MV เดี่ยวเพลงแรกของ ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า Blackpink จัดเต็มสมการรอคอย แต่ยังไม่วายมีดราม่าเรื่องความเป็นไทย
©️LALISA
▪️ LALISA
ถ้าพูดถึง ลิซ่า หนึ่งในสมาชิกวงเกิลล์กรุ๊ปเกาหลีแบล็คพิงค์ (Blackpink) สิ่งหนึ่งที่คนทั่วไปรู้กันดีก็คือเธอเป็นคนต่างชาติคนเดียวในวง เพราะเธอเป็นคนไทย และเพราะเหตุผลนี้ทำให้หลังจากวงเดบิวต์ในช่วงแรกๆ ลิซ่าเป็นสมาชิกที่มีความนิยมน้อยที่สุด แถมยังมีคนเกาหลีตั้งกลุ่มเป็นแอนตี้แฟน เพราะคนเกาหลีมีความชาตินิยมสูง
แต่ด้วยความสามารถและความพยายามของตัวลิซ่าเองล้วนๆ ทำให้เธอค่อยๆพัฒนาตัวเอง จนถึงวันนี้ลิซ่ากลายเป็นสมาชิกวงแบล็คพิงค์ที่มีความนิยมมากที่สุดคนหนึ่ง ไม่ใช่แค่ในเกาหลีแต่ว่าชื่อเสียงของเธอดังไปทั่วโลก มีแฟนคลับต่างประเทศมากมาย
ช่วงเวลาที่ผ่านมาหลังจากเพื่อนในวงอย่างเจนนี่และโรเซ่มีเพลงเดี่ยวเป็นของตัวเองแล้ว แน่นอนว่าสิ่งที่แฟนคลับลิซ่าเรียกร้องและรอคอยมากที่สุดคงหนีไม่พ้นเพลงเดี่ยวของเธอ และวันนี้ก็มาถึง เพลงเดี่ยวเพลงแรกมีชื่อว่า LALISA (ลลิษา) ชื่อจริงของลิซ่านั่นเอง โดยได้นำมาตั้งชื่อเพลงและเป็นส่วนประกอบหลักของเนื้อเพลง
▪️ ความเป็นไทยใน MV
ฉากแรกๆใน MV มีลักษณะเป็นร้านค้าประดับด้วยป้ายไฟแสงสีต่างๆเรียงรายอยู่เต็มสองข้างถนน ที่สะดุดตาคนไทยเป็นพิเศษคงหนีไม่พ้นป้ายโฆษณาสีเหลืองด้านหลังลิซ่าที่เขียนเป็นภาษาไทยชัดเจนว่า ‘อาหารจานด่วน’
ประเทศไทยมีชื่อเสียงเรื่อง Street Food หรือ อาหารที่หาซื้อได้ง่ายตามท้องถนน ซึ่งเป็นสิ่งหนึ่งที่ชาวต่างชาติหลายคนชื่นชอบและอยากลองเมื่อมาประเทศไทย ดังนั้นการที่ใน MV มีป้ายอักษรภาษาไทยก็ถือว่าเป็นกิมมิคอย่างหนึ่งของ MV ฉากนี้
©️LALISA
อีกหนึ่งฉากที่เป็นประเด็นพูดถึงกันอย่างมากก็คือฉากที่ลิซ่าใส่ชุดไทยลักษณะเป็นสไบพาดเฉียงข้างเดียว สวมชฎา น่าจะเป็นฉากที่สะดุดตาคนต่างชาติมากที่สุด เพราะปรากฎในช่วงท้าย และมีความสวยงามอลังการอย่างมาก
แต่ก่อนที่จะดราม่ากัน อยากให้ฟังเนื้อร้องของเพลงช่วงนี้ด้วย แล้วจะเข้าใจว่าทำไมถึงมีการแสดงความเป็นไทยในฉากนี้
⏩You cannot see me even though I show you all my ways
คุณไม่มีทางเห็นฉันหรอก ถึงแม้ฉันจะโชว์ให้คุณเห็นทุกทางที่มี
⏩ From Thailand to Korea, and now here, went for the throat
จาก ประเทศไทย ถึง เกาหลี จนถึงตอนนี้ ฉันสู้มาสุดตัว
⏩ Being the greatest of all time ain’t fantasy
การได้เป็นสิ่งที่ดีที่สุด ไม่ใช่เรื่องแฟนตาซีหรอกหรือ
⏩ Jet black and pink crown belong to we (Blackpink)
เครื่องบินเจ็ทสีดำ และ มงกุฎสีชมพู เป็นของพวกเรา (แบล็คพิงค์)
ก็คือเนื้อเพลงมีการกล่าวถึงชีวิตการเป็นศิลปินของลิซ่าตั้งแต่ประเทศไทย จนได้มาเป็นสมาชิกวงแบล็คพิงค์ที่เกาหลีนั่นเอง ทำให้ MV มีความเป็นไทยโดยการใส่ชุดไทย ตัดสลับกับฉากการเต้นแบบวงเกิลล์กรุ๊ปเกาหลี ที่เปลี่ยนทั้งการแต่งกาย การแต่งหน้า ทรงผม และยังมีแดนเซอร์เต้นเป็นกลุ่มอยู่ข้างๆ
ซึ่งก็ถือว่าลิซ่าให้เกียรติชุดไทยเพื่อป้องกันดราม่าแล้ว เนื่องจากฉากที่เธอสวมใส่ชุดไทยล้วนแต่เป็นฉากที่นั่งอยู่บนบัลลังก์สวยสง่า ไม่มีการลุกขึ้นเต้นแต่อย่างใด แค่ขยับแขนไปมา
นอกจากนั้น ท่อนสุดท้ายยังมีการเล่นคำจากชื่อวง ก็คือคำว่า black-pink โดยพูดถึง Jet black ที่หมายถึงเครื่องบินเจ็ทสีดำ และ Pink crown ที่หมายถึงมงกุฎสีชมพู ซึ่งถ้าพูดถึงเครื่องแต่งกายที่เป็นมงกุฎของไทย หลายคนก็จะนึกถึงชฎา ซึ่งเนื้อเพลงที่ลิซ่าร้องถึง มงกุฎสีชมพู ก็เป็นท่าใน MV ตามรูปข้างล่าง ก็คือลิซ่านั่งบนบัลลังก์แล้วทำท่าสวมมงกุฎ เพื่อบอกว่าทั้ง Jet black และ Pink crown นั้นต่างก็เป็นของพวกเธอวง Blackpink (มีเสียงร้องคำว่า Blackpink ดังขึ้นมาพอดี)
©️LALISA
©️LALISA
©️LALISA
>> ฉากตัดสลับที่แสดงถึงความเป็นวงเกิลล์กรุ๊ปเกาหลี
©️LALISA
▪️ ปราสาทหิน ไทย/เขมร
ยังมีอีกกระแสดราม่าจากประเทศเขมร กล่าวว่าปราสาทหินที่เป็นฉากหลังใน MV ฉากนี้นั้นเป็นสัญลักษณ์ของเขมร ไม่ได้แสดงถึงความเป็นไทยแต่อย่างใด จึงไม่น่าเอามาใส่เพื่อแสดงถึงความเป็นไทย
แต่อีกความหมายหนึ่ง ก็คือลิซ่าเกิดที่จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวดังและเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดบุรีรัมย์ก็คือปราสาทหินพนมรุ้ง โดยคาดว่าซุ้มประตูที่เห็นใน MV น่าจะถอดแบบมาจากซุ้มประตูทางเข้าด้านหน้าของปราสาทหินพนมรุ้ง
©️LALISA
▪️ เอาความเป็นไทยไปใส่ใน MV แต่ไม่เคยออกมาเรียกร้องเกี่ยวกับสถานการณ์ต่างๆในประเทศ
สำหรับดราม่าเรื่องนี้เห็นตอนแรกก็งงมาก เพราะลิซ่าเป็นคนดังระดับโลกอยู่แล้ว ไม่ต้องเอาความเป็นไทยไปใช้ เธอก็ไปได้ไกลด้วยความสามารถของตัวเอง เพราะฉะนั้นการที่บริษัทต้นสังกัดอย่าง YG ทุ่มเงินค่า Production ผลิต MV ให้ลิซ่าขนาดนี้ ใส่ใจรายละเอียดโดยใช้แบรนด์ไทยทั้งหมดสำหรับ ชุด เครื่องประดับ ชฎา และยังยอมให้เธอนำเสนอความเป็นตัวเอง ความเป็นไทยใน MV ระดับโลก เพื่อให้ประจักษ์แก่สายตาคนทั่วโลก คนไทยควรจะภูมิใจและขอบคุณในตัวลิซ่ามากกว่า
ส่วนเรื่องการเรียกร้องหรือการ call out เป็นสิทธิการแสดงออกส่วนบุคคล ไม่ควรบังคับหรือตัดสินใครจากการเรียกร้องหรือไม่เรียกร้องต่างๆ เพราะสิ่งที่พลเมืองพึงมีก็คือสิทธิส่วนบุคคลและสิทธิการแสดงออกขั้นพื้นฐาน เป็นเรื่องที่สำคัญเท่ากัน
▪️ ส่วนหนึ่งของ MV แบบช็อตต่อช็อต
>> ลิซ่ากับการใส่หมวกบีน ผมยาวตรงลุคนี้ เป็นลุคที่ถูกใจหนุ่มฝรั่งเป็นพิเศษ จากการดูคลิปรีแอค MV ต่างๆ มีแต่หนุ่มฝรั่งบอกว่าน่ารักมาก อาจเพราะลุคนี้ดูมีความเป็นตะวันตกสูง
ถ้าสังเกตดีๆจะเห็นว่า MV ลิซ่ามีความหลากหลายของเชื้อชาติ เปิดเพลงมาด้วยฉากถนนแสงสีแบบฮาราจูกุ เสื้อผ้าแนวกราฟฟิคเห็นแล้วนึกถึงความเป็นญี่ปุ่น ก่อนจะเปลี่ยนมาใส่หมวกบีนแบบสาวตะวันตก
เพลงช่วงแรกจะเป็นแร็พแบบใส่ทำนอง บนบีทดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ EDM ดนตรีแนวถนัดของแบล็คพิงค์ ก่อนจะเข้าท่อนฮุคติดหูอย่าง
Say Lalisa love me
Lalisa love me
Call me Lalisa love me
Lalisa love me 🎶
©️LALISA
©️LALISA
>> หลังจากฮุค 1 ก็เป็นท่อนแร็พ 1 พร้อมกับฉากใหม่ ที่เป็นตำรวจแต่งตัวแบบ FBI โดยมีกิมมิคอยู่ที่คำว่า POLICE ที่แปลว่า ตำรวจ ถูกเปลี่ยนให้เขียนว่า POLISA เพื่อให้คล้องกับชื่อของลิซ่า
©️LALISA
©️LALISA
>> จบจากแร็พ 1 ดนตรีก็อัพบีทขึ้นเป็นท่อนแร็พ 2 ที่เร็วกว่าเดิม พร้อมกับฉากใหม่ให้ลิซ่าได้แสดงความสามารถในการเต้นกับเสาหรือที่เรียกว่า Pole dance ซึ่งถือว่ายากมากและต้องฝึกฝน
ก่อนหน้าที่เพลงเดี่ยวลิซ่าจะออก คนส่วนมากก็คาดหวังว่าในเพลงคงมีแร็พและเต้น ซึ่งเป็นความถนัดของเธออยู่แล้ว แต่ลิซ่าแสดงให้เห็นว่าเธอทำได้เกินความคาดหวังขึ้นไปอีก
©️LALISA
©️LALISA
>> และเพลงก็เข้าท่อนฮุคอีกรอบด้วยฉากที่อลังการกว่าเดิม เปลี่ยนจากถ่ายในสตูดิโอมาเป็นโลเคชั่นกลางแจ้ง แถมไม่ใช่กลางแจ้งธรรมดาแต่ดูมีความเป็นทะเลทรายแบบตะวันออกกลาง
เปลี่ยนจากลุคเซ็กซี่ แบบไม่ทันตั้งตัวลิซ่ามาด้วยลุคสาวเท่ ขี่รถ ATV ลุยกลางทะเลทราย เรียกได้ว่าต้องทุ่มเททั้งแรงกายและทุนทรัพย์เลยทีเดียว
©️LALISA
>> จากสาวเท่ ก็มาต่อด้วยลุคสาวหวาน ฉากเน้นความสดใส สีสันโทนพาสเทล สถานที่มีความสว่างดูเป็นบ้านริมทะเล สอดคล้องกับเนื้อเพลงช่วงนี้ที่มีการเล่นคำ L.A.L.I.S.A ให้ออกเสียงเหมือน LA หรือ ลอสแองเจลิส เมืองติดชายหาดของอเมริกา
ดนตรีท่อนนี้มีความเป็นป็อป ให้ความรู้สึกของสาวหวาน น่ารักสดใส
©️LALISA
©️LALISA
>> ก่อนเข้าฮุค 3 จะเป็นท่อน Bridge ที่จังหวะบีทของเพลงถูกเปลี่ยนให้หนักขึ้น เชื่อมด้วยเสียง ‘ฮู้ว’ พร้อมกับลิซ่าใส่ชุดไทยโปรยกระดาษเพิ่มความวิบวับ
ส่วนมากดนตรีช่วง Bridge ตอนท้ายของแบล็คพิงค์ มักใส่ความแปลกใหม่ให้คนฟังเซอร์ไพรส์ได้ตลอด ซึ่งในท่อนพิเศษนี้เองที่ลิซ่านำเสนอความเป็นตัวเองอย่างเต็มที่ด้วยท่อนแรพ 3 บนบีทที่หนักขึ้น พร้อมการเต้นแบบเกาหลี และชุดไทย รวมกับเนื้อหาของเพลงตามที่กล่าวไปข้างต้น ถือว่าเป็นท่อนที่น่าประทับใจและเรียกเสียงฮือฮาได้มากที่สุด
©️LALISA
©️LALISA
>> ต่อจากท่อน Bridge ก็เป็นท่อนฮุคสุดท้ายที่ลิซ่ามาพร้อมกับกลุ่มแดนเซอร์จำนวนมากเป็นฉากปิด ฉากหลังเป็นคำว่า LALISA ขนาดใหญ่ สลับกับมีการฉายอักษรบนจอ LED ด้านหลังว่า LALISA
ถือได้ว่านี่เป็นเพลงเดี่ยวของลิซ่าโดยแท้จริง เพราะตั้งแต่ชื่อเพลง ‘LALISA’ ไปยังเนื้อเพลงที่มีคำว่า Lalisa ไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ ไปจนถึง MV ที่เห็นคำว่า Lalisa แทรกอยู่ตลอดทั้ง MV ต้องขอบคุณ YG ที่จัดเต็มให้ลิซ่าแบบไม่ผิดหวัง สมกับที่เหล่าแฟนคลับตั้งตารอคอยมานานจริงๆ
สุดท้ายนี้ขอบคุณลิซ่าสำหรับความพยายามของเธอ นี่แทบจะเป็นเพลงเต็มโดยปกติของทั้งวงแบล็คพิงค์ที่มีสมาชิก 4 คนด้วยซ้ำ ทั้งฉากที่เปลี่ยนเยอะมาก ท่อนร้อง ท่อนแร็พ และยังต้องเต้นตลอดทั้งเพลง แต่ลิซ่าคนเดียวสามารถเอาเพลงนี้อยู่ตั้งแต่ต้นจนจบ ถือเป็นการเปิดตัวเพลงเดี่ยวเพลงแรกที่ได้โชว์ศักยภาพให้คนทั้งโลกได้เห็น ว่าเธอนั้นเก่งและคู่ควรกับคำว่าศิลปินคุณภาพมากแค่ไหน
©️LALISA
©️LALISA
📌 ขอบคุณรูปภาพจากมิวสิควิดีโอ LALISA
รับชมได้ที่ >>
- 51
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
