5 ก.ย. 2021 เวลา 00:38 • สุขภาพ
เจ็บคอ……เรื้อรังให้ระวัง…กรดไหลย้อน
กรดไหลย้อน แสบร้อนกลางอก
แม่ยินดี…เคยเจ็บคอมานาน…แสนนาน ….
นานจนจำไม่ได้แล้ว ……จบเรื่องค่ะ😂😂
หยอกๆ…….
อาการเจ็บคอที่เป็น …..จะไม่มีไข้ อาจมีเสมหะในลำคอบ้าง มักเป็นตอนกลางคืน
พอเจ็บคอ ก็นึกถึง ยาแก้อักเสบที่ภาษาทางการคือ ยาปฏิชีวนะ
คิดเอง ว่า ต้องกิน…ก็หายนะคะ…แต่ก็วนกลับมาเป็นอีก จนเริ่มสังเกตเอา ว่ามักเป็นเวลากินขนมปัง จะมีเสมหะทันทีค่ะ
1
ของโปรดเลยค่ะ
ก็หลีกเลี่ยงไม่กินขนมปัง…แต่ก็ไม่หายขาดเป็นมากก็กลั๊วคอด้วยน้ำเกลือ… มีเสมหะก็กินยาละลายเสมหะ หรือยาอมบ๊วยที่เป็นลูกกลอนเม็ดเล็ก.. จิบน้ำอุ่นผสมมะนาว
ก็ใช้วิธีนี้… มาเรื่อย (คือเจ็บคอเรื้อรังค่ะ)
มารู้ว่าเป็น โรคกรดไหลย้อน ตอนปี 62 ค่ะ มีอาการไอ …เริ่มไอแบบมีเสมหะ ก็หาหมอทั่วไปกินยาตามที่หมอจัด จนยาหมด ก็ไม่หาย ก็จิบยาน้ำแก้ไอ มะขามป้อมพอยิ่งจิบก็ยิ่งไอ
จึงไปหาหมอภูมิแพ้ค่ะ
“ไอ มานาน แต่เมื่อกี้นั่งรอหมอไม่ไอเลย” จรืงค่ะ มักมีอาการตอนกลางคืนค่ะ
“หมอคิดถึงกรดไหลย้อนค่ะ” คุณหมอตรวจลำคอ
กรดไหลย้อน…..ที่ แม่ยินดีรู้มาคือ
แสบร้อน กลางอก กลืนลำบาก ปวดท้อง
คุณหมอใจดี อธิบายต่อ
“อาการกรดไหลย้อนแล้วเจ็บคอ เพราะน้ำย่อยขึ้นมาที่คอและกล่องเสียงจึงทำให้ ระคายคอ มีเสมหะ.. บางรายอาจมีฟันผุ หรือเรอเปรี้ยวด้วย”
หลงเข้าใจผิดคิดว่า แพ้ขนมปัง….แอบดีใจ แต่ความจริง น่ากลัวกว่านั้นคือ
:
:
งดอาหารทอด….เผ็ด เปรี้ยว อย่ากินรสจัด ชากาแฟ “ขนมปังก็งดค่ะ เพราะมีส่วนผสมของไขมันคือเนย”……งดต่อไปค่ะ
กรดไหลย้อนนี่ รักษายาวนานค่ะ ทานยาต่อเนื่อง 3-4 อาทิตย์ แม่ยินดีไม่ชอบกินยา ก็พยายามปรับพฤติกรรมการกินค่ะ
งดอาหารที่กระตุ้นกรดแล้ว กินแล้วห้ามนอน ทันที
ทุกวันนี้ไม่หายขาด เผลอเมื่อไหร่ ก็เจ็บคอตอนกลางคืน และมีการขย้อนน้ำดีเพิ่มมาด้วยค่ะ ทรมาณค่ะ ก็ต้องปรับพฤติกรรมค่ะ ยาก แต่เพื่อสุขภาพ หากตามใจปาก ก็รักษาตามอาการ คือ กลั๊วคอ ด้วยน้ำเกลือ จิบน้ำอุ่น(มะนาวงดนะคะ)
ยาที่รักษากรดไหลย้อน เช่น มิราซิด มีผลข้างเคียงต่อ กระดูกค่ะคุณหมอ บอกมา ให้เน้นอาหารจะดีกว่า
หนุนที่หัวเตียงค่ะ
และปรับหัวเตียงให้สูงขึ้นหากมีอาการขณะนอนหลับ. ใข้ไม้หนุนหัวเตียงให้สูงประมาณ 6-8 นิ้ว แรงโน้มถ่วงจะช่วยให้กรดอยู่ในกระเพาะอาหาร
อย่าใช้แค่วิธีหนุนหมอนซ้อนกันสูงๆ เพราะมันจะทำให้คอและลำตัวงอซึ่งจะเพิ่มแรงกดทับ และจะทำให้ภาวะกรดเกินยิ่งแย่ลง
รักษาสุขภาพ กันค่ะ ขอบคุณสำหรับการอ่านและพูดคุยกันนะคะ
ภาพจาก pixabay. และ wikihow
เนื้อหาบางส่วนจาก https://bit.ly/2Vll5vG
โฆษณา