อังกฤษแย่หนัก
โดย
นิติภูมิธณัฐ
มิ่งรุจิราลัย
บางครั้ง ความตายของผู้คนมาจากการตัดสินใจผิดพลาดของผู้นำ ที่เห็นได้ชัดทุกวันนี้ก็คือการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรีอังกฤษ นายบอริส จอห์นสัน
https://www.reuters.com/world/uk/please-please-be-cautious-we-lift-covid-rules-says-uk-pm-2021-07-18/
ช่วงไม่ถึง 2 เดือนที่ผ่านมา ผมเขียนถึงนายกฯ คนนี้ 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อ 18 กรกฎาคม 2564 ที่อังกฤษมีผู้ติดเชื้อสูงสุดในโลกอยู่ที่ 54,674 คนต่อวัน มีคนอังกฤษตายไปแล้ว 1.28 แสน ติดเชื้อทั้งประเทศ 5.4 ล้าน
ตอนนั้น ทุกคนคิดว่ารัฐบาลอังกฤษจะเพิ่มความเข้มงวดกวดขัน ทว่านายกฯ จอห์นสันกลับบอกว่า หลังเที่ยงคืนของวันที่ 18 กรกฎาคม 2564 ไนท์คลับจะสามารถเปิดให้บริการได้ สถานที่ในร่มจะสามารถเปิดรับประชาชนได้เต็มความจุ
มีการยกเลิกบังคับสวมหน้ากากอนามัย และการเว้นระยะห่าง รวมทั้งยกเลิกคำสั่งให้ทำงานจากบ้าน วันที่ 21 กรกฎาคม 2564 ผมยังวิจารณ์ว่าการยกเลิกการสวมหน้ากากอนามัยจะทำให้อังกฤษเป็นสุสานฝังศพ
นายจอห์นสันเชื่อเรื่องภูมิคุ้มกันหมู่และให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจมากกว่าความตายของประชาชน มีคนเรียกวันที่นายจอห์นสันสั่งปลดล็อคดาวน์ว่าวันแห่งอิสรภาพ หรือ Freedom Day
มีผู้คนออกมาเฉลิมฉลองกันสนุกสนานสำราญใจ คลับบาร์ก็เปิดให้ผู้คนเข้าไปกินดื่มได้อย่างเต็มที่
ทว่าสิ่งที่นายจอห์นสันคาดไว้กลับผิดพลาดทุกเรื่อง ที่บอกว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้น ดัชนี FTSE 100 ของอังกฤษกลับดิ่งลง ค่าเงินปอนด์ร่วง เศรษฐกิจเข้ารกเข้าพง
ที่น่าตกใจก็คือ ความเชื่อเรื่องภูมิคุ้มกันหมู่กลับไม่เป็นดังที่คาดหวังตั้งใจ ผมเขียนคอลัมน์ฉบับวันนี้ในตอนดึกของวันที่ 7 กันยายน 2564 วันเดียว มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั้งโลก 3.98 แสนคน ตาย 6.6 พันคน
ความประมาทของนายกฯ จอห์นสันทำให้อังกฤษเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงเป็นอันดับ 1 ของโลก (4.1 หมื่นคนต่อวัน) และโดยภาพรวมอังกฤษมีผู้ติดเชื้อสะสมเป็นอันดับ 4 ของโลก
ขณะนี้ คนอเมริกันติดโควิด-19 แล้ว 41 ล้าน อินเดีย 33 ล้าน บราซิล 20 ล้าน อังกฤษและรัสเซีย 7 ล้านคนเท่ากัน ทว่าประชากรอังกฤษกับรัสเซียต่างกันเยอะ อังกฤษมีประชากรแค่ 64 ล้าน ขณะที่รัสเซีย 148 ล้าน
ทรัมป์น่าจะเป็นประธานาธิบดีที่แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ การตัดสินใจของแกทำให้สหรัฐเละเทะตุ้มเป๊ะ โลกก็แย่ตามไปด้วย สำหรับอังกฤษ หลายคนมองว่านายจอห์นสันเพี้ยนไปจากมาตรฐานของนายกรัฐมนตรี
แล้วก็เป็นเรื่องน่าแปลกครับ ที่สองคนนี้ดันโผล่ขึ้นมาเป็นผู้นำในระยะเวลาใกล้เคียงกัน ความที่สหรัฐและอังกฤษเป็นพันธมิตรชิดใกล้ เป็นไปได้ที่ผู้นำสองคนนี้อาจจะคิดและทำอะไรแผลงๆ อย่างที่คนทั้งโลกนึกไม่ถึง
บางทีก็มีข่าวลือออกมาเสียด้วยซ้ำว่าโควิด-19 นี่ เป็นฝีมือของสหรัฐในยุคทรัมป์ ที่ปล่อยออกมาเพื่อยับยั้งความเจริญเติบโตของจีน
เดิมเราพูดถึงเรื่องโลกไร้พรมแดน แต่วันนี้ บางประเทศหันกลับมาสร้างพรมแดนและดูแลความเป็นไปในประเทศของตนเองอย่างเข้มงวดกวดขัน
ที่เห็นถนัดชัดเจนก็คือสาธารณรัฐประชาชนจีนที่การเดินทางเข้า-ออกประเทศตอนนี้ยากมาก การตรวจตราตามด่านทำอย่างละเอียด
แม้แต่สินค้าก็ยังมีการตรวจเชื้อไวรัสที่บรรจุภัณฑ์ สินค้าจากหลายประเทศต้องติดค้างที่ด่านชายแดนเข้าแผ่นดินจีนไม่ได้ ก็เพราะตรวจเจอโควิด-19 นี่ละครับ
จีนเข้มงวดแม้แต่การไหลเข้ามาของวัฒนธรรมที่อาจจะทำให้วัฒนธรรมจีนผิดเพี้ยน ป้องกันแม้แต่แอพลิเคชั่นที่จะกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ
ต่อไปในอนาคต โลกทั้งใบอาจจะเซกันหมด ไม่ใช่เซเพราะถูกโจมตีด้วยกำลังทหารแบบสมัยก่อน ทว่าเซเพราะโรคระบาด เศรษฐกิจ สังคมและการเมือง
อาจจะมีจีนเพียงประเทศเดียวที่เอาตัวรอดเพราะความเข้มงวดกวดขัน รัฐบาลจีนยอมโดนประชาชนของตนและสังคมโลกด่า ทว่า รอดในบั้นปลายท้ายที่สุด
หลังจากคนอังกฤษตายบานเบอะเยอะแยะ
คนก็คอยดูว่านายจอห์นสันจะรับผิดชอบยังไง
- 35
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
