10 ก.ย. 2021 เวลา 11:35 • ดนตรี เพลง
สรุปจาก 📝WhyItMatters EP.35 ทำไม “Music Composer” ถึงสำคัญ 🎼
======================
1. Music Composer คืออะไร
======================
- คือคนที่ประพันธ์หรือสร้างสรรค์อะไรขึ้นมา มาจากคำว่า compose ส่วนใหญ่คำว่า composer จะถูกเอามาใช้กับคนแต่งเพลง
- ถ้าสาย pop song บางทีจะมีคำที่เรียกว่า producer มีความต่างคือ มันจะกว้างกว่า ต้องมีการคุมอัดร้อง คุมคนแต่ง (หรืออาจจะแต่งเอง)
======================
2. ประเภทของ Music Composer
======================
- สาย Classic (ดนตรีคลาสสิค)
ทำดนตรีคลาสสิค จะมีกฎเกณฑ์ในการประพันธ์
- สาย Contemporary (ดนตรีร่วมสมัย)
เป็นงานส่วนตัว มีทั้งฟังยากและง่าย เป็นดนตรีที่ทำเพื่อแสดงงาน เป็นศิลปะ เพื่อ express idea ไม่มีใครมาควบคุม
- สาย Commercial (ดนตรีเพื่อการค้า)
งานโฆษณา ส่วนใหญ่จะต้องทำตามลูกค้าสั่ง อิสระในการครีเอทจะน้อย คนแต่งเพลงจะเรียกว่า song writer ซึ่งก็แยกออกเป็นคนแต่งเพลงและแต่งเนื้อ
- สาย Film Score (ดนตรีประกอบภาพยนตร์)
จะเป็นสายที่อยู่ตรงกลางอยู่ระหว่าง art กับ commercial คือเป็นไอเดียตัวเองและถูกควบคุมด้วยภาพยนตร์ด้วย ท่อนเศร้าก็ต้องแต่งให้เศร้า แต่สไตล์ดนตรีบางทีก็เป็น classic หรือบางทีก็เป็น experimental ได้ทดลองบางอย่างที่ไม่ได้อยู่ในเพลง pop เช่น เอากีตาร์มา scatch หนักๆ มันส์ๆ เสียงคีย์บอร์ดแช่แบบในเพลงพวกหนังผี
======================
3. ทำไม Music Composer ถึงสำคัญ
======================
- ถ้าพูดในส่วนของภาพยนตร์ มันสำคัญ แต่อาจจะไม่ได้ 100% ประมาณ 90% ของภาพยนตร์จะมีดนตรี อีก 10% อาจจะไม่ได้ให้ความสำคัญ เลยไม่ได้มีการใส่ดนตรีเข้าไป อาจจะเปรียบเทียบได้กับหนังที่ถ่ายภาพสวยกับหนังที่ภาพไม่สวย ที่ถ่ายภาพสวยก็อาจจะสำคัญ แต่บางเรื่องอาจจะถ่ายภาพด้วยกล้องมือถือก็ได้ ก็จะมีหนังที่ไม่ได้จำเป็นต้องถ่ายภาพสวย แต่ก็ดี
- ภาพยนตร์ส่วนใหญ่เกินครึ่งก็ยังให้ความสำคัญกับดนตรี เหมือนในสายอื่นๆ ในการทำหนัง ถ่ายภาพ ทำเสียง พวกสายงานย่อยๆ คอสตูม แต่งหน้า ก็สำคัญหมด แต่บางครั้งก็ยังสามารถตัดออกได้
- ดนตรีก็สำคัญ ช่วยบิ้วอารมณ์ ถ้าเราทำให้คนร้องไห้ได้ก็ถือว่าเราประสบความสำเร็จแล้ว หนังที่ไม่มีดนตรีประกอบก็อาจจะดูน่าเบื่อขึ้น
- พอเป็นงานศิลปะมันไม่มีอะไรที่ถูกต้อง 100% อาจจะเป็นส่วนใหญ่ส่วนน้อย
- หลายๆ เรื่องก็อาจจะดีไซน์ให้ไม่มีเสียง จะตั้งใจทำหนังให้ไม่มีดนตรีไปเลย
- ดนตรีสาย classic, contemporary เหมือนเป็นศิลปะ คนฟังดนตรีเพื่อเยีวยาจิตใจ ก็ไม่ได้สำคัญแบบปัจจัยสี่ แต่ก็จะมีคนที่ชื่นชมสิ่งพวกนี้อยู่ อย่างขุนนางสมัยก่อน ยุค Mozart ชอบฟังดนตรีคลาสสิค ก็จะจ่ายเงินให้ Mozart แต่งเพลง สมัยนี้ก็จะมีคนจ่ายเงินให้แต่งเพลง เป็นศิลปะอย่างนึง สิ่งที่เยียวยาจิตใจ
- ดนตรีสาย film score มีคนจ่ายเงินให้ทำ บางครั้งก็เป็นสิ่งที่เยียวยาได้เหมือนกัน ก็จะมีบางคนที่ดูหนังจบแล้ว ชอบมาฟังเพลงแยก มีสตอรี่ มีอะไรชัดเจนดูหนังแล้วอิน ก็มาฟังเพลงต่อ
======================
4. ปกติเพลงที่ทำให้ภาพยนตร์จะมีการปล่อยออกมาก่อนไหม
======================
- แล้วแต่เรื่อง ส่วนใหญ่จะปล่อยช่วงใกล้ๆ หนังเข้าโรง หลายๆ คนรอฟัง Hans Zimmer ทำเพลงทีคนรอฟังกันทั้งโลก ซึ่งเพลงของเขามักจะปล่อยประมาณช่วงที่หนังเข้าโรงไป 1-2 สัปดาห์
======================
5. Score กับ Soundtrack แตกต่างกันยังไง
======================
- Soundtrack เหมือนเป็นเซ็ตใหญ่ คือเพลงทั้งหมดที่ใช้ประกอบภาพยนตร์ ตั้งแต่เพลงที่มีเนื้อร้องที่แต่งขึ้นมาใหม่เพื่อประกอบภาพยนตร์ หรืออาจจะไม่ได้เป็นเพลงที่แต่งใหม่ แต่ดึงมาประกอบภาพยนตร์ รวมถึง film score ด้วย
- Film score คือดนตรีที่แต่งสำหรับภาพยนตร์ แต่งเพื่อภาพและมักจะไม่มีเนื้อร้อง เป็นเพลงบรรเลง เพลงประกอบหนัง เป็นเซ็ตย่อยของ soundtrack อีกที
======================
6. คุณสมบัติของการเป็น Film Score Composer
======================
- ต้องมีใจรัก และต้องขยัน พรสวรรค์เป็นส่วนนึง แต่สามารถฝึกฝนกันได้ ช่วงแรกๆ learning curve จะสูง ต้องรู้เรื่องหลายอย่าง ต้องดูหนังและฟังเพลงเยอะ
- ถ้าจะมาทำสาย film score ต้องทำดนตรีได้หลายๆ แนว หนังบางเรื่องเป็น action ก็ต้องทำดนตรีมันๆ บางเรื่องอาจจะเปียโนคลอๆ เศร้าๆ ดราม่า บางเรื่องอาจจะเป็นอิเล็กทรอนิกส์ไปเลย ถ้าเราทำไม่ได้กว้างมันจะจำกัดความสามารถในการทำงานของเราให้แคบลง ถ้าทำได้ไม่เยอะก็จะรับประเภทงานได้น้อยลง ค่อนข้างจะต้องเป็นเป็ดประมาณนึงในสายดนตรี คือจะไม่ได้เจาะไปแนวใดแนวหนึ่ง แต่ต้องทำให้ได้หลายๆ แนว
- อย่างในภาพยนตร์เรื่องเดียวบางทีก็จะมีดนตรีหลากหลายอารมณ์ด้วย อย่างเรื่อง Mother Gamer ที่เราทำดนตรีหลากหลายแนวมาก ทั้งออเคสตร้า อิเล็กทรอนิกส์มันๆ ตื๊ดๆ เพลงเกม มีหลายแนว อย่างเรื่องนี้เราก็จะแบ่งกันทำกับเพื่อน เพราะงานค่อนข้างรีบ
- แต่ทุกคนก็จะมี signature นอกเหนือจากการทำได้ทุกอย่าง ก็จะมีแนวที่ถนัด อย่าง John Williams ก็จะถนัดออสเคสตร้า ถึงแม้ว่าเคยจะทำผสมอิเล็กทรอนิกส์ แต่งานส่วนใหญ่ที่ได้รับก็จะเป็นแนวที่เขาถนัด อย่างเราถึงจะดูหลากหลาย แต่แนวที่สร้างชื่อจะเป็นแนวดราม่าหรือหนังอินดี้ มีความ emotional สูง
======================
7. คำแนะนำสำหรับคนที่อยากเริ่มต้น
======================
- ต้องมีใจรัก ไม่งั้นมันอาจจะออกมาเห็นได้ชัดในผลงาน ถึงแรกๆ อาจจะไม่เก่ง แต่มันจะมีความพยายาม ต้องใช้ใจในช่วงแรกที่จะดันตัวเองขึ้นมา
- แนะนำว่าให้เรียนก็จะดีกว่า 80-90% ของคนสายนี้จะเรียนมา จะมีคนที่ไม่ได้เรียนทำได้ก็มี แต่จะเป็นพวกมีพรสวรรค์หรือบางทีก็ทำเพลงอยู่แล้ว ถ้าเรียนมันจะเหมือนเป็นทางลัด มีอาจารย์สอน ยกเว้นว่าเรียนด้วยตัวเองได้เก่งมาก แต่อย่างเราก็ถนัดเรียนกับอาจารย์ เหมือนช่วยเป็นที่ปรึกษาด้วย เร็วกว่านั่งศึกษาคลำเอง อาจจะไม่ต้องเป็นปริญญา ลงเป็นคอร์สก็ได้ จะช่วยเพิ่มไอเดีย ช่วยเพิ่มความสามารถในหัวได้ แต่ถ้าเป็นปริญญาก็จะ intensive แน่นและค่อนข้างยากกว่า
- อย่างผมจบปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยรังสิตและต่อใบเซอร์ที่ UCLA
- ถ้ารู้ดนตรีมาก่อนเรียนก็จะดีกว่า บางคนก็เพิ่งมาฝึกตอนมัธยมก่อนที่จะเข้ามหาวิทยาลัย เรียนเล่นเครื่องดนตรีมาก่อนก็จำเป็น แล้วเวลามาต่อยอดก็จะดีกว่า บางคนแค่เรียนเล่นเปียโนหรือกีตาร์ก็แต่งได้เลย อาจจะเป็นพรสวรรค์ สาย song writer หลายคนก็ไม่ได้จำเป็นต้องเรียนดนตรี แต่เขามีเครื่องดนตรีที่เล่นเป็นสักอย่าง ก็จะตีคอร์ด แต่งเพลงได้ แต่ถ้ามาเชิงลึก ที่ต้องมาแต่งดนตรีให้ออเคสตร้า ก็ต้องเรียนเพราะองค์ความรู้มันเยอะมากที่จำเป็นต้องรู้ แต่ถ้า song writer ก็อาจจะไม่จำเป็น
======================
8. แนะนำที่เรียน
======================
- ระดับมัธยมปลาย มีของมหิดลชื่อโปรแกรม Young Artist Music Program
- ส่วนทางระดับมหาวิทยาลัยจะมี
*1. มหาวิทยาลัยมหิดล: จะเน้นสไตล์ classic แต่ก็มี contemporary
*2. มหาวิทยาลัยรังสิต: เป็นแนว contemporary อาจารย์จะล้ำๆ ดนตรีสมัยใหม่
*3. มหาวิทยาลัยศิลปากร: เน้นดนตรีเพื่อสื่อ ไปทาง commercial
*4. สถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา: ดึงตัวคนเก่งๆไปเป็นอาจารย์เยอะ มีทั้งตรีและโท
- ของมหาวิทยาลัยกรุงเทพที่เราไปสอนอยู่ จะเป็น digital media เอกด้าน sound จะเรียนรวมๆ ทั้งทำ sound effect และเพลง จะต่างจากพวกดนตรีคือ จะเรียนเหมือนนิเทศ แตะในส่วนของดนตรีไม่ได้ลึกมาก เหมือนเรียนเป็นเป็ด
- ถ้าจะบินไปเรียนต่อที่อเมริกา แถบ LA จะมี University of California, Los Angeles (UCLA), University of Southern California (USC), University of California, Berkeley ถ้าเป็นแถบ New York ก็จะเป็น New York University (NYU), Columbia College
 
- ถ้าคอร์สออนไลน์จะมีของ University of California, Berkeley
======================
9. แชร์ประสบการณ์การหางาน
======================
- เรื่อง connection ก็สำคัญ เพราะถ้าจะทำก็ต้องมีคนจ้าง เราถึงจะอยู่รอดด้วยการทำดนตรีอย่างเดียว
- หนังเรื่องแรกที่ได้ทำดนตรีให้เป็นหนังสั้น ตอนเราอยู่ปีสอง เพราะเรารู้จักกับคนตัดที่เขาตัดสั้นอยู่เรื่องนึงให้ GDH แล้วเขาหา composer เลยมาจ้างเราราคาที่ไม่แพง
- เราใช้วิธีโปรโมทตัวเอง แต่งแล้วเอาไปลง steaming สมัยนั้นเป็น Bandcamp, Youtube จนมีคนมาฟังแล้วสนใจ จึงเป็นจุดเริ่มต้น
- ดนตรีของเราจะไม่เหมือนชาวบ้านเป็น ambient, drone, experimental เลยมีคนมาเห็น potential และคิดว่าเราน่าจะทำ film score ได้ น่าจะเป็นจุดเริ่มต้น
- ใช้ social media ให้เป็นประโยชน์ แชร์งานตัวเองทำไปเรื่อยๆ เอาไปปล่อยออนไลน์สักพักถ้ามีคนสนใจเขาก็จะติดต่อเข้ามา
- พวกเรื่องสถาบันไม่ค่อยมีผลเท่าไหร่ มีผลคือความรู้กับผลงานมากกว่า ตอนที่เราจบรังสิตก็ยังไม่ได้ดังเรื่องดนตรี แรกๆ ก็ทำงานควบคู่กันไปกับการเรียน สร้างโปรไฟล์ สร้างประสบการณ์ในการทำงานไปเรื่อยๆ ยิ่งเริ่มเร็วก็จะยิ่งดี งานแรกๆ ที่เราทำแจกฟรี อาจจะลองแต่งงานที่ตัวเองพอใจ แล้วลองปล่อยดู
======================
10. คำแนะนำสำหรับคนที่อยากทำ film score
======================
- ต้องรู้พื้นฐานทฤษฎีดนตรี การเขียน harmony
- ต้องฟัง ฟังแล้วจะมีเซนส์ของการแต่ง
- วิธีฝึกคือ ลองไปแกะเพลงหรืออ่าน score เพลงงานคนอื่นดู อาจจะไม่จำเป็นต้องเป็น film ก็ได้ อาจจะไปอ่านดนตรีคลาสสิค เพลงป๊อบ แกะโน้ต แกะ harmony แกะทำนอง จะทำให้เริ่มเข้าใจว่าการเขียนเพลงทำกันยังไง หรือบางทีแกะโดยใช้หูก็ได้ จะทำให้เราพัฒนาต่อไปได้
======================
11. ฝากส่งท้าย
======================
- ถ้าใจรักอยากให้ลองมาทำ แต่ต้องใช้ความพยายามและฝึกฝนเยอะๆ
- สามารถติดตามผลงานของผมได้ที่เพจ Phil Chapavich Composer และเร็วๆ นี้ จะมีซีรีส์ลง Netflix ที่เราทำดนตรีประกอบ รอติดตามกันได้
======================
Speaker:
[@phil_wc] คุณฟิว ชัพวิชญ์ Phil Chapavich Composer
นักทำดนตรีประกอบภาพยนตร์ (มะลิลา, ดิว ไปด้วยกันนะ, AppWar, Mother Gamer, Hope Frozen, ปั๊มน้ำมัน, อนธการ)
======================
Moderator:
[@panit] พี พนิต P Panit
เจ้าของเพจ วันนี้สรุป..มา
======================
Date: 11 Aug 2021 (21:00-22:25)
Club: วันนี้สรุป..มา
#ClubhouseTH #ทำไมถึงสำคัญ #MusicComposer #นักแต่งเพลง #PhillWC #todayinotetoevent #todayinoteto #วันนี้สรุปมา
โฆษณา