Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Kakommzlife
•
ติดตาม
3 ก.ย. 2021 เวลา 19:02 • หนังสือ
Book Review By Kakommz : START WITH WHY ทำไมต้องเริ่มด้วย "ทำไม"
สวัสดีผู้อ่านที่น่ารักทุกคนด้วยนะครับ ผม Kakommz ในวันนี้ผมก็จะมาแนะนำหนังสือที่ดีเยี่ยมอีกเช่นเคยครับ
แต่ก่อนอื่นต้องถามผู้อ่านทุกท่านก่อนว่า "ทำไม" ทุกท่าน ถึงได้อ่านบทความนี้ครับ?
คำตอบ อาจเป็นไปได้หลากหลายสิ่งอย่างครับ ไม่ว่าจะเป็น ความบังเอิญกดเข้ามาอ่านก็ดี อยากเข้ามาอ่านรีวิวของผม Kakommz ก็ดี หรือ อยากดูรีวิวก่อนตัดสินใจซื้อหนังสือเล่มนี้ก็ดี
ทุกสิ่งที่ผมกล่าวไป ล้วนเกิดมาจากการเริ่มต้นด้วยคำว่า "ทำไม" ทั้งสิ้นครับ เพราะเมื่อคำว่า ทำไม เกิดขึ้น จุดมุ่งหมายต่อสิ่งที่ทำก็จะตามมาครับ และนี่คือสิ่งที่คุณ Simon Sinek ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ต้องการจะสื่อ หากแต่เนื้อหาในหนังสือ ยังมีการอธิบายเนื้อหาเพิ่มเติมได้อย่างลึกซึ้งและกระจ่างมากขึ้น โดยผม ขออนุญาตหยิบยกเนื้อหาบางส่วน มาบอกเล่าให้กับผู้อ่านที่น่ารักทุกท่านได้รับชมพร้อมกัน ณ บัดนี้ครับ
ส่วนที่ 1 โลกที่ไม่ได้เริ่มต้นจากการถามว่า "ทำไม"
ตัวอย่างจากหน้าที่ 37-44
Cr. : https://pixabay.com/th/illustrations/%e0%b9%81%e0%b8%9e%e0%b9%87%e0%b8%84-%e0%b8%81%e0%b8%ad%e0%b8%87-%e0%b9%80%e0%b8%87%e0%b8%b4%e0%b8%99-%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b9%80%e0%b8%87%e0%b8%b4%e0%b8%99-%e0%b8%aa%e0%b8%81%e0%b8%b8%e0%b8%a5%e0%b9%80%e0%b8%87%e0%b8%b4%e0%b8%99-163497/
ในส่วนนี้ ผมขอหยิบยกตัวอย่างจากการใช้ "สิ่งล่อใจ" ครับ ที่คุณ Sinek ได้อธิบายว่า ทำไมองค์กรบางแห่งถึงใช้สิ่งล่อใจ เพราะการใช้สิ่งล่อใจ สามารถเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้คนและทำให้บริษัทประสบความสำเร็จได้จริง แต่ทุกอย่างย่อมมีทั้งข้อดีและข้อเสียครับ ซึ่งข้อเสียหลักๆ ในการใช้สิ่งล่อใจ คือ มันสร้างความจงรักภักดีไม่ได้ ฉะนั้น ถ้าหากองค์กรของคุณกำลังเริ่มใช้สิ่งล่อใจในการทำสิ่งต่างๆ แล้วละก็ สิ่งที่เรียกว่า "ความจงรักภักดี" อาจไม่เกิดขึ้นหรือที่เลวร้ายที่สุด ความจงรักภักดีอาจหายไปจากองค์กรก็เป็นได้ครับ
ดังนั้น เราจะต้องมี "ทางเลือกอื่น" ที่ดีกว่านี้ ในการสร้างองค์กรหรือตัวของทุกคน ให้ดีมากขึ้น
ส่วนที่ 2 ทางเลือกอื่น
ตัวอย่างจากหน้าที่ 47-61
Cr. : https://pixabay.com/th/illustrations/%e0%b8%a5%e0%b8%b9%e0%b8%81%e0%b8%a8%e0%b8%a3-%e0%b8%95%e0%b8%a3%e0%b8%87-%e0%b8%97%e0%b8%b4%e0%b8%a8%e0%b8%97%e0%b8%b2%e0%b8%87-%e0%b8%9b%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b8%88%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%88%e0%b8%a3-%e0%b8%aa%e0%b8%b9%e0%b8%87%e0%b8%aa%e0%b8%b8%e0%b8%94-4116438/
ในส่วนนี้ คุณ Sinek ได้เริ่มอธิบายถึงใจความสำคัญของหนังสือเล่มนี้ครับ นั่นคือการอธิบายการเริ่มต้นของคำว่า "ทำไม" ด้วยหลักการของ วงแหวนทองคำ (The Golden Circle) โดยก่อนที่จะศึกษาวิธีนำไปใช้ ต้องอธิบายความหมายของแต่ละคำในวงแหวนก่อน ว่ามีอะไรบ้าง โดยไล่จากวงนอกสุดไปหาวงในสุดครับ
อะไร : ทุกองค์กรในโลกล้วนรู้ว่าตัวเองทำอะไร ไม่ว่าพวกเขาจะมีขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่หรืออยู่ในแวดวงใด ทุกคนสามารถอธิบายได้ว่าสินค้าหรือบริการของตัวเองคือสิ่งใด รวมทั้งบอกได้ว่าพวกเขามีหน้าที่อะไรในองค์กรนั้น นี่เป็นสิ่งที่พูดออกมาได้ไม่ยาก
อย่างไร : องค์กรบางแห่งหรือคนบางคนรู้ว่าจะทำสิ่งที่ทำอยู่อย่างไร ไม่ว่าคุณจะเรียกมันว่า "การนำเสนอคุณค่าที่แตกต่าง" "กระบวนการเฉพาะตัว" หรือ "จุดขายอันเป็นเอกลักษณ์" ก็ตาม คำว่าอย่างไรมักมีไว้เพื่ออธิบายว่าคุณแตกต่างหรือดีกว่าคนอื่นตรงไหน นี่เป็นองค์ประกอบที่ไม่ชัดเจนเท่ากับคำว่าอะไร หลายคนคิดว่ามันเป็นปัจจัยที่สร้างความแตกต่างหรือช่วยสร้างแรงบันดาลใจได้ แต่ความจริงแล้วยังมีอีกอย่างที่ขาดหายไป
นั่นคือ...
ทำไม : มีคนเพียงไม่กี่คนหรือองค์กรไม่กี่แห่งเท่านั้นที่สามารถบอกได้อย่างชัดเจนว่าทำไมพวกเขาถึงทำสิ่งที่ทำอยู่ คำว่าทำไมในที่นี้ไม่ใช่เรื่องของการหาเงินหรือหาเลี้ยงชีพ นั่นเป็นผลลัพธ์ต่างหาก คำว่าทำไมในที่นี้หมายถึงจุดมุ่งหมาย เจตนารมณ์หรือความเชื่อของคุณ ทำไมองค์กรของคุณจึงดำรงอยู่ ทำไมคุณถึงลุกจากเตียงทุกเช้า และทำไมคนอื่นถึงต้องใส่ใจในสิ่งที่คุณทำ
จะเห็นได้ว่า คุณ Sinek ได้ให้แง่คิดของคำว่า "ทำไม" ที่คนส่วนใหญ่อาจมองข้ามไป เพราะในหลายครั้ง เราอาจนำเสนอสิ่งที่เราทำลงไปและพยายามอธิบายอย่างเต็มที่ว่า เราทำอะไรลงไปให้ทุกคนได้รับรู้ แต่ก็น้อยคนนักที่จะบอกเล่าว่า เราทำสิ่งนั้นไปทำไม ฉะนั้น คำว่าทำไมในที่นี้ หมายถึง "จุดมุ่งหมาย" ที่เราทุกคนควรที่จะนำเสนอ ถ้าหากเราอยากบอกกล่าวสิ่งใดก็ตามให้ผู้อื่นได้รับรู้ เพราะเมื่อทุกคนได้รับรู้จุดมุ่งหมายที่เราทำ ความไว้เนื้อเชื่อใจและความสำเร็จ ก็จะเกิดขึ้นไปโดยปริยาย ไม่ใช่เพียงความอยากรู้อยากเห็นชั่วข้ามคืนที่อาจหายไปได้ทุกเมื่อ นั่นเอง
ส่วนที่ 3 ผู้นำต้องมีผู้ตาม
ตัวอย่างจากหน้าที่ 116-119
Cr. : https://pixabay.com/th/photos/%e0%b8%ad%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a8%e0%b8%a2%e0%b8%b2%e0%b8%99-%e0%b8%89%e0%b8%b9%e0%b8%94%e0%b8%89%e0%b8%b2%e0%b8%94-%e0%b9%80%e0%b8%84%e0%b8%a3%e0%b8%b7%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%9a%e0%b8%b4%e0%b8%99%e0%b8%9b%e0%b8%b5%e0%b8%81%e0%b8%aa%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%8a%e0%b8%b1%e0%b9%89%e0%b8%99-1813731/
จากที่กล่าวไปในส่วนที่แล้วครับว่า ความไว้เนื้อเชื่อใจและความสำเร็จ ก็จะเกิดขึ้นไปโดยปริยายเมื่อเรามีจุดมุ่งหมาย ดังนั้นในส่วนที่ 3 นี้ ผมจึงขอหยิบยกตัวอย่างของ แซมมวล เพียร์พอนต์ แลงลีย์ และพี่น้องตระกูลไรต์ ผู้ทึ่มีความพยายามในการสร้างเครื่องบินเหมือนกัน แต่ผลลัพธ์กลับต่างกันราวฟ้ากับเหว
พี่น้องตระกูลไรต์ เป็นที่รู้จักกันอย่างดีไปทั่วโลกว่า เขาสามารถสร้างเครื่องบินที่สามารถทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าได้สำเร็จ ในวันที่ 17 ธันวาคม ค.ศ. 1903 ด้วยความเร็วในการบินเท่ากับคนวิ่งนาน 59 วินาทีที่ความสูง 36 เมตร และนับได้ว่าเป็นก้าวแรกที่จะเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ไปตลอดกาล
ขณะเดียวกัน แลงลีย์ ผู้ที่มีความพยายาม มีความกระตือรือร้น มีวินัยในการทำงานสูง และมีวิธีคิดทางวิทยาศาสตร์เหมือนกันกับพี่น้องตระกูลไรต์ แต่สิ่งหนึ่งที่พี่น้องตระกูลไรต์มีแต่แลงลีย์ไม่มี คือ แรงบันดาลใจครับ เพราะพี่น้องตระกูลไรต์เริ่มต้นจากคำว่า "ทำไม" มีจุดมุ่งหมายในการสร้างเครื่องบินที่ยิ่งใหญ่และพร้อมปลุกเร้าจิตวิญญาณของผู้คนรอบกาย ขณะที่แลงลีย์มีแรงผลักดันเป็นชื่อเสียงและความร่ำรวยเท่านั้น นั่นจึงทำให้พี่น้องตระกูลไรต์ ประสบความสำเร็จ แต่แลงลีย์ไม่สามารถทำมันได้นั่นเองครับ
ส่วนที่ 4 หาแนวร่วม
ตัวอย่างจากหน้าที่ 183-188
Cr. : https://pixabay.com/th/photos/%e0%b9%81%e0%b8%ad%e0%b8%9b%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b8%b4%e0%b8%a5-%e0%b8%84%e0%b8%ad%e0%b8%a1%e0%b8%9e%e0%b8%b4%e0%b8%a7%e0%b9%80%e0%b8%95%e0%b8%ad%e0%b8%a3%e0%b9%8c-%e0%b9%82%e0%b8%95%e0%b9%8a%e0%b8%b0-1868496/
ในส่วนนี้ ผมจึงขออนุญาตหยิบยกตัวอย่างในหนังสือจากเรื่องของ แอปเปิล ครับ อย่างที่ทุกท่านทราบกันดีว่าแอปเปิลได้ครองใจผู้คนเกือบทั่วทั้งโลก และพร้อมซื้อผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับแอปเปิล ไม่ว่าจะเป็น ไอโฟน ไอแพด ฯลฯ ทั้งที่ในบางครั้ง เราอาจรู้ดีว่า ประสิทธิภาพที่เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์จากแหล่งอื่น ก็อาจไม่ต่างกันหรือดีกว่าด้วยซ้ำ แต่เพราะเหตุใด แอปเปิลถึงครองใจทุกคน นั่นก็เพราะว่าแอปเปิลเริ่มต้นจากคำว่า "ทำไม" และพวกเขามีจุดมุ่งหมายครับ
โดยจะเห็นได้จากโฆษณาหนึ่งของแอปเปิล ในชุด "คิดต่าง" ที่นำเสนอเรื่องราวของคนคนหนึ่งที่คิดต่าง ไม่ใช่กลุ่มคน ไม่ว่าจะเป็นปาโบล ปิกัสโซ มาร์ธา เกรแฮม จิม เฮนสัน หรืออัลเฟรต ฮิตช์ค็อก และจะสังเกตได้ว่าบริษัทไม่ได้พยายามเชื่อมโยงตัวเองเข้ากับคนดังที่หัวขบถเลย แต่แอปเปิลเลือกคนเหล่านั้นเพราะพวกเขาสะท้อนความเชื่อของบริษัทออกมาต่างหาก พวกเขาสร้างสรรค์โฆษณาโดยคำนึงถึงจุดมุ่งหมายของบริษัทเป็นอันดับแรก และแอปเปิลก็สื่อสารให้ผู้ชมทุกคนได้รับรู้ด้วย ซึ่งสะท้อนเหตุผลของบริษัทที่ดำรงอยู่อย่างชัดเจนครับ
ส่วนที่ 5 ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือความสำเร็จ
ตัวอย่างจากหน้าที่ 205-242
Cr. : https://pixabay.com/th/photos/%e0%b8%9a%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b9%84%e0%b8%94-%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%aa%e0%b8%b3%e0%b9%80%e0%b8%a3%e0%b9%87%e0%b8%88-%e0%b8%82%e0%b8%b1%e0%b9%89%e0%b8%99%e0%b8%95%e0%b8%ad%e0%b8%99-%e0%b8%8a%e0%b8%b1%e0%b9%89%e0%b8%99%e0%b8%9a%e0%b8%99-828883/
ขณะที่แอปเปิล ประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลาย เพราะพวกเขารู้จุดมุ่งหมาย (ทำไม) ของตัวเอง วอล-มาร์ต กลับไปสู่เส้นทางที่ตรงกันข้าม คำถามคือ เกิดอะไรขึ้นกับ วอล-มาร์ต กันแน่?
คำตอบ ก็ไม่ได้ซับซ้อนครับ เพราะวอล-มาร์ต หลงลืมจุดมุ่งหมาย (ทำไม) ของตัวเองนั่นเอง
โดยเจตนารมณ์ของวอล-มาร์ต เริ่มต้นจาก คุณ แซม วอลตัน ผู้ก่อตั้งวอล์-มาร์ตครับ ในแรกเริ่ม วอลตันมีความเชื่อว่า ถ้าเขาดูแลคน คนก็จะดูแลเขาเอง ยิ่งวอล-มาร์ตมอบสิ่งดีดีให้กับพนักงาน ลูกค้ามากเท่าใด อีกฝ่ายก็จะตอบกลับมามากเท่านั้น นั่นจึงทำให้ในช่วงที่ แซม วอลตัน ยังดำรงตำแหน่งเป็นผู้ดูแลอยู่ เป็นจุดที่สูงสุดของวอล-มาร์ตเลยก็ว่าได้ครับ แต่หลังจากที่ แซม วอลตัน เสียชีวิตลงในเวลา 8 โมงเช้าของวันที่ 5 เมษายน ค.ศ. 1992 ด้วยโรคมะเร็งในไขกระดูก วอล-มาร์ตก็ได้สูญเสียจุดมุ่งหมายของตัวเองไปเช่นกัน เพราะหลังจากนั้น ผู้ที่สืบทอดตำแหน่งหลายท่าน ไม่ได้รับรู้อย่างลึกซึ้งจากเจตนารมณ์ของวอลตัน หากแต่พยายามแทนที่เจตนารมณ์ของตัวเอง ซึ่งจะทำให้วอล-มาร์ตที่ วอลตัน สร้างขึ้น มีจุดมุ่งหมายที่เปลี่ยนไป และนั่นทำให้ วอล-มาร์ต ไม่สามารถกลับมาเป็นดั่งเดิมได้ครับ
ส่วนที่ 6 โลกที่เริ่มต้นจากการถามว่า "ทำไม"
Cr. : https://pixabay.com/th/illustrations/%e0%b8%97%e0%b8%b3%e0%b9%84%e0%b8%a1-%e0%b9%80%e0%b8%95%e0%b8%b7%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%88%e0%b8%b3-%e0%b9%82%e0%b8%9e%e0%b8%aa%e0%b8%95%e0%b9%8c%e0%b9%82%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%95-1432955/
ในส่วนสุดท้ายนี้ ผมขออนุญาตเชิญชวนผู้อ่านที่น่ารัก ค้นหาจุดมุ่งหมาย (ทำไม) ของตัวเองให้เจอครับ และอย่าหลงลืมมันไปตลอดชีวิตของทุกคน เพราะเมื่อทุกคนมีจุดมุ่งหมายที่แน่ชัด และสามารถอธิบายให้ผู้คนรับฟังได้อย่างเข้าใจได้ ความไว้เนื้อเชื่อใจ การได้รับการยอมรับ และความสำเร็จ จะเข้ามาหาทุกคนได้ในไม่ช้าก็เร็วแน่นอนครับ
สุดท้ายนี้ ผม Kakommz ต้องขอตัวลาไปก่อน ขอให้ผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน ค้นหาจุดมุ่งหมายของทุกท่านให้พบ เพราะการเริ่มต้นจากการถามว่า "ทำไม" จะทำให้เป้าหมายและความสำเร็จเข้าหาตัวของคุณได้อย่างรวดเร็วขึ้นแน่นอน สำหรับวันนี้ สวัสดีครับ
About Fact
ชื่อหนังสือ : START WITH WHY ทำไมต้องเริ่มด้วย "ทำไม"
ผู้เขียน : Simon Sinek
ผู้แปล : วิญญู กิ่งหิรัญวัฒนา
ราคา : 260 บาท
หมวดหมู่ : ธุรกิจ
สำนักพิมพ์ : วีเลิร์น
Cr. : ภาพถ่ายโดยผู้เขียน
ภาพหน้าปกโดยผู้เขียน
บทความ Book Review อื่นๆ ที่น่าสนใจของผู้เขียน
- Book Review By Kakommz : SUPER LEVEL กลยุทธ์สร้างความต่างขั้นเทพ
https://www.blockdit.com/posts/60ec020e4e43d50c9afa1bed
- Book Review By Kakommz : นี่เราใช้ชีวิตยากเกินไปหรือเปล่านะ
https://www.blockdit.com/posts/60bc85c49e48070c644a9afe
- Book Review By Kakommz : ช่างหัวคุณสิครับ! IGNORE EVERYBODY
https://www.blockdit.com/posts/60ae788ef9d4510c9ceac1cf
- Book Review By Kakommz : คนทำงานเร็วทำอะไรตอนที่เราไม่เห็น
https://www.blockdit.com/posts/6093f32bffd86133e88384f1
- Book Review By Kakommz : SUPER PRODUCTIVE
https://www.blockdit.com/posts/608c02fe9c630311e0228074
- Book Review By Kakommz : เป็นเราคือพิเศษ
https://www.blockdit.com/posts/6084927974fe930c5608ed49
- Book Review By Kakommz : รื้อ สร้าง ต่าง โต REINVENT
https://www.blockdit.com/posts/605e0dd223471b0c30cc6c6d
- Book Review : Future Mindset เมื่อวิธีคิดที่คุณมี ใช้กับงานในวันพรุ่งนี้ไม่ได้
https://www.blockdit.com/posts/6049f019a5c1d52f0319bd07
- Review Book : โลกนี้สอนให้รู้ว่า...
https://www.blockdit.com/posts/6027a0784a6d450bb2a78037
- Review Book : Speech Secret เทคนิคการพูด เพื่อความสำเร็จก้าวหน้า
https://www.blockdit.com/posts/601790dd0c108e0bb3832547
ช่วง แอบขายของ ของ Kakommz
สามารถร่วมอุดหนุนและเป็นเจ้าของสติกเกอร์ไลน์สุดน่ารัก
[Komjung The Series 1] ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ที่
https://line.me/S/sticker/13337889/?lang=en&ref=gnsh_stickerDetail
สามารถติดตาม Kakommz ได้ที่
Facebook :
https://m.facebook.com/Kakommz/
Instagram :
https://instagram.com/kakommzlife
Blockdit :
https://www.blockdit.com/kakommz
TrueID In-Trend :
https://creators.trueid.net/@Kakommz
StoryLog :
https://storylog.co/Kakommz
YouTube :
https://youtube.com/channel/UCBrut7T6931pUEH4rarTHyQ
4 บันทึก
5
2
10
4
5
2
10
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย