วกลั่นแกล้งเธอสารพัด รวมทั้งขัดขวางไม่ให้เธอเติบโตในหน้าที่การงาน เพราะกลัวว่าจะมาแย่งตำแหน่งไป ยังโชคดีที่ประธานบริษัทนี้เห็นว่าสิ่งที่ซูเสี่ยวทำ คือทางรอดของบริษัท จึงยอมเลือกซูเสี่ยวให้ทำงานต่อ แล้วให้เพื่อนเก่าลาออกจากงานไป
ซูเสี่ยวค่อย ๆ เรียนรู้ว่า ตนเองในอ่อนหัดในโลกของการทำงานกับ “คน”
กระนั้นนี่เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น ไม่นานหลังจากนั้นเธอได้ก้าวเข้าไปเป็นผู้บริหารในบริษัทแม่ ซึ่งต้องพบกับ “คน” ที่ร้ายกาจยิ่งกว่าที่เคยเจอเสียอีก
ซูเสี่ยว (ซุนลี่) เป็นตัวแทนของคนทำงานเก่ง แต่ไม่รู้วิธีบริหาร “คน” โดยเฉพาะผู้บริหารที่ตำแหน่งเหนือกว่าเธอ ไม่เข้าใจความซับซ้อนในจิตใจมนุษย์ ไม่เข้าใจว่าความโลภของคนเรานั้นสามารถทำให้ผู้คนเหล่านั้นทำเรื่องเลวร้ายได้มากมาย คิดแต่ว่าหากตนเองทำในสิ่งที่ควรทำ ไม่ต้องกลัวอะไร แต่ในโลกของการทำงาน ในโลกของความเป็นจริง มันไม่ง่ายขนาดนั้น ซูเสี่ยวจึงพลาดพลั้ง เสียท่ามาตลอด
โชคดีที่มีเซี่ยหมิง คอยช่วยเหลือ ทั้งเปิดเผยและไม่เปิดเผยมาตลอด ไม่อย่างนั้นเธอคงมีจุดจบไม่ต่างจาก อดีตรองประธานที่เป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่ ท้ายที่สุดก็โดนเสือสิงห์กระทิงแรดเขี่ยออกไปนอกทาง จนต้องยอมแพ้ลาออกจากบริษัทไปเอง
เซี่ยหมิง (จ้าวโย่วถิง) เป็นคนหนุ่มหัวใหม่ที่ทำงานเก่งเช่นเดียวกับซูเสี่ยว แต่สิ่งที่เขาเก่งกว่าซูเสี่ยวมาก คือการบริหาร “คน” ต้องเรียกว่ารู้จักบริหาร “เจ้านาย” เล่นเกมจิตวิทยาได้เหนือชั้นมาก แต่เพราะเขามักเล่นนอกฎเกณฑ์ และมี “แผน” เสมอ ซึ่งท้ายที่สุดไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามจะร้ายกาจขนาดไหน ก็มักเดินตามเกมที่เขาวางหมากไว้เสมอ นั่นจึงทำให้ความสัมพันธ์ของเขากับซูเสี่ยวในฐานะคนรักกันไม่อาจดำเนินต่อไปได้
ถึงอย่างนั้น เขายังคงคอยช่วยเหลือซูเสี่ยวเรื่องหน้าที่การงานมาโดยตลอด
เซี่ยหมิง เป็นตัวแทนของคนดีที่ไม่โง่ เขารู้ดีว่าคนที่เขาทำงานด้วย ทำงานให้ ล้วนแต่เหลี่ยมจัดทั้งนั้น การจะไปถึงเป้าหมาย ก็ต้องวางหมากดักเอาไว้ ขืนตรงไปตรงมามีหวังแพ้ตั้งแต่ยังไม่ทันได้ก้าวแน่ ๆ
บทเรื่องนี้สนุกมาก ชิงไหวชิงพริบ แก้เกมกันได้เหนือชั้นสุด ๆ ได้เห็นมุมมองของคนจีนที่มีต่อวิธีคิดแบบทุนนิยม ซึ่งไม่ได้ปฏิเสธการแข่งขัน แม้บางครั้งจะดูไม่เป็นธรรมกับอีกฝ่าย แต่ช่วยไม่ได้ ใครอ่อนแอก็แพ้ไป เหมือนที่ลุงของ
เซี่ยหมิงซึ่งคือคนที่มีส่วนทำให้ซูเสี่ยวต้องออกจากงานรัฐวิสาหกิจ พูดกับซูเสี่ยวทำนองว่า การเอาเปรียบคนอื่น เอาตัวรอดแม้ว่าจะได้มาจากเหยียบคนอื่นขึ้นมา ก็ถือเป็นความสามารถประเภทหนึ่ง
ทำเอาซูเสี่ยว ผู้ยึดมั่นในความถูกต้อง ตรงไปตรงมา ถึงกับอึ้งไปเลย และคนโต้ตอบกับข้อความนี้ของลุงพระเอกได้ดี(ในอีกหลายตอนต่อมา) ก็คือท่านประธาน ที่เรียกซูเสี่ยวมาด่าประมาณว่า
“ รู้ว่าเป็นกับดัก ก็ยังจะเดินลงไป ทำไมไม่หาทางป้องกัน”
ประเด็นที่น่าสนใจอีกเรื่องคือ ความแตกต่างของหัวหน้าและผู้นำที่จะพาองค์กรให้รุ่งเรืองหรือตกต่ำ หัวหน้าที่เลือกลูกน้องที่ทำงานงั้น ๆ แต่ประจบสอพอ คุมได้ ไม่โต้งเถียง พร้อมร่วมโกงด้วย กับหัวหน้าที่เลือกลูกน้องเก่ง ฉลาด และพร้อมทุ่มเพื่อให้องค์กรเจริญเติบโต แม้ว่าจะดื้อ และกล้าขัดแย้งกับเพื่อนร่วมงานคนอื่นในกรณีเห็นว่าไม่ถูกต้อง
ผู้นำองค์กรแบบไหนที่จะประสบความสำเร็จมากกว่ากัน ไม่ต้องดูซีรีส์ก็คงตอบได้
ตัวละครที่โผล่มาไม่เยอะมาก แต่คำพูดคมคายมาก คือพ่อของซูเสี่ยว ที่คอยเตือนสติในยามที่ลูกสาวเริ่มลังเลว่าควรทำสิ่งที่ถูกต้อง หรือปล่อยให้มันเป็นไปตามกระแส ที่ใคร ๆ ก็ทำกัน
ความเก่งของคนเขียนบทคือ ตั้งแต่แรกจนมาถึงเกือบจบ ตัวละครซัดกันด้วยวิธีคิดแบบทุนนิยมจัด ๆ ที่คิดถึงแต่กำไร ขาดทุน ล้วน ๆ จนช่วง 3-4 ตอนหลัง จึงค่อยมาเฉลยเป้าหมายของพระเอก ว่าทำเพื่ออะไร พอถึงตอนที่ 40 แนวคิดแบบสังคมนิยมที่เห็น “คน” สำคัญกว่าขาดทุนกำไร ชนะเลิศไป
มีจุดเล็ก ๆ ที่น่าสนใจในเรื่องนี้คือ ไม่ได้เห็นแต่การต่อสู้กับระดับผู้บริหารเท่านั้น ยังมีเรื่องราวของพนักงานระดับล่าง อย่างเฮเลน ที่ต้องต่อสู้ดิ้นรน เพื่อให้มีชีวิตที่ดีขึ้น ในขณะที่ถูกบีบคั้นจากหัวหน้าในที่งาน เจอปัญหาเรื่องเพื่อนกลายมาเป็นหัวหน้า แล้วไม่เข้าใจสถานนะของเธอ ชีวิตครอบครัวที่พ่อแม่เห็นเป็นลูกผู้หญิงที่ต้องเสียสละให้น้องชาย สามีที่แม้จะรักแต่ก็เขียมจนชีวิตหดหู่รันทดเหลือเกิน
พอวันหนึ่งมาเจอทางเลือกใหม่ที่ง่ายกว่า สบายกว่า แถมเขายังเห็นคุณค่าของตัวเอง ในขณะที่ฝ่ายชายก็ต้องการสถานที่และคนที่ทำให้ตนเองสบายใจบ้าง แม้ว่าจะไม่ใช่ทางเลือกที่ดีในสายตาของคนอื่น แต่มันมาถึงจุดทนไม่ไหวแล้ว เพราะการกัดก้อนเกลือไปด้วยกันนั้น อาจทำให้เป็นโรคไตวายและอาจตายไปก่อนจะมีความสุขได้
เรื่องนี้มีประเด็นชวนให้คิดในหลายเรื่องมาก ยิ่งถ้าเคยเป็นผู้บริหารระดับกลางขึ้นไป จะเข้าใจหลายฉาก ๆ ที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี
เรื่องนี้ไม่ดังในไทยแน่ ๆ เพราะไม่ใช่ซีรีส์สายฟิน แต่ในจีนติด 10 อันดับแรกของซีรีส์ยอดนิยมในช่วงเวลาที่ออกฉาย แสดงให้เห็นรสนิยมของคนจีนในระดับหนึ่ง
จริง ๆ ซีรีส์หลายเรื่องที่ออกแนวสะท้อนสังคม การทำงาน การทำธุรกิจ ครอบครัว หลายเรื่อง เรตติ้งในจีนดีกว่าซีรีส์สายไอดอล สายฟินเยอะ
นักแสดง
เรื่องนี้ใช้นักแสดงสายฝีมือทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นนางเอก พระเอก ท่านประธาน เหล่าผู้บริหาร และประธานบริษัท ระดับนี้ไม่ต้องอวย ขึ้นหิ้งกันหมดแล้ว
ชอบซีรีส์จีนตรงที่ดูกันที่ฝีมือ แม้อายุมากแล้ว และไม่หล่อไม่สวยอะไรนัก แต่ก็ยังได้เล่นบทที่โดดเด่นได้ถ้ามีฝีมือ คนดูได้กำไรมาก เพราะจัดเต็มไม่แผ่วกันสักคน
ในเรื่องมีดาราไอดอล 2 คน จมสนิท (แฟนคลับไม่ต้องพาทัวร์มาลงนะ 555 )
หลังจากดูจบแล้ว จึงค่อยเข้าใจว่า คำว่า “เมืองในอุดมคติ” หมายถึงอะไร
คงต้องเปลี่ยนคำว่า “เมือง” เป็นคำว่า “สังคม” มันคือสังคมในอุดมคติ ที่อยากให้มีคนแบบ ซูเสี่ยว เซี่ยหมิง ท่านประธาน วังหยาง เยอะ ๆ หน่อย

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา