10 ก.ย. 2021 เวลา 11:53 • ข่าวรอบโลก
พาเหรดฉลองวันชาติเกาหลีเหนือครบรอบ 73 ปี : กองทัพสู้โควิดที่ไร้วี่แววของขีปนาวุธ
เมื่อเที่ยงคืนของวันพุธ ข้ามไปวันพฤหัสบดีที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา ประเทศเกาหลีเหนือได้จัดงานฉลองวันชาติครบรอบ 73 ปีขึ้นที่จัตตุรัสคิมอิลซุง ใจกลางกรุงเปียงยาง โดยสื่อของประเทศได้เผยแพร่ภาพการจุดพลุเฉลิมฉลอง และการปรากฏตัวของผู้นำประเทศ คิมจองอึน ในลุคใหม่ที่สดใส หุ่นเพรียวกว่าเดิม
Credit : BBC และ Kyodo News
เกาหลีเหนือก่อตั้งประเทศเมื่อวันที่ 9 กันยายน ค.ศ. 1948 ก่อนที่จะตามมาด้วยสงครามเกาหลีในปี 1950-1953 โดยฝั่งเหนือสนับสนุนโดยสหภาพโซเวียตและจีน ส่วนฝั่งใต้สนับสนุนโดยสหรัฐอเมริกา
สำหรับขบวนพาเหรดของเหล่าทหารจากกองกำลังต่างๆ มีการรวบรวมจากแรงงานชาวนาพิทักษ์แดง หรือ Worker- Peasant Red Guards กองกำลังที่สู้รบในสงครามเกาหลีช่วงค.ศ. 1950-1953 โดยไม่ได้เข้าร่วมพาเหรดตั้งแต่ปี 2013
ที่สำคัญรูปแบบพาเหรดปีนี้ยังได้ต่างไปจากปีก่อนๆ เนื่องจากไม่ได้มีการนำขีปนาวุธมาแสดงและร่วมในพาเหรด และที่สำคัญยังมีภาพทหารใส่ชุดสีแดงส้มและใส่หน้ากากกันแก๊สพิษปรากฏตัวอีกด้วย
ภาพประชาชนชาวเกาหลีใต้ที่กำลังดูถ่ายทอดสดขบวนพาเหรดของทหารเกาหลีเหนือ ที่สถานีรถไฟโซล ประเทศเกาหลีใต้ (Credit : Euro News)
Credit : Reuters
แต่ขณะเดียวกันผู้ร่วมงานเฉลิมฉลองกลับไม่มีใครสวมใส่หน้ากากอนามัยเลย
Credit : Reuters
และแม้ว่าจะไม่มีการนำอาวุธร้ายแรงอย่างขีปนาวุธอยู่ในขบวนพาเหรด แต่ก็ยังมีการแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ เครื่องยิงจรวด และสุนัขทหารในขบวนพาเหรด
Credit : Wall Street Journal and Reuters
เกาหลีเหนือไม่มีรายงานของผู้ติดเชื้อโควิดที่ได้รับการยืนยัน ประเทศมีการปิดชายแดนแน่นหนา และมีการป้องกันอย่างสูงสุด ก็อาจเป็นไปได้ที่ประเทศจะไม่มีผู้ติดเชื้อ
(Credit : Kyodo News)
ยางมูจิน อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเกาหลีเหนือที่มหาวิทยาลัยในกรุงโซล วิเคราะห์ว่าการที่เกาหลีเหนือไม่แสดงแสนยานุภาพทางการทหารและขีปนาวุธ แต่กลับแสดงภาพทหารสวมใส่ชุดป้องกันโรคอย่างแน่นหนาและหน้ากากทางการแพทย์แทน เป็นการแสดงนโยบายความมั่นคงของผู้นำนำคิมจองอึน ที่หันมาใส่ใจเรื่องปัญหาโรคระบาดโควิด-19 และ เศรษฐกิจของประเทศ แทนความมั่นคงที่ผ่านอาวุธ
1
อาจารย์ยางมูจินยังได้กล่าวอีกว่า พาเหรดในปีนี้ดูจะเป็นการเฉลิมฉลองภายในชาติของคนในชาติจริงๆ เพื่อโปรโมทความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของเกาหลีเหนือ และเป็นการรวบรวมจิตใจประชาชนในช่วงโควิดที่ประเทศกำลังประสบกับ "ความไม่มั่นคง" อย่างหนัก
นักวิชาการวิเคราะห์ว่า ภายใต้การแพร่ระบาดของโควิด-19 ผู้นำคิมจองอึนและเกาหลีเหนือประสบกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ และภาวะขาดแคลนอาหารอย่างหนักในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ โดยในเดือนมิถุนายนปี 2020 คิมจองอึนเคยแถลงถึงปัญหาข้าวยากหมากแพงจากภัยพิบัติไต้ฝุ่น และน้ำท่วม ที่ได้ทำลายพืชผลทางการเกษตร ส่งผลให้ทั่วประเทศขาดแคลนอาหาร
นอกจากนี้ เกาหลีเหนือยังปิดชายแดนเพื่อป้องกันโรคระบาดโควิด ทำให้ประเทศไม่สามารถรับการสนับสนุน นำเข้าวัตถุดิบและอาหารจากจีน รัสเซีย หรือ ประเทศพันธมิตรอื่นๆได้ รวมถึงท่าทีที่เป็นภัยและการสะสมอาวุธนิวเคลียร์ ทำให้เกาหลีเหนือถูกแทรกแซงทางเศรษฐกิจอย่างหนัก เพื่อกดดันให้ล้มเลิกการสะสมอาวุธนิวเคลียร์
ดังนั้นนักวิชาการส่วนใหญ่เลยเห็นตรงกันว่าการ Tone Down หรือ ลดระดับความแข็งกร้าวในการสะสมอาวุธนิวเคลียร์ลงของเกาหลีเหนือ จะช่วยแก้ปัญหาการถูกแทรกแซงทางเศรษฐกิจจากสหรัฐอเมริกาได้บ้าง ซึ่งก่อนหน้านี้ช่วงที่สหรัฐฯเปลี่ยนประธานาธิบดีจากทรัมป์เป็นไบเดน เกาหลีเหนือได้โชว์แสนยานุภาพทางการทหารและขีปนาวุธไปแล้ว ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีเหนือ เกาหลีใต้ และสหรัฐฯ ตึงเครียด
Credit : Reuters
สื่อของเกาหลีเหนือยังเผยแพร่ภาพผู้นำคิมจองอึนที่ยิ้มแย้มแจ่มใส ห้อมล้อมไปด้วยผู้คนและเด็กๆ ที่เข้ามากอดและจับมืออีกด้วย นอกจากนี้ผู้คนยังตั้งคำถามถึงลุคของท่านผู้นำที่เปลี่ยนไป ดูอ่อนเยาว์ลงและผอมลงด้วย ดูสุขภาพปกติดี ไม่ได้ดูป่วยเหมือนข่าวลือที่แพร่ก่อนหน้านี้แต่อย่างใด
และในปีนี้ท่านผู้นำก็ไม่ได้กล่าวสุนทรพจน์ปลุกใจใดๆเหมือนปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ยังไม่เห็นภาพหรือรายงานข่าวว่า "คิมโยจอง" น้องสาวของคิมจองอึนและนักการเมืองระดับสูงของเกาหลีเหนือว่าได้ร่วมงานเฉลิมฉลองด้วยหรือไม่ หลังจากที่เธอได้ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีเหนือ เกาหลีใต้ และสหรัฐฯ หยุดชะงักไปก่อนหน้านี้
ดังนั้นท่าทีที่เปลี่ยนไปของท่านผู้นำ จะช่วยเยียวยาจิตใจชาวเกาหลีเหนือ และทำให้ผู้คนยังศรัทธาในตัวผู้นำต่อไปได้หรือไม่ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจตกต่ำและขาดแคลนอาหาร เป็นคำถามที่เรายังคงต้องดูกันต่อไป
1
Credit : BBC และ Reuters
References:
โฆษณา