10 ก.ย. 2021 เวลา 00:59 • หนังสือ
ต่อจากเรื่อง การสร้างนิสัยใหม่ จากครั้งที่แล้ว
วันนี้เราจะมาพูดถึงหลัก The 66 Day Minimum หรือหลักการในการปลูกฝังนิสัยใหม่ให้อยู่กับเราแบบถาวรภายใน 66 วัน
ขั้นตอนการสร้างนิสัยใหม่ให้อยู่ไปตลอด จะแบ่งออกเป็น 3 ขั้นด้วยกัน
ขั้นที่ 1 'destruction การทำลายล้าง'
ที่ชื่อขั้นแรกว่าการทำลายล้างนั่นก็เพราะว่า ในขั้นนี้ มันคือช่วงเวลาที่เราจะต้องทำลายนิสัยเก่าเดิม ๆ ของเราทิ้งไปให้ได้ก่อน ก่อนที่จะเริ่มต้นนิสัยใหม่นั่นเอง และขั้นนี้จะเป็นขั้นที่ยากที่สุด เพราะว่าเราต้องพยายามเขียนโปรแกรมของสมองและจิตใจเราขึ้นมาใหม่ ในขณะเดียวกับการทำลาย pattern เก่าที่มีอยู่ไป ซึ่งเราต้องพยายามเอาชนะนิสัยหรือการกระทำเดิม ๆ ที่เราไม่ต้องการ
เปรียบเสมือนกับเวลาที่ยานอวกาศจะต้องออกตัวจากฐานเพื่อขึ้นสู่ท้องฟ้า ทุกคนรู้มั้ยคะ ว่าเชื้อเพลิงที่ยานอวกาศเหล่านั้นใช้ในการออกตัว มากกว่าเชื้อเพลิงที่ใช้ในการออกไปเดินทางในอวกาศทั้งหมดซะอีก เพราะอะไรน่ะหรอ ก็เพราะว่ายานอวกาศต้องต่อสู้กับแรงโน้มถ่วงของโลกที่ดึงมันไว้ในช่วงออกตัว ซึ่งนั่นก็เหมือนกับเราค่ะ เราเองก็ต้องใช้พลังอย่างมหาศาลเพื่อดึงตัวเองขึ้นจากแรงโน้มถ่วงนิสัยเดิมให้ได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นเราต้องอดทนและพยายามต่อไปนะคะ สิ่งที่ยากที่สุด มักจะเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด เพราะถ้ามันไม่ได้ยากตั้งแต่แรก มันก็คงไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ และสิ่งที่เราคิดว่า 'ง่าย' ในวันนี้ เราต่างก็เคยมองว่ามัน 'ยาก' มาก่อนแล้วทั้งนั้น จริงมั้ยคะ
ขั้นที่ 2 'installation การติดตั้ง'
ที่เรียกว่าการติดตั้งนั่นก็เพราะว่า ในขั้นนี้เหมือนคุณกำลังทำการรีโนเวทสิ่งที่อยู่ข้างในของคุณใหม่ทั้งหมด ซึ่งนั่นแปลว่าสิ่งปลูกสร้างเดิม ๆ ในตัวคุณจะต้องถูกเอาออกไปซะก่อน ถึงจะมีพื้นที่ให้สิ่งใหม่ที่คุณต้องการจะใส่เข้ามาแทน 'the old you must die so the better you can be reborn' ตัวตนเก่าของคุณจะต้องตายไป เพื่อให้ตัวตนใหม่ที่ดีกว่าได้เกิดขึ้นมา
ในขั้นนี้ ระบบในสมองของเรากำลังถูกสร้างขึ้นมาใหม่ และนิวรอนในสมองของเราก็ได้สร้างเส้นทางเดินใหม่ขึ้นมา ซึ่งเมื่อกระบวนการนี้เกิดขึ้น มันเหมือนกับเรากำลังเดินทางไปยังที่ที่ไม่คุ้นเคย ฮอร์โมนความเครียด cortisol ก็จะถูกหลั่งออกมา ทำให้เรารู้สึกกลัวและกังวลเป็นพิเศษ และสมองของเราเลยต้องใช้พลังงานอย่างหนัก จึงทำให้เราอาจจะรู้สึกเหนื่อยหรือท้อแท้ได้ง่าย เหมือนที่เคยบอกไปว่า all change is hard at first, messy in the middle and gorgeous at the end. นี่แหละค่ะคือส่วนที่ messy
แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะการที่เรารู้สึกแบบนั้น จริง ๆ แล้วมันแค่มาจาก perception หรือมุมมองของเราเท่านั้นเอง ความจริงคือเรากำลังสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่และสวยงามอยู่ และที่รู้สึกแบบนั้นแปลว่าเรากำลังมาถูกทางแล้ว เพราะฉะนั้นมุ่งมั่นและตั้งใจทำมันต่อไป เพื่อให้นิสัยเก่าของเราถูกชะล้างไป และให้สมองของเราได้จดจำนิสัยใหม่ที่เราต้องการ
ขั้นที่ 3 'integration การผสมผสาน'
ทุกอย่างจะเริ่มเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น หลังจากที่เราฝ่าฝันและพยายามมาทั้งหมด 44 วันแล้ว เราก็จะมาถึงขั้นสุดท้ายคือการฝังนิสัยนั้นเข้าสู่ตัวเราจริง ๆ เสมือนว่าเราได้ข้ามมาอีกฝั่งแล้ว มาพร้อมกับตัวตนใหม่ที่เราต้องการ
ทุกสิ่งที่เราได้พยายามทำมา จะกลายเป็น new normal ของเรา เราจะสามารถทำมันได้ง่ายขึ้นมาก จนกลายเป็นว่าการไม่ทำมันจะยากซะกว่า เหมือนเราไม่ต้องบังคับตัวเองหรือใช้ willpower เพื่อฝืนตัวเองให้ทำในสิ่งนั้นอีกต่อไป เพราะฉะนั้นดีใจด้วยนะคะ ความพยายามทั้งหมดของคุณได้เห็นผลแล้วในขั้นนี้
แล้วหลังจากนั้นเราควรทำอะไรต่อล่ะ ?
เป้าหมายหลักของชีวิตคือการเติบโต เพราะฉะนั้น เราก็ยังสามารถที่จะเติบโตต่อในด้านอื่น ๆ ต่อไป มองหาสิ่งที่เราอยากพัฒนาให้ดีขึ้นอีก แล้วก็เริ่มทำมันใหม่อีกครั้ง จนมันกลายเป็น new normal ของเรา เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ เราก็จะได้เรียนรู้ตัวเองมากขึ้น ทั้งจากความสำเร็จและความผิดพลาด ทำแบบนี้วนไปเรื่อย ๆ ในหลาย ๆ เรื่องในชีวิต วันหนึ่งเราก็จะสามารถที่กลายเป็น best self ของเรา ในแบบที่เราต้องการได้
"I'm not afraid of failing. That's just a part of learning to fly. I'm just horrified of not growing."
เราไม่จำเป็นต้องกลัวการล้มเหลว เพราะจริง ๆ แล้วมันก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ที่จะเติบโต สิ่งที่เราควรกลัวมากกว่า คือการไม่เติบโตเลยต่างหาก
ขอให้ทุกคนมีวันที่ดีและได้เริ่มต้นเรียนรู้ที่จะพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นนะคะ และไม่ต้องกลัวหากเราจะล้มเหลวบ้างระหว่างทาง มุ่งมั่นทำต่อไป วันนึงมันจะสำเร็จเอง เพราะ all change is gorgeous at the end ถ้ามันยังไม่สวยงาม ก็แปลว่ามันยังไม่จบ
สรุปมาจาก : The 5 AM Club
โฆษณา