6 ก.ย. 2021 เวลา 05:50 • กีฬา
เกิดอะไรขึ้นในเกมฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก ระหว่างบราซิลกับอาร์เจนติน่า ทำไมบอลเตะไปแค่ 4 นาที ก็โดนรัฐบาลสั่งให้ยกเลิกการแข่ง ดราม่าทั้งหมด วิเคราะห์บอลจริงจัง จะอธิบายให้ฟังแบบเข้าใจง่าย
7
เพื่อที่จะอธิบายว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ต้องอธิบายเรื่อง Rules by color ก่อน กล่าวคือในวิกฤติโควิด-19 นั้น หลังจากล็อกดาวน์กันมานาน แต่ละประเทศก็อยากเปิดประเทศอีกครั้ง เพื่อดึงเม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวมาหล่อเลี้ยงเศรษฐกิจ
1
แต่ปัญหาคือ ถ้าหากรับนักท่องเที่ยวแบบสุ่มสี่สุ่มห้า ก็จะอาจเอาเชื้อไวรัสมาแพร่ระบาดในประเทศตัวเองอีก ดังนั้นการจะคัดกรองนักเดินทางชาติไหนเข้ามา จึงมีการแบ่งเกรด แต่ละประเทศเป็น 3 โซนสี ได้แก่
- Green List (ประเทศความเสี่ยงต่ำ)
- Amber List (ประเทศความเสี่ยงปานกลาง)
- Red List (ประเทศความเสี่ยงสูง)
บางประเทศอาจจะใช้ Yellow, Orange, Red หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ก็จะมี 3 เลเวลคล้ายๆกัน ซึ่งถ้ายกตัวอย่างให้เข้าใจง่ายๆ จะดูได้จากในประเทศอังกฤษ แบ่งเกรดตามนี้
1
Green List : ประเทศที่ควบคุมโควิดได้ดี เช่น สิงคโปร์, นิวซีแลนด์, เยอรมัน, แคนาดา ประเทศเหล่านี้ สามารถเดินทางเข้าอังกฤษได้ทันทีตามปกติ ถ้าฉีดวัคซีนแล้ว ไม่ต้องกักตัว ไปเที่ยวได้เลย
Amber List : ประเทศที่ควบคุมโควิดได้ปานกลาง เช่น สหรัฐฯ, เกาหลีใต้, ญี่ปุ่น, มาเลเซีย, ลาว คนที่ถือพาสปอร์ตประเทศเหล่านี้ ถ้าฉีดวัคซีนแล้วต้องทำ PCR-Test ในวันที่ 2 ของการอยู่ที่อังกฤษ จากนั้นในวันที่ 5 ก็สามารถออกไปเที่ยวได้
1
Red List : ประเทศที่ควบคุมโควิดได้น้อย เช่น ไทย, ตุรกี, บราซิล, อินโดนีเซีย คนที่ถือพาสปอร์ตประเทศเหล่านี้ เมื่อเข้าอังกฤษ ต้องกักตัวในโรงแรม 10 วัน ห้ามออกไปไหน และต้องทำ PCR-Test 2 ครั้ง เมื่อกักตัวครบ จึงจะออกไปเที่ยวได้
3
จุดที่น่าสนใจคือ บราซิลเป็นประเทศ Red List ของอังกฤษ และ อังกฤษก็เป็นประเทศ Red List ของบราซิล
คนที่อยู่อังกฤษไปบราซิลต้องโดนกักตัวในโรงแรม 14 วัน (ยกเว้นคนที่ถือพาสปอร์ตบราซิล) ส่วนคนที่อยู่บราซิลมาอังกฤษ ต้องโดนกักตัวในโรงแรม 10 วัน
1
ความวุ่นวายตรงนี้เอง คือเหตุผลที่สโมสรฟุตบอลในพรีเมียร์ลีก ตัดสินใจไม่ปล่อยนักเตะบราซิลจำนวน 9 คน (อลิสซอน, ฟาบินโญ่, ฟีร์มีโน่, เอแดร์ซอน, กาเบรียล เชซุส, ติอาโก้ ซิลวา, เฟร็ด, ริชาร์ลิซอน, ราฟินญ่า) กลับไปเล่นในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก
1
โดยบราซิลมีโปรแกรมเตะ 3 นัด ได้แก่ เยือนชิลี (3 กันยายน), เหย้าอาร์เจนติน่า (6 กันยายน) และ เหย้าเปรู (10 กันยายน) คือเป็นโปรแกรมสำคัญก็จริง และนักเตะก็คงอยากไปเล่นอยู่ แต่ถ้าคิดตามคอมม่อนเซนส์ ฝั่งสโมสรจะเสียเปรียบมากๆ
กล่าวคือ ในขาไป (อังกฤษไปบราซิล) ด้วยความที่นักเตะเหล่านี้เป็น Brazilian Citizen กฎหมายระบุว่าไม่ต้องกักตัวก็ได้ ก็ลงไปแข่งฟุตบอลได้เลย แต่ประเด็นคือช่วงขากลับ (บราซิลไปอังกฤษ) พอนักเตะทั้ง 9 คนเหยียบแผ่นดินอังกฤษปั๊บ ต้องโดนกักตัวอยู่ในโรงแรม 10 วัน แปลว่า ไม่สามารถลงเล่นในพรีเมียร์ลีกได้ 2 นัดแน่ๆ บวกกับแชมเปี้ยนส์ลีกอีก 1 เกม
สรุปคือการบินไปบินมา แล้วโดนกักตัว 10 วันในโรงแรมที่อังกฤษ มันมีโทษกับสโมสรมากกว่าประโยชน์ เหล่าสโมสรจึงพร้อมใจกัน ไม่ส่งนักเตะให้ทีมชาติบราซิล
อย่างไรก็ตาม ถ้าว่ากันแฟร์ๆ ต่อให้ไม่มีนักเตะจากพรีเมียร์ลีก บราซิลก็คือบราซิล ยังไงก็มีเนย์มาร์, คาเซมิโร่, วินิซิอุส ,เอแดร์ มิลิเตา ฯลฯ องค์ประกอบทีมก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น พอจะชนะคู่แข่งได้อยู่ดี
1
เมื่อเรียกตัวนักเตะจากอังกฤษไม่ได้ บราซิลก็เลยตามเลย แล้วเริ่มลงเล่นฟุตบอลโลกเกมแรก ด้วยการไปเยือนชิลี ก่อนจะเอาชนะได้สวยงาม 1-0 และบินกลับมาเล่นในเกมที่ 2 ในบ้านตัวเองที่เมืองเซาเปาโล เจอกับอาร์เจนติน่า
2
สำหรับอาร์เจนติน่าในฟุตบอลโลกเกมแรก พวกเขาไปเยือนเวเนซุเอล่า ในวันที่ 3 กันยายน และชนะไปสบายๆ 3-1 จากนั้นบินเข้าบราซิลทันทีเพื่อเตรียมแข่งในวันที่ 6 กันยายน
1
ปัญหาของอาร์เจนติน่าคือ พวกเขามีนักเตะ 4 คนที่มาจากพรีเมียร์ลีกคือ เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ (วิลล่า), เอมิเลียโน่ บูเอนเดีย (วิลล่า), คริสเตียน โรเมโร่ (สเปอร์ส) และ โจวานี่ โล เซลโซ่ (สเปอร์ส) ซึ่งตามกฎ Red List ของบราซิล แปลว่าทั้ง 4 คนนี้ที่มาจากอังกฤษ ต้องโดนกักตัวในโรงแรม 14 วัน ไม่สามารถลงเล่นได้
2
หลายคนอาจจะสงสัยว่า อ้าว อาร์เจนติน่าต้องรู้สิ ว่ากฎ Red List ของประเทศบราซิล นักเตะจากพรีเมียร์ลีก ต้องกักตัว 14 วัน เรียกมาก็ใช้การไม่ได้อยู่ดี
แต่ประเด็นคือ อาร์เจนติน่ารู้กฎดีอยู่แล้ว พวกเขาจึงทำการปรึกษากับสหพันธ์ฟุตบอลอเมริกาใต้ (CONMEBOL) ตั้งแต่แรกเลยว่า จะให้ทำอย่างไร นั่นทำให้ CONMEBOL ได้ออกกฎพิเศษขึ้นมา โดยระบุว่านักเตะจากพรีเมียร์ลีกที่มาแข่งฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก จะได้รับสิทธิพิเศษไม่ต้องกักตัวเหมือนประชาชนทั่วไป โดยนักเตะต้องทำการตรวจโควิดอย่างชัดเจนว่าไม่ติดเชื้อแน่ๆ จากนั้นให้อยู่แต่ภายในกลุ่มนักเตะด้วยกันเองในพื้นที่บับเบิ้ล
2
วิธีนี้ก็จะการันตีได้ว่าผู้เล่นจากพรีเมียร์ลีกจะไม่ติดเชื้อจากใคร และไม่เอาเชื้อไปแพร่ให้ใครแน่นอน
1
ที่ CONMEBOL ต้องออกกฎแบบนี้ เพราะไม่อย่างนั้น ก็เหมือนบราซิลเอาเปรียบชาติอื่น นักเตะจากพรีเมียร์ลีกของชาติอื่นเข้าประเทศบราซิลไม่ได้ แต่นักเตะจากพรีเมียร์ลีกของบราซิลเข้าประเทศตัวเองได้ นี่เป็นการตัดกำลังคู่แข่งกันดื้อๆ โดยเอาประเด็นโควิดมาอ้าง
1
เมื่อมีกฎพิเศษจาก CONMEBOL คอยหนุนหลัง ดังนั้นลีโอเนล สคาโลนี่ ผู้จัดการทีมชาติอาร์เจนติน่า ก็ไม่คิดว่าจะมีปัญหาอะไร เมื่อถึงวันแข่งขัน 6 กันยายน ก็เลยจัดไลน์อัพ 11 ตัวจริง โดยมี 3 นักเตะจากพรีเมียร์ลีกออกสตาร์ตด้วย คือมาร์ติเนซ, โรเมโร่ และ โล เซลโซ่
1
เหตุการณ์ก็ผ่านไปโดยปกติ กรรมการเป่านกหวีดเริ่มเกม แต่แล้วเมื่อเกมดำเนินมาได้แค่ 4 นาที เจ้าหน้าที่จากกระทรวงสาธารณสุขของบราซิล (ANVISA) ได้บุกเข้าไปในสนามและสั่งให้เกมการแข่งขันหยุดทันที ท่ามกลางความตกตะลึงของนักเตะทุกคน
1
คนจากกระทรวงได้อธิบายว่า มีนักเตะ 4 คน ของอาร์เจนติน่าที่มาจากประเทศ Red List แต่ไม่กักตัวครบ 14 วัน ดังนั้น ทั้ง 4 คนต้องออกจากสนามทันทีและกลับไปกักตัวต่อให้ครบ หรือไม่ก็ออกนอกประเทศไปเลย
คือจริงๆ สมาคมฟุตบอลอาร์เจนติน่า, สหพันธ์ฟุตบอลบราซิล และ CONMEBOL ทุกคนตกลงกันหมดแล้วว่า นักเตะ 4 คนดังกล่าว ลงสนามได้ ไม่มีปัญหา แต่รัฐบาลบราซิลไม่ได้เห็นชอบด้วย จึงเข้ามาแทรกแซงสั่งให้เกมหยุดทันที
1
CONMEBOL จะว่ายังไง รัฐบาลก็ไม่สน เพราะกฎหมายของประเทศสำคัญกว่า
เมื่อสถานการณ์เป็นแบบนี้ จะให้อาร์เจนติน่าทำอย่างไรได้ จะให้เอา 4 คนนั้นกลับโรงแรมไปซะ แล้วใส่ผู้เล่นใหม่ลงแทน จากนั้นเริ่มเกมใหม่ตั้งแต่นาทีที่ 1 แบบนั้นหรือ? คือใครมันจะไปทำได้ ฟุตบอลระดับนี้เขาเซ็ตแผนต่างๆไว้หมดแล้ว มันไม่ใช่เด็กเล่นขายของนะ
1
เรื่องนี้ลีโอเนล เมสซี่ กัปตันทีมอาร์เจนติน่าก็โวยขึ้นมา ว่าถ้ารู้ว่า 4 คนจากพรีเมียร์ลีกลงเล่นไม่ได้ เจ้าหน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุขบราซิลก็ควรมาแจ้งตั้งนานแล้ว เพราะทีมชาติอาร์เจนติน่าเข้าประเทศบราซิลมาตั้งแต่ 3 วันก่อน แต่นี่เกมเริ่มไปแล้ว 5 นาที ค่อยมาบอก นี่มันบ้าหรือเปล่า
หรือไม่ตอนที่อาร์เจนติน่าเตะที่เวเนซุเอล่า ก่อนจะบินเข้าบราซิล ทางการบราซิลก็แจ้งไปเลยแต่แรกสิ ว่า 4 คนนี้ลงเล่นไม่ได้ จะได้ให้ มาร์ติเนซ, บูเอนเดีย, โรเมโร่ และ โล เซลโซ่ บินกลับไปรอที่บูเอโนสไอเรสก่อน คือมีวิธีเยอะแยะที่จะจัดการได้ดีกว่านี้ ไม่ใช่มาสั่งยกเลิกตอนเขาเตะกันไปแล้ว
สุดท้าย เกมไม่สามารถดำเนินต่อได้ CONMEBOL จึงสั่งยกเลิกเกมชั่วคราว จากนั้นค่อยไปวางแผนกันต่อว่าจะแข่งใหม่ในวันไหน หรือจะปรับให้บราซิลแพ้ไปเลย โทษฐานภาครัฐเข้ามาแทรกแซงการแข่งขัน ก็จำเป็นต้องพิจารณากันต่อไป
สุดท้ายเรื่องราวก็จบลงตรงนี้ อาร์เจนติน่าจะเดินทางออกจากบราซิลทันที เพื่อกลับบูเอโนสไอเรส ไปเล่นเกมฟุตบอลโลกกับโบลิเวีย ในวันที่ 10 กันยายน ส่วนบราซิลก็จะอยู่ในบ้านต่อ รอเล่นกับเปรู ในวันที่ 10 เช่นกัน
1
ขณะที่ความเห็นในโลกออนไลน์ ก็แตกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายแรกก็บอกว่า รัฐบาลบราซิลทำดีแล้ว ที่สร้างความเท่าเทียม และรักษากฎอย่างเคร่งครัดโดยไม่ให้สิทธิพิเศษกับใครเลย ต่อให้จะเป็นนักฟุตบอลอะไรก็แล้วแต่ ถ้ามาจากประเทศ Red List ก็ต้องมีบรรทัดฐานเดียวกันคือกักตัว 14 วัน
1
แต่อีกฝ่ายก็บอกว่า นี่เป็นเรื่องโจ๊กที่ตลกที่สุด เพราะนักเตะเหล่านี้เขาระวังตัวดีที่สุดอยู่แล้ว และอยู่ในพื้นที่บับเบิ้ล ยากมากที่จะเอาเชื้อไปแพร่ใคร แล้วพอรัฐบาลแทรกแซงแบบนี้ ก็ต้องมาวุ่นวายหาวันแข่งใหม่อีก เผลอๆ ทีมชาติบราซิลจะซวยโดนปรับแพ้ไปเลยด้วยซ้ำ
1
สิ่งที่สะท้อนให้เห็นจากเรื่องนี้คือ การเป็นประเทศที่อยู่ใน Red List มันทำให้การจัดการอะไรต่างๆ ยากขึ้นมากจริงๆ อย่างอังกฤษเป็น Red List ที ก็มีดราม่าเรื่องตัวผู้เล่นกันไปหมด ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกที่เต็มไปด้วยนักเตะต่างชาติ ก็โดนโยงไปเกี่ยวด้วยอย่างช่วยไม่ได้
ดังนั้น ทุกประเทศจึงมีความพยายามอย่างมากที่จะเอาตัวเองออกจาก Red List ให้ได้ เพื่อที่ความวุ่นวายทุกอย่างจะได้คลี่คลายลงได้เสียที
ยิ่งจัดการปัญหาโควิดในประเทศได้ดีเท่าไหร่ ก็ยิ่งออกจาก Red List ได้เร็วเท่านั้น
และเมื่อออกจาก Red List เข้าสู่ Amber List และไปถึง Green List ได้สำเร็จ ก็แปลว่าวิถีชีวิตปกติของผู้คน ก็จะค่อยๆ กลับคืนมาได้ในที่สุด
#DRAMA
โฆษณา