7 ก.ย. 2021 เวลา 06:30 • ไลฟ์สไตล์
How to Tamp Coffee?
การแทมป์กาแฟ จะต้องแทมป์แรงแค่ไหน? เป็นคำถามที่คนที่อยู่ในวงการกาแฟ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ต้องชงกาแฟผ่านเครื่องชงกาแฟ เช่นบาริสต้า นั้นจะต้องได้ยินอยู่บ่อยครั้งอย่างแน่นอน แล้วจริงๆต้องแทมป์แรงแค่ไหนกันนะ แล้วการแทมป์กาแฟที่เรากำลังพูดถึงกันอยู่นี้ ส่งผลอย่างไรต่อรสชาติและประสิทธิภาพในการสกัดกาแฟ
 
ในการสกัดกาแฟด้วยเครื่องชงกาแฟแบบเอสเพรสโซนั้นเป็นการสกัดกาแฟโดยใช้แรงดันของน้ำที่เกิดจากมอเตอร์ของเครื่องชงกาแฟเป็นปัจจัยหลักในการสกัดกาแฟ ซึ่งโดยปกติแรงดันที่ใช้สกัดนั้นจะอยู่ที่ 9 bar และธรรมชาติการไหลของน้ำนั้น จะไหลผ่านจะที่สูงลงที่ต่ำกว่าเสมอ และเมื่อความสูงเท่ากัน น้ำก็จะเลือกผ่านจากช่องที่ไปได้ง่ายที่สุดก่อนเสมอเช่นเดียวกัน ดังนั้นหากมีช่องว่างหรือรูที่ทำให้น้ำผ่านได้ น้ำก็จะเลือกที่จะไหลผ่านทางนั้นก่อน
การแทมป์กาแฟ เปรียบเสมือนการปรับพื้นที่ของเค้กกาแฟ ให้มีความเสมอเท่ากันทั่วทั้งก้านชง ก่อนที่จะทำการสกัด ซึ่งทำงานร่วมกับการเกลี่ยปาดกาแฟให้มีความหนาแน่นท่าๆกันก่อนที่จะแทมป์ด้วยเช่นเดียวกัน โดยที่ปัจจัยหลักๆของการ Tamp คือการทำให้กาแฟที่สกัดออกมา มีความสม่ำเสมอกันและทำได้เหมือนๆกันในทุกๆครั้ง
การแทมป์ที่ดีจึงควรทำควบคู่กับการเกลี่ยปาดหน้ากาแฟให้เท่ากัน โดยการเกลี่ยปาดนั้น เป็นเสมือนการปรับความหนาแน่นของผงกาแฟ ให้มีความหนาแน่นเท่าๆกันและการแทมป์คือการอัดกาแฟให้แน่นและเสมอกัน โดยเสมอกันในที่นี้หมายถึงจะต้องไม่มีพื้นที่ใดในหน้าเค้กกาแฟที่สูงหรือต่ำกว่ากัน เพื่อไม่ให้มีทางออกที่ทำให้น้ำไหลออกได้ง่ายกว่าด้านใดด้านหนึ่ง พูดอีกแง่ก็คือเราต้องการให้น้ำผ่านกาแฟได้เท่าเทียมกันหรือเสมอกันมากที่สุดนั่นเอง ซึ่งถ้ามีส่วนไหนที่มีความหนาแน่นน้อยน้ำก็จะผ่านส่วนนั้นได้ง่าย ทำให้การสกัดของกาแฟไม่เท่ากัน ดังนั้นการเลือกซื้อ Tamper ก็เป็นสิ่งสำคัญที่เราต้องเข้าใจ โดยเราควรซื้อ Tamper ให้เหมาะสมกับการใช้งาน ทั้งในด้านของขนาด และพื้นผิวหน้าของ Tamper ด้วยเช่นเดียวกัน
นอกจากเรื่องของ Tamper แล้วการควบคุมการไหลของน้ำ โดยปรับระดับการบดของกาแฟและขนาดของผงกาแฟก็เป็นสิ่งสำคัญ ถ้าผงกาแฟหยาบน้ำก็จะผ่านง่ายขึ้น กลับกันถ้าผงกาแฟมีความละเอียดน้ำก็จะไหลผ่านได้ช้าลง ลองนึกภาพง่ายๆอย่างการเทน้ำผ่านก้อนกรวด และการเทน้ำผ่านโคลน น้ำย่อมไหลผ่านก้อนกรวดได้เร็วกว่าไหลผ่านโคลน กาแฟก็เช่นเดียวกัน
มาถึงใจความสำคัญของบทความกันแล้วล่ะ เมื่อเราได้รู้และเข้าใจรวมถึงได้ Tamper ที่ต้องการแล้วก็มาสู่เรื่องของแรงที่ใช้ในการแทมป์กาแฟกัน อย่างที่บอกในตอนต้น การแทมป์กาแฟนั้นคือการที่เราต้องการให้ผงกาแฟนั้นถูกอัดให้แน่นอยู่ในก้านชง เพื่อให้การสกัดเป็นไปได้อย่างทั่วถึง เพราะฉะนั้นแล้ว เราก็ควรแทมป์ให้สุดแรงเกิดไปเลยดีหรือไม่ คำตอบคือไม่จำเป็น เพราะการแทมป์ที่แรงเกินไปก็จะทำให้คุณนั้นเมื่อยเสียเปล่าๆ และอาจนำไปสู่การบาดเจ็บระหว่างการแทมป์ได้ แล้วถ้าอย่างนั้นเราก็แค่เอา Tamper วางบนผงกาแฟก็พอใช่หรือไม่ ในเมื่อไม่จำเป็นต้องแทมป์แรงคำตอบก็คือ ไม่ใช่เสียทีเดียว เมื่อคุณอ่านมาถึงตรงนี้แล้วก็คงเกิดคำถามว่า อ้าว แล้วจะให้ทำอย่างไรกันเล่า
คำตอบก็คือแรงที่คุณควรใช้ในการแทมป์กาแฟนั้นควรเป็นแรงที่แรงพอประมาณ ไม่แรงหรือเบาจนเกินไป โดยสังเกตจากความตึงของมือในการกด เมื่อคุณเริ่มรู้สึกว่าไม่สามารถกดลงไปมากกว่านี้ได้แล้วนั้น นั่นก็คือเพียงพอแล้วสำหรับการแทมป์กาแฟ และอีกสิ่งสำคัญที่ควรใส่ใจคือควรเช็คว่าการแทมป์ของเรานั้น แทมป์ได้ตรงแล้วหรือไม่ หากตรงแล้วก็ข้ามไปที่การสกัดกาแฟได้เลย แต่ถ้าไม่แล้วละก็ อาจจะต้องมาพิจารณากันถึงเรื่องของท่าที่ใช้ในการแทมป์ต่อไป
โดยท่ายืนที่เราแนะนำก็คือ คุณควรจับ Tamper ด้วยมือข้างที่ถนัด ใช้นิ้วหัวแม่มือ และนิ้วชี้ จับที่คอ Tamper แล้วให้หัวของ Tamper อยู่ที่กึ่งกลางฝ่ามือ โดยที่ใช้นิ้วที่เหลือประคอง Tamper ไว้ให้กระชับและไม่หลุดมือ หลังจากนั้น หันข้างที่คุณถนัดเข้าหา Tamper โดยให้ข้อศอกทำมุม 90 องศากับหัวไหล่ จากนั้นออกแรงกดจากหัวไหล่ผ่านแขน ลงสู่นิ้วมือทั้งสองนิ้วที่จับบริเวณคอ Tamper อยู่นั้น และเมื่อรู้สึกตึงมือแล้วให้ผ่อนแรงลง แล้วลองหมุน Tamper โดยไม่ยก Tamper เพื่อเช็คบริเวณรอบๆว่าเสมอกันแล้วหรือยัง เพียงเท่านี้ คุณก็จะได้กาแฟที่แทมป์ได้อย่างเสมอกันเรียบร้อยแล้ว
1
และด้วยวิธีการแทมป์ในรูปแบบนี้คุณก็จะสามารถแทมป์กาแฟได้มากเท่าที่คุณต้องการโดยที่ไม่เกิดอาการบาดเจ็บระหว่างการทำงานอย่างแน่นอน
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทร. 081-979-9565 ต่อ 2 Bluekoff Showroom
Line: @bluekoff
#Bluekoff #BluekoffShowroom #BluekoffTrainingCenter #BluekoffCoffee
โฆษณา