7 ก.ย. 2021 เวลา 06:52 • สุขภาพ
บทเรียนจากประเทศอิสราเอล
และ ความเห็นของสิงคโปร์
ในการจัดการกับ COVID-19
* การเพิ่มขึ้นของการติดเชื้อ coronavirus ของอิสราเอลแม้ว่าจะมีการรณรงค์ฉีด booster ทำให้เกิดความหวาดกลัว โดยในสัปดาห์ที่แล้ว อิสราเอลมีจำนวนผู้ป่วยสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 11,187 ราย ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าตกใจสำหรับประเทศที่ได้รับวัคซีนกว่า 60% ของประชากรทั้งหมด โดยใช้ Pfizer 2 เข็ม
ทั้งนี้มีคนที่ไม่ได้รับวัคซีนเป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่มากกว่า 6,000 ราย และอีกมากกว่า 4,000 ราย ที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว อย่างไรก็ตามจำนวนผู้ป่วยที่รุนแรง และเสียชีวิตต่ำกว่าการระบาดในช่วงเดือนมกราคมมาก
* ข้อมูลล่าสุดของกระทรวงสาธารณสุขแสดงให้เห็นว่าตัวเลขที่รุนแรงคือ 752 เมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว แต่ลดลงเหลือ 673 ในวันพฤหัสบดี แดชบอร์ดแสดงการเสียชีวิตประมาณ 20-30 รายต่อวันเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของอัตราในเดือนมกราคม
* อัตราการเกิดโรคร้ายแรงในคนที่ไม่ได้รับวัคซีนมีค่าประมาณ 300 ต่อ 100,000 ในขณะที่ถ้าฉีดวัคซีนครบโดส อัตราการเกิดโรคคือ 19 ต่อ 100,000 ในกลุ่มคนที่มีอายุมากกว่า 60 ปี
* ประเทศในแถบเอเชีย เช่น สิงคโปร์ ซึ่งเมื่อเดือนที่แล้วมีอัตราการฉีดวัคซีนถึง 80% ของประชากร แต่ก็มีการติดเชื้อเพิ่มขึ้นเช่นกัน
* ศาสตราจารย์ Paul Tambyah ประธานสมาคมจุลชีววิทยาคลินิกและการติดเชื้อแห่งเอเชียแปซิฟิกในสิงคโปร์ มีความเห็นว่า...
การมีผู้ป่วยใหม่มากขึ้นเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ ตราบใดที่ไม่มีผู้ป่วยอาการหนักและการเสียชีวิตเพิ่มขึ้น ซึ่งการฉีดวัคซีน 2 เข็ม สามารถให้ผลดังกล่าวได้ เหตุใดอิสราเอลจึงรีบเร่งที่จะให้ booster dose แก่ทุกคน ยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดว่า booster dose เป็นสิ่งจำเป็น
* ทางอิสราเอลอธิบายว่า รัฐบาลเข้าใจดีว่า Delta แพร่เชื้อได้มากกว่า และแม้แต่ในคนที่ได้รับวัคซีนครบโดส ก็ยังทำให้ป่วยได้ ความกังวลของรัฐบาลคือ จากการศึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญชาวอิสราเอลที่บอกว่า "ภูมิคุ้มกันลดลงในทุกกลุ่มอายุ หกเดือนหลังการฉีดวัคซีน"
* อิสราเอล เป็นประเทศแรกของโลกที่ฉีด booster dose ให้กับทุกคนที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป สหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ อีกหลายประเทศได้เริ่มต้นหรือวางแผนในเรื่องนี้ สำหรับสิงคโปร์ก็มีความตั้งใจที่จะฉีด booster dose แก่ผู้สูงอายุและบุคคลที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง
* Booster dose ทำให้เกิดข้อถกเถียงทางจริยธรรมและทางวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการใช้สำหรับประชากรในวงกว้าง
* ในอิสราเอล มีการศึกษาเรื่องภูมิคุ้มกันที่ลดลง ซึ่งพบว่าผู้สูงอายุที่ได้รับเข็มที่ 2 ในเดือนมีนาคมได้รับการปกป้องจากการติดเชื้อมากกว่า 1.6 เท่า และได้รับการป้องกันจากอาการรุนแรง 1.7 เท่า เมื่อเทียบกับผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ในเดือนมกราคม
จากข้อโต้แย้งว่าการป้องกันยังคงเพียงพอแม้ไม่มีการใช้ booster dose หรือผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วอาจมีการติดเชื้อในชุมชนแล้วมีระดับแอนติบอดีเพิ่มขึ้นเอง แต่มีข้อมูลบางอย่างที่ชี้ว่า booster dose ทำให้มีอัตราการติดเชื้อที่ช้าลง
ปัจจุบันอิสราเอลได้ให้ booster dose แก่ประชาชน มากกว่า 2.48 ล้านคนไปแล้ว
หากข้อมูลสรุปว่าจำเป็นต้องฉีด booster dose ครั้งที่สาม มันจะทำให้เกิดคำถามตามมาว่า เราต้องการเข็มที่ 4 หรือมากกว่านั้นหรือไม่?
* โดยธรรมชาติแล้วโรคติดเชื้อมักจะเข้าสู่สมดุลย์ใหม่ คือ ไวรัสมีการแพร่กระจายในชุมชน และส่วนใหญ่ทำให้เกิดการติดเชื้อที่ไม่รุนแรง เนื่องจากประชากรส่วนใหญ่มีภูมิต้านทานต่อโรคร้ายแรงด้วยวัคซีน การติดเชื้อครั้งก่อนหรือทั้งสองอย่าง แต่เป็นเรื่องยากที่จะบอกว่าเมื่อใด ประเทศต่างๆ ต้องเรียนรู้ที่จะจัดการกับการระบาดโดยไม่กระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศของตน
* การระบาดของ Delta ทำให้มีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้น แม้ว่าจะมีอัตราการฉีดวัคซีนสูงก็ตาม ดังนั้นการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันด้วยการใช้วัคซีร การสื่อสารที่เชื่อถือได้ของรัฐบาล และความรับผิดชอบส่วนบุคคลในหมู่ประชาชนจะช่วยให้ประเทศต่างๆ มีความเป็นอยู่อย่างค่อนข้างปกติแม้จะมีโควิด-19
* ในประเทศสิงคโปร์ ความคิดในการพยายามทำให้ผู้ป่วย COVID-19 เป็นศูนย์เป็นเรื่อง"ไร้ประโยชน์"
โฆษณา