Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
นักเรียนหมอไทย - Thai traditional medicine student
•
ติดตาม
5 ก.ย. 2021 เวลา 03:35 • สุขภาพ
กลิ่นปาก...ไม่ใช่เรื่องตลก มองข้ามไม่ได้นะคะ
การมีกลิ่นปากนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ค่ะ ทุกคนล้วนมีกลิ่นปากทั้งนั้น แตกต่างกันที่ใครจะมีกลิ่นแรงมาก-น้อย เท่านั้นเอง.....
ปัญหากลิ่นปากรุนแรง นอกจากทำให้เสียบุคลิกและรบกวนคู่ร่วมสนทนาแล้ว
ยังบ่งบอกถึงความผิดปกติต่างๆของร่างกาย หรือความเสี่ยงการเกิดโรคได้อีกด้วยค่ะ
วันนี้เมมาแชร์ข้อมูลตัวอย่างที่พบได้บ่อยๆเกี่ยวกับ
“ปัญหาของร่างกายใดบ้างจะส่งผลให้เกิดกลิ่นปากรุนแรง”
1.ปัญหาสุขภาพในช่องปากและลำคอ
การมีฟันผุ เหงือกอักเสบ มีการสะสมของหินปูน มีแผลในช่องปาก เกิดการอักเสบในช่องปาก การรักษาสุขอนามัยในช่องปากไม่ดีพอ เกิดการหมักหมมเน่าเสียของเศษอาหาร เกิดแบคทีเรียในช่องปาก
หรือ โรคทอนซิลอักเสบ โรคนิ่วในต่อมทอลซิน การอักเสบในลำคอ การติดเชื้อในหลอดลม แม้แต่การอดอาหาร คอแห้งดื่มน้ำน้อย น้ำลายน้อย เช่นเวลานอนร่างกายจะลดการหลั่งน้ำลายก็ทำให้มีกลิ่นปากได้ อาการทั้งหมดเหล่านี้เป็นปัญหายอดนิยมที่ทำให้เกิดกลิ่นปาก
กลิ่นปากจากปัญหาในช่องปากส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่อยู่ด้านในช่องปาก โดยแบคทีเรียเป็นตัวการทำให้เกิดสารประกอบกำมะถัน ที่เป็นที่มาของกลิ่นไม่พึงประสงค์ และเจ้าแบคทีเรียนี้เป็นประเภทไม่ต้องใช้ออกซิเจนในการเจริญเติบโต ดังนั้นมันจะหลบซ้อนตามซอกฟัน โคนลิ้น และเจริญเติบโตโดยอาศัยเศษอาหารที่เรากินเข้าไปที่ตกค้างตามซอกฟันหรือซอกหลืบต่างๆในช่องปากเราค่ะ
อย่างไรก็ตามมนุษย์เราทุกคนจะมีแบคทีเรียเหล่านี้เพื่อช่วยในระบบย่อยอาหารของเราเป็นปกติค่ะ เพียงแต่ควรจะดูแลรักษาสุขอนามัยในช่องปากเพื่อลดการหมักหมมของเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุหลักในการเกิดกลิ่นปากค่ะ
หากใครคิดว่าดูแลสุขอนามัยช่องปากดีแล้วแต่ยังมีกลิ่นปากอยู่ คุณอาจจะเกิดจากปัญหาถัดไปนี้ค่ะ
2. ปัญหาร่างกายสะสมของเสียมากเกินไป หรือภาวะสะสมของเสียในลำไส้ มีปัญหากับระบบขับถ่าย ท้องผูก ไม่ว่าจะท้องผูกจากสาเหตุจากโรคต่างๆเช่น เบาหวาน การทำงานของต่อมไทรอยด์น้อยกว่าปกติ ภาวะขาดแคลเซียมในเลือด หรือท้องผูกจากการกินอาหารที่มีใยอาหารหรือไฟเบอร์ต่ำ ชอบกินพวกแป้งและไขมันมากเกินไป เช่นเนื้อวัว ไอศกรีม ชีส เนย หรือมีความเครียดก็มีส่วนทำให้เกิดภาวะท้องผูกได้นะคะ บางคนอาจท้องผูกจากการดื่มนม หรือรับประทานแคลเซียมในปริมาณมาก หากใครที่มีอาการท้องผูกเป็นประจำต้องหาสาเหตุ และหลีกเลี่ยงพฤติกรรมต่างๆที่ทำให้ท้องผูก เพราะการท้องผูกนอกจากเป็นสาเหตุหลักของกลิ่นปากแล้วยังส่งผลเสียอีกมากมายกับร่างกายนะคะ
เมวิเคราะห์ในทางการแพทย์แผนไทย(มีคำอธิบายศัพท์ด้านล่างค่ะ)
อธิบายกลไกการเกิดกลิ่นปากจากอาการท้องผูกได้ดังนี้ค่ะ
เรากินอาหารเข้าไปแผนไทยเรียกว่าอุทริยังหรืออาหารใหม่ อาหารที่เข้าไปก็ไปสู่ระบบทางเดินอาหาร ไหลลื่นไปตามหลอดอาหาร เข้าสู่ระบบอันตังอันตคุนังทำหน้าที่แปรรูปบดอาหารเหล่านั้นให้ละเอียด ดูดซึมน้ำแร่ธาตุสารอาหารเข้ากระแสเลือดแล้วไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกาย
จากนั้นอาหารที่ถูกดึงน้ำดึงสารอาหารต่างๆออกไปแล้ว ก็จะเหลือเพียงกากอาหารที่ต้องการขับออกแผนไทยเรียกว่ากรีสัง ทีนี้หละค่ะเจ้าตัวกรีสัง ตามปกติแล้วมันจะต้องถูกขับออกออกมา แต่!การเกิดท้องผูกคือกรีสังไม่ถูกขับออกไม่รู้หละว่าเพราะเหตุใดก็ตาม แต่ที่แน่ๆคือมันยังคงอยู่ในลำไส้ เมื่อเรารับอาหารใหม่หรือรับอุริยังเข้ามาอีกครั้งก็ไปตามระบบย่อยอาหารเหมือนเดิมจนกลายมาเป็นกรีสังและสุดท้ายมาสะสมรวมกับกรีสังชุดก่อน นานเข้าเจ้ากรีสังนี้ถูกลำไส้ดูดน้ำไปเรื่อยๆก็เป็นก้อนที่แข็งเป็นเถาดาน กรีสังเหล่านี้ก็น่าจะเหม็นน่าดูนะคะ ขนาดเราถ่ายออกทุกวันยังมีกลิ่นเลย
สิ่งที่เกิดขึ้นจากการวิเคราะห์คือเราจะมีความร้อนในอันตังอันตคุนังสูง(ปิตตะกำเริบ) เมื่อความร้อนสูง ตามหลักแพทย์แผนไทยแล้วสิ่งที่ตามมาคือลมจะสูงตามมา(วาตะกำเริบตาม)ก็เกิดเป็นอุทธังคมาวาตาหรือลมพัดขึ้นเบื้องบน มันก็ย้อนไปตามทางเดินอาหารสุดทางออกมาทางปากทำให้ปากเรามีกลิ่นเหม็นนั่นเอง
อธิบายคำศัพท์ทางการแพทย์แผนไทย
อุทริยัง หมายถึง อาหารใหม่ อาหารที่ร่างกายได้รับเพื่อบำรุงส่วนต่างๆของร่างกาย หากได้รับอุทริยังที่ดีก็จะเกิดประโยชน์ต่อร่างกาย หากได้รับอุทริยังที่ไม่ดีก็จะเกิดโทษต่อร่างกายได้เช่นกัน อุทริยังหรืออาหารใหม่ในมุมมองการแพทย์ไทย ไม่ได้หมายถึงอาหารที่ได้จากการรับประทานที่เข้าทางปากเพียงอย่างเดียว ยังหมายถึงแสงแดดที่เป็นอุทริยัง(อาหารใหม่)ของร่างกายที่เข้าทางผิวหนัง อากาศที่เป็นอุทริยังของร่างกายเข้าทางจมูก ไปจนถึงการหมักผมบำรุงผมต่างๆที่เป็นอุทริยังของเส้นผมและหนังศีรษะ อุทริยัง เป็นส่วนหนึ่งในธาตุดิน(กองปถวีธาตุ20)
อันตัง หมายถึง ไส้ใหญ่ นับ 2 ตอน ตอนบนรวมกระเพาะอาหาร ตอนล่างต่อจากลำไส้น้อยไปทางทวารหนัก มีหน้าที่ในการ ช่วยย่อยอาหาร และดูดซึมน้ำ สารอาหารที่ยังเหลือจากลำไส้น้อย, ถ่าย ระบายเศษอาหาร กากอาหารออกจากร่างกาย อันตัง เป็นส่วนหนึ่งในธาตุดิน(กองปถวีธาตุ20)
อันตคุณัง หมายถึง ไส้น้อย ลำไส้เล็กที่ขดต่อจากกระเพาะอาหารไปถึงลำไส้ใหญ่ มีหน้าที่ในการดูดซึมสารอาหารเป็นหลัก อัตคุณัง เป็นส่วนหนึ่งในธาตุดิน(กองปถวีธาตุ)
(เมคิดว่าอันตังอันตคุณังหากเรียกรวมกันจะหมายถึงระบบทางเดินอาหาร)
กรีสัง หมายถึง อาหารเก่า กากอาหารที่อยู่ในลำไส้ใหญ่ตอนล่าง และตกไปสู่ทวารหนัก หรือเรียกได้ว่าเป็นผลจากการใช้อุทริยังไปสิ้นแล้วจะเกิดเป็นกรีสัง ทั้งนี้ยังหมายรวมถึงของเสียใดๆก็ตามที่ร่างกายต้องการขับออกเพื่อสมดุลย์ของร่างกาย เช่น เหงื่อ น้ำหนอง เป็นต้น กรีสัง เป็นส่วนหนึ่งในธาตุดิน(กองปถวีธาตุ20)
ปิตตะ หมายถึง ความร้อนที่สัมผัสได้ถึงความรู้สึกร้อน แต่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เป็นลักษณะหนึ่งของธาตุไฟ(เตโชธาตุ)
วาตะ หมายถึง การเคลื่อนไหวที่สัมผัสได้ถึงความรู้สึกเคลื่อนไหว แต่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เป็นลักษณะหนึ่งของธาตุลม(วาโยธาตุ)
อุทธังคมาวาตา หมายถึง ลมพัดขึ้นเบื้องบน พัดตั้งแต่ปลายเท้าตลอดถึงศีรษะ เป็นส่วนหนึ่งในธาตุลม(กองวาโยธาตุ6)
คูถเสมหะ หมายถึง เสมหะที่ทวารหนัก เป็นพิกัดหนึ่งของอาโปธาตุ12 (ธาตุน้ำ) ระบบน้ำที่อยู่ตั้งแต่ใต้ลิ้นปี่ลงไป
จริงๆแล้วการท้องผูกมันส่งผลเสียไปได้อีกมากมายแต่เมวิเคราะห์ถึงความเชื่อมโยงระหว่างท้องผูกที่ทำให้เกิดกลิ่นปาก ดังนั้นถ้าใครที่รู้อย่างนี้แล้วสำรวจตนเองนะคะ ว่ามีกลิ่นปากจากอาการท้องผูกหรือไม่
หากใครที่มีกลิ่นปากมาจากสาเหตุการท้องผูก เมมีวิธีบรรเทาอาการท้องผูกมาแบ่งปันค่ะ
อันดับแรกเลยนะคะต้องปรับเปลี่ยนที่พฤติกรรมตัวเองก่อนค่ะ โดยดื่มน้ำสะอาดในปริมาณที่เพียงพอต่อร่างกาย รับประทานอาหารที่มีกากใยสูง เช่นผัก ผลไม้
หรือใช้สมุนไพรในสาธารณสุขมูลฐานกลุ่มแก้อาการท้องผูกเอามาประกอบอาหารได้เช่น
• ใบมะขาม ทำเมนูอาหารรสเปรี้ยวนำจะช่วยเพิ่มน้ำได้ให้ถ่ายคล่องเช่นต้มยำไก่ใบมะขาม
• เนื้อมะขาม ใช้มะขามเปียก 10-20 ฝัก จิ้มเกลือรับประทานแล้วดื่มน้ำตามมากๆ หรือใช้เนื้อมะขามเปียกคั้นน้ำแทรกเกลือเล็กน้อยดื่มเป็นน้ำมะขาม
• ใบขี้เหล็ก ทำเมนูอาหาร หรือ ใช้ใบ4-5 กำมือต้ม เอาน้ำดื่มก่อนอาหาร
• ดอกชุมเห็ดเทศ ใช้ดอกสด1ช่อ ต้มทานกับน้ำพริก
• แมงลัก ใช้เมล็ดแก่ 1-2 ช้อนชา ล้างให้สะอาด แช่น้ำอุ่น1แก้วให้พองตัวเต็มที่ ดื่มก่อนนอน
• คูน ใช้เนื้อในฝักแก่ก้อนเท่าหัวแม่มือตนเอง ต้มน้ำใส่เกลือเล็กน้อย ดื่มก่อนนอน หรือก่อนอาหารเช้า
เรียนรู้เพิ่มเติม
blockdit.com
[นักเรียนหมอไทย - Thai traditional medicine student] ทางการแพทย์แผนไทยมีสมุนไพรในการรักษาสุขภาพหลายกลุ่ม หนึ่งในนั้นคือ
ทางการแพทย์แผนไทยมีสมุนไพรในการรักษาสุขภาพหลายกลุ่ม หนึ่งในนั้นคือ
นอกจากนั้นเราต้อง กินเป็นเวลา...การกินเป็นเวลา ทางแผนไทยเราไม่ได้หมายถึงกินตรงเวลานะคะ เราหมายถึงกินเมื่อหิว เพราะเมื่อเราหิวกระเพาะจะหลั่งน้ำย่อยออกมาและเป็นช่วงเวลาที่ระบบทางเดินอาหารพร้อมทำงานที่สุดตามธรรมชาติของร่างกาย (แต่ก่อนอื่นเราต้องแยกระหว่างหิว กับอยากให้ออกก่อนนะคะ^^)
หากเราใช้วิธีตามธรรมชาติปรับกลไกลร่างกายให้ปกติแล้วแต่ยังไม่สามารถแก้ไขได้ อาจจะต้องมีตัวช่วยในการกระตุ้นเช่นการนวดท้อง เราจะนวดวนตามลำไส้ เพื่อช่วยลำไส้ทำงาน ซึ่งวิธีนี้ได้ผลกับเมเสมอนะคะ ถ้ารู้สึกมันยังไม่ออกเมจะออกมาดื่มน้ำก่อนสักพักมันจะรู้สึกอีกเข้าไปนั่งใช้เวลาสักพักนวดท้องไปเรื่อยๆ
ลองใช้วิธีนี้สักระยะนึง หากยังไม่ได้ผลทางแผนไทยเราก็จะมียาสามัญประจำบ้านกลุ่มแก้อาการท้องผูก ปรับธาตุในระบบคูถเสมหะหรือระบบขับถ่าย ถ้าท้องผูกมีปวดเมื่อยร่วมด้วยสามารถทานยาธรณีสันฑฆาตได้ค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการทานยาใดๆก็แล้วแต่ไม่ว่าจะเป็นแขนงไหนแผนไทยหรือแผนปัจจุบัน เมอยากแนะนำให้พบแพทย์หรือเภสัชกรที่เชี่ยวชาญเพื่อข้อมูลที่ถูกต้องและคำแนะนำที่เหมาะสมที่สุดค่ะ
เพื่อนๆสามารถติดตามเมได้ในช่องทาง
youtube : MAY-Awiga
facebook : นักเรียนหมอไทย
หรือคลิกลิ้งนี้ได้เลยค่ะ
https://www.facebook.com/mayawiga/
หวังว่าเพื่อนๆทุกคนจะมีความสุขกับข้อมูลดีๆที่เมนำมาแบ่งปันในวันนี้นะคะ หากมีข้อมูลผิดพลาดหรือมีท่านใดอยากเสนอแนะติชมตรงไหน แชร์กันได้เลยนะคะ
ขอให้ทุกคนใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในทุกๆวันค่ะ และเจอกันใหม่นะคะ สวัสดีค่ะ ^^
บันทึก
3
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย