10 ก.ย. 2021 เวลา 15:09 • หนังสือ
#สรุปหนังสือ 𝗘𝗚𝗢 𝗜𝗦 𝗧𝗛𝗘 𝗘𝗡𝗘𝗠𝗬 : ตัวคุณคือศัตรู
1
1. หนังสือที่เตือนให้คุณรู้ว่าการมีอีโก้นั้นทำพิษกับคุณมากแค่ไหน การที่เรารู้สึกเหนือกว่า การไม่อยากเสียหน้า การไม่ยอมก้มหัวให้ใคร การยึดติดในอำนาจ การไม่ยอมรับความจริงของตัวเอง นั้นกลับเป็นอุปสรรคขัดขวางเราได้มากกว่าสิ่งอื่นใด และบางทีคุณอาจเพิ่งรู้ว่าแท้จริงแล้วคุณถูกมันครอบงำอยู่ตลอดเวลา เป็นหนังสือที่อ่านเพลินมาก อ่านง่าย สำหรับผมเล่มนี้อ่านแล้วรู้สึกเย็นอกเย็นใจมีความสุขซึ่งตรงข้ามกับสีปกไปหลายขุม
1
2. อีโก้มักจะผุดหัวขึ้นมาให้เราได้เห็นตัวเห็นตนของมันชัดเจนในสามสถานการณ์ คือ ตอนที่เราตั้งปณิธาณ ตอนที่เราทำอะไรบางอย่างสำเร็จและตอนที่เราทำอะไรบางอย่างล้มเหลว เราจะเห็นตัวตนแฝงที่ผุดขึ้นมาคอยบอกว่าเราเก่งแค่ไหน หรือสิ่งที่เราทำผิดพลาดไปมันไม่ใช่ความผิดเรา
3. คุณอาจไม่สามารถทำลายอีโก้ในตัวคุณได้อย่างสิ้นเชิง แต่ควบคุมให้อยู่ในจุดที่สมดุลได้
4. คนที่ทะเยอทะยาน มีพรสวรรค์ มีความมุ่งมั่น พื้นฐานจะมีอีโก้ในตัวเองโดยธรรมชาติอยู่แล้ว
5. อีโก้คือ ความรู้สึกเหนือกว่า พิเศษกว่า ทำให้เกิดความมั่นใจที่เกินขอบเขตของความสามารถที่แท้จริง ซึ่งข้อเสียของมันก็คือ การที่เรามองตัวเองผิดเพี้ยนไปจากความจริงนี่แหละ ทำให้เราประเมินสถานการณ์ได้ผิดพลาด
6. “อีโก้ทำให้ความมั่นใจ กลายเป็นความจองหอง ความกล้าแสดงออกกลายเป็นดันทุรัง” –บิลล์ วอลช์
7. อีโก้จึงเป็นศัตรูของความคิดสร้างสรรค์ การทำงานเป็นทีม ความจงรักภักดี ความสามัคคี และเป็นแหล่งกำเนิดของความประมาทไม่ประมาณตน
8. โดยรวมแล้วอีโก้ทำให้เราขาดความเชื่อมต่อกับโลกอย่างตรงไปตรงมา หรือแยกตัวจากทุกสิ่งทุกอย่าง (ความเป็นจริง) อธิบายให้เห็นภาพคืออีโก้เหมือนทำให้เราเห็นภาพหลอน แต่เป็นภาพหลอนที่มองว่าตัวเองเหนือกว่า พิเศษกว่าผู้อื่น
2
9. ปัจจุบันแนวคิดเรื่องตัวตน ความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ เป็นตัวของตัวเองนั้นช่วยส่งเสริมความมั่นใจภายในให้สูงขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นความทะนงตนที่แฝงเร้นก็เติบโตขึ้นด้วยเช่นกัน
10. สิ่งที่แทนที่อีโก้ก็คือ “ความถ่อมตน” ความถ่อมตนไม่ใช่การด้อยค่าตัวเองแต่เป็นการแสดงความมั่นใจอย่างหนักแน่นว่า “คุณค่าของตนจะไม่ลดลงเพียงเพราะลมปากของตนเอง” อีโก้นั้นฉาบฉวยแต่ความมั่นใจต้องใช้เวลาสะสม อีโก้สั่งให้เราประมาท แต่ความมั่นใจสั่งให้เราเตรียมตัว
1
11. มีหลายเหตุการณ์นับไม่ถ้วน ที่บุคคลซึ่งก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว นั้นจบลงด้วยความล้มเหลวที่แสนเจ็บปวด นั่นก็เพราะความสำเร็จครั้งแรกได้สร้างอีโก้ตัวเบิ้มคอยขวางทางเอาโดยที่เค้าเองไม่รู้ตัว เรามักใช้เครดิตเรื่องที่ว่าเราทำสิ่งใดสำเร็จมาแล้วบ้าง เพื่อให้ผู้อื่นยอมรับการกระทำที่ไม่เข้าท่าในปัจจุบัน
12. เมื่อกราดตามองรอบด้านจะพบผู้มีพรสวรรค์ มีทักษะ ความมั่นใจ แต่ผู้ถ่อมตน ขยันขันแข็งและรู้จักตนเองกลับหาได้ยากยิ่ง
13. เราต่างควรมุ่งเน้นการลงมือทำและการเรียนรู้ สะสมความชำนาญไปตามลำดับขั้นมากกว่าแสวงหาการยอมรับจากผู้อื่น ดังนั้นความทะเยอทะยานในที่นี้อาจไม่หรูหราดูดี แต่มันคือคุณค่าที่แท้จริงที่จะเปล่งประกายขึ้นตามกาลเวลา
1
14. เรามักต้องการชื่อเสียงเกียรติยศมากที่สุดจากการลงมือลงแรงน้อยที่สุด ตัวตนที่ว่านี้ก็คืออีโก้นั่นเอง
15. เรามักพยายามพูด โชว์ โอ้อวด เพราะลึกๆแล้วอีโก้ในตัวเรามันเชื่อว่าการถูกมองข้ามหรือไร้ตัวตนนั้นไม่ต่างจาก “ความตาย” เราจึงเอาแต่พูดๆๆ อวดๆๆ เพื่อให้ตัวเองรู้อยู่เสมอว่าตัวเองมีค่าและเป็นที่สนใจอยู่ตลอดเวลา
16. การพูดทำให้เราหมดพลัง เนื่องจากการพูดกับการกระทำนั้นใช้ทรัพยากรเดียวกัน งานวิจัยแสดงให้เห็นว่าถึงแม้การจินตนาการถึงเป้าหมายจะสำคัญ แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งแล้วสมองจะเริ่มสับสนว่าสิ่งใดคือจินตนาการ สิ่งใดคือความคืบหน้า
17. เมื่อเราเอาแต่พูดๆๆถึงภารกิจ สมองจะเชื่อว่าเราใกล้ถึงเป้าหมายแล้ว และเชื่อว่าเราสามารถทิ้งภารกิจนั้นได้เพราะว่าเราพยายามถึงที่สุดแล้ว แม้ความจริงเรายังไม่ได้เริ่มทำเลยก็ตาม
3
18. ความสำเร็จนั้นอาศัยความพยายามเต็มร้อย แต่การพูดทำให้ความพยายามนั้นหล่นหายไปบางส่วนก่อนที่จะเริ่มลงมือทำจริง ดังนั้นความสัมพันธ์ระหว่างการพูดพล่ามกับการลงมือทำก็คือ "สิ่งหนึ่งจะฆ่าอีกสิ่งหนึ่ง"
19. จงปล่อยให้คนอื่นหลงใหลไปกับภาพลวงตา ในขณะที่คุณใช้เวลาทุกวินาทีไปกับการฝึกตน
4
20. เรามักถูกบีบให้เลือกว่าจะเป็นคนสำคัญหรือจะทำสิ่งสำคัญ “จะเป็นหรือจะทำ” คุณเป็นคนเลือก ! แต่ไม่ว่าจะอย่างไรอีโก้ดึงคุณจากการทำสิ่งสำคัญไปสู่การเป็นคนสำคัญไม่มากก็น้อย
21. การมีอำนาจนั้นไม่เหมือนกับการเป็นผู้มีอำนาจ การได้เลื่อนตำแหน่งไม่ได้แปลว่าคุณทำผลงานได้ดี และไม่ได้หมายความว่าคุณสมควรได้เลื่อนตำแหน่ง สุดท้าย การทำให้ผู้คนประทับใจนั้นแตกต่างจากการเป็นคนน่าประทับใจอย่างสิ้นเชิง เหล่านี้คือความต่างของความจริงกับอีโก้
22. “มนุษย์จะถูกกระทำโดยสิ่งที่เขากระทำเสมอ” –เฟรเดอริก ดักลาส
23. เมื่อใดที่คุณเติบโตมาถูกทาง คุณจะได้พบเจอสิ่งที่ง่ายขึ้นและยากขึ้นไปพร้อมๆกัน สิ่งที่ง่ายขึ้นคือคุณจะรู้แล้วว่าควรทำสิ่งใดและสิ่งใดสำคัญกับคุณ แต่สิ่งที่ยากขึ้นคือคุณจะประเมินตัวเองยากขึ้นว่ากำลังทำสิ่งที่สำคัญหรือทำเพราะอยากเป็นคนสำคัญกันแน่
24. จงเป็นนักเรียนอยู่เสมอ จงเปิดใจยอมรับให้ผู้อื่นมอบบทเรียนให้เรา จงทำให้ทุกคนเป็นครูของเรา
1
25. ความยากของการเป็นนักเรียนอยู่เสมอก็คือการที่เรายอมปล่อยให้ผู้อื่นมีอำนาจควบคุมอีโก้และความทะเยอทะยานของเราด้วย เราจะคงมีอาจารย์ก็ต่อเมื่อเราลดอีโก้ที่ชอบยกตนว่าเก่งกว่าผู้อื่น
26. อีโก้ไม่ชอบให้ใครเหนือกว่า เป็นเหตุให้เราไม่ชอบถ่อมตน ถ้าความจริงเรามีความรู้น้อยกว่า แต่ภาพหลอนทำให้เราหลงคิดว่าเรามีความรู้เหนือกว่า สุดท้ายเราจึงพลาดโอกาสที่จะเรียนรู้เพิ่มเติมไปอย่างน่าเสียดาย ช่องว่างของการรับรู้ที่ผิดเพี้ยนนี้เป็นข้อบกพร่องที่น่ากลัวที่สุดของมนุษย์
27. แฟรงก์ แชมร็อก กล่าวว่า คุณจะกลายเป็นนักสู้ที่เก่ง คุณต้องมีระบบฝึกสอนที่เรียกว่า “บวก ลบ และเท่ากับ” นั่นก็คือ คุณต้องหาใครสักคนที่เก่งกว่ามาช่วยให้เราพัฒนา หาคนที่ด้อยกว่ามาช่วยให้เราได้สอน หาคนที่เท่ากันมาเปรียบเทียบและสร้างความท้าทาย
1
28. วิธี “บวก ลบ และเท่ากับ” ทำให้เราลดอีโก้เมื่อรู้ว่ามีคนเก่งกว่าเรา ทำให้เรามั่นใจในตัวเองในจุดที่ลังเล และทำให้เรามีเป้าหมายที่ท้าทายไม่ใช่ลอยชายไปวันๆ
29. "จุดเริ่มต้นของการเรียนรู้จากผู้อื่น เริ่มจากการยอมรับว่าคนอื่นมีความรู้มากกว่าเรา" นักเรียนที่แท้จริงจะเหมือนฟองน้ำที่คอยดูดซับทุกอย่างรอบตัว
1
30. “เป็นไปไม่ได้ที่เราจะเรียนรู้สิ่งที่เราคิดว่าเรารู้อยู่แล้ว” – อีปิกเตตัส
1
31. การยอมรับคำติชมเป็นทักษะที่จำเป็นมากในชีวิต เพราะอีโก้ไม่ชอบความจริงแต่ชื่นชอบการคิดเอาเองมากกว่า มันจะทำให้เราแก้ตัวในเวลาที่ไม่ควรมีข้ออ้าง และขัดขวางการพัฒนาและเติบโต
32. คุณจะไม่พบครูคนใดเมื่อคุณไม่เปิดใจ เป็นที่มาของสำนวนโบราณที่ว่า “เมื่อศิษย์พร้อม ครูก็จะปรากฏตัวขึ้น”
33. ความลุ่มหลงเป็นพลังงานชั้นดี แต่ถ้าลุ่มหลงทะนงตัว จะทำให้เรากระตือรือร้นอย่างไร้การควบคุม ขาดการพิจารณา และประเมินความสามารถของตนได้ผิดเพี้ยนไป
34. ความรีบร้อน ความคึกคะนองและความลนลาน ไม่สามารถแทนที่วินัย ความเชี่ยวชาญ และความแข็งแกร่งได้
35. การตระหนักถึงความสามารถที่แท้จริง หมั่นฝึกตน ยินดีรับคำติชมและแก้ไขอย่างต่อเนื่องนั้นเป็นการกล้าหาญมากกว่าการป่าวประกาศโครงการยิ่งใหญ่ที่ไม่รู้ว่าจะทำได้จริงหรือไม่
36. "จงช่วยเหลือตนเองด้วยการช่วยเหลือผู้อื่น" จงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะเปลี่ยนความพึงพอใจระยะสั้นให้กลายเป็นผลประโยชน์ในระยะยาว
37. ผู้ที่ควบคุมอีโก้ได้จะเข้าใจว่า ตัวเขาไม่ได้ด้อยค่าลงเลยเวลาที่คนอื่นปฏิบัติต่อเขาไม่ดี คนเหล่านั้นต่างหากที่ตกต่ำลง
38. ผู้ที่คิดอยู่ตลอดเวลาจะไม่มีอะไรให้คิด นอกจากเรื่องความคิดของตัวเอง ดังนั้นพวกเขาจึงตัดขาดจากโลกแห่งความเป็นจริง แล้วอาศัยอยู่ในโลกมายา –อลัน วัตส์
39. คุณไม่ได้มีหน้าที่ต้องแสดงให้ใครดู มีแค่งานที่ต้องทำให้เสร็จและบทเรียนที่ต้องเรียนรู้ในทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบตัว
40. จงก้มหัวให้มากในขณะที่เจ้ายังใช้ชีวิต เพราะจะได้ไม่กระแทกถูกอะไรเข้าบ่อยๆ
41. เมื่อเราหลงว่าตัวเองสูงส่งกว่า ไม่ต่างอะไรกับการที่เรายืนอยู่บนตึกแล้วพูดคุยกับคนบนพื้น เราจะคุยกับคนที่อยู่ต่ำกว่ารู้เรื่องได้อย่างไร เราจะเข้าใจผู้อื่นและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีได้อย่างไร ภาพหลอนนั้นทำลายสายสัมพันธ์ได้อย่างน่ากลัว
1
42. ความทะนงตนทำให้ความสำเร็จเล็กๆ น้อยๆกลายเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ แต่ก็ทำให้ความล้มเหลวเล็กๆน้อยๆ กลายเป็นเรื่องอับอายและเจ็บปวดแสนสาหัสได้เช่นกัน
43. ผู้ที่ถือตัวนั้นไม่เคยได้ยินสิ่งใดนอกจากคำชื่นชม อีโก้ทำให้ดุลพินิจผิดเพี้ยน ลืมว่าตัวเองเป็นใคร ความทะนงตัวทำให้เราหมกมุ่นอยู่กับวิสัยทัศน์ที่คับแคบและการชื่นชมตัวเอง
44. “จงอย่าคุยโวกับสิ่งที่ยังไม่ได้เกิดขึ้น” ไม่สิ “จงอย่าคุยโวเลย” ต่างหาก เพราะการทำแบบนั้นไม่ให้ประโยชน์อะไรแก่คุณเลย”
45. ไม่สำคัญว่าคุณจะต้องลงมือทำเป็น 10,000 หรือ 20,000 ชั่วโมง ถึงจะเชี่ยวชาญ เพราะการลงมือทำไม่มีจุดสิ้นสุด
46. "ทุกคนที่ฉันได้พบเจอล้วนเหนือกว่าฉันในบางเรื่อง แล้วฉันก็เรียนรู้จากพวกเขา" –ราล์ฟ วัลโด เอเมอร์สัน
1
47. ความรอบรู้ของโสกราตีสนั้นเป็นจากการที่เขารู้ตัวเองว่าเขาแทบจะไม่รู้อะไรเลย
48. วิธีการดูว่าใครถ่อมตัวอย่างแท้จริง นั่นก็คือเธอจะเห็นว่าพวกเขาพัฒนาขึ้นๆ อย่างรวดเร็ว
1
49. อย่าพุ่งชนเป้าหมายโดยใช้อีโก้ แต่จงเริ่มด้วยการเดิมพันเล็กๆ น้อยๆ แล้วค่อยๆเพิ่มความทะเยอะทะยานขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่เดินหน้าไปสู่เป้าหมาย
50. เมื่อเราไม่รู้ว่าเราต้องการอะไรและเท่าไร สมองเราก็จะบอกว่ายิ่งเยอะยิ่งดี รับได้เรื่อยๆ ไม่สิ้นสุด หลายเหตุการณ์ดึงคุณให้หลุดจากเป้าหมายชีวิต วิ่งสู่วัฏจักรของการไล่ตามหา เพราะจริงๆแล้วคุณไม่รู้ว่าจำนวนที่คุณต้องการนั้นเท่าไรกันแน่
1
51. ยิ่งคุณมีมากเท่าไร สำเร็จเท่าไร ครอบครองเท่าไร คุณก็ต้องกังวลไปกับการ สร้างเพิ่ม รักษาและป้องกันไม่ให้มันเสียไป เพราะถ้าคุณสูญเสียสิ่งที่มี อีโก้ในตัวคุณก็จะร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวด
52. การคิดว่ามีบางสิ่งเหมือนคนอื่นแล้วจะทำให้เรามีความสุข เราจะเจอความผิดหวังเป็นแน่แท้ เพราะเหล่านี้เป็นเพียงภาพลวงตา
1
53. การคิดว่าตัวเองมีสิทธิ์นั้นทำให้คุณให้ความสำคัญกับตนเองมากเกินไป จนขาดการเข้าใจและเข้าถึงเหตุผลของคนรอบตัว เพราะทึกทักไปว่าเหตุผลของตัวเองนั้นยิ่งใหญ่กว่า
54. เราควบคุมสภาพอากาศไม่ได้ ควบคุมตลาด ควบคุมการเลื่อนไหล โชคชะตา และเหตุการณ์ที่เหนืออำนาจของเราไม่ได้เลย จงรู้ไว้ว่าการพยายามควบคุมสิ่งเหล่านี้นั้นเสียพลังงานโดยสูญเปล่าอย่างแท้จริง
55. “ถ้าคุณเล่นเพื่อชื่อทีมที่อยู่บนอกเสื้อแล้ว ผู้คนจะจดจำชื่อคุณบนหลังเสื้อได้เอง” –โทนี อดัมส์
56. การรู้สึกว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของภาพรวมที่ใหญ่โตของธรรมชาติ และตระหนักรู้ว่าเราเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตตัวเล็กจิ๋วเมื่อเทียบกับความใหญ่โตของจักรวาล นั้นทำให้เราลดความโอหังและสัมผัสความจริงได้ชัดขึ้น
1
57. เราไม่ได้เก่งยิ่งใหญ่อะไรหรอก เราไม่สามารถดำรงชีพได้โดยไม่อาศัยคนทำกับข้าว คนปลูกผัก คนส่งของ คนเขียนโปรแกรม คนผลิตเม็ดพลาสติก และอีกมากมายที่ไม่สามารถกล่าวได้หมด เราสุขสบายในวันนี้ก็เพราะทุกคนไม่ใช่เราคนเดียว
58. ความกล้าหาญอยู่ระหว่างความขี้ขลาดกับความบ้าระห่ำ ความใจกว้างอยู่ระหว่างความสุรุ่ยสุร่ายกับความตระหนี่ ถ้าเราไม่พยายามหาความสมดุลเราจะเบนไปทางสุดโต่ง อริสโตเติลกล่าวไว้ว่า การหาจุดกึ่งกลางวงกลมนั้นใช่ว่าทุกคนจะทำได้ ความพอดีนั้นดีที่สุดแต่ก็ทำได้ยากที่สุดเช่นกัน
59. เมื่อถึงจุดหนึ่งที่เราเติบโต ยิ่งใหญ่ สิ่งที่ต้องมีมากที่สุดคือ สติ ความถ่อมตน รักษาเป้าหมายเอาไว้ และเชื่อมต่อกับโลกกว้างใหญ่รอบตัว
1
60. อีโก้จะขยายความล้มเหลวที่คุณเจอ ทำให้การลื่นไถลการเป็นการล้มคะมำ ปัญหาเล็กๆน้อยๆกลายเป็นการล่มสลายครั้งใหญ่
61. เมื่อเราได้ทำสิ่งที่มีคุณค่าแล้ว เราไม่จำเป็นที่จะต้องให้โลกยืนยันว่าเรามีคุณค่า
2
62. เวลา “ตาย” คือเวลาที่เราเฉื่อยชาและรอคอย ส่วนเวลา “เป็น” คือเวลาที่เราเรียนรู้ ลงมือทำและใช้ประโยชน์จากทุกวินาที
1
63. แม้ว่า “ชั่วขณะนี้ไม่ใช่ทั้งชีวิตของคุณ อย่างไรก็ตาม เวลาชั่วขณะนี้ก็ยังเป็นชั่วขณะหนึ่ง ในชีวิตของคุณอยู่ดี คุณจะใช้มันอย่างไร ?
64. ชะตากำหนดเส้นทางชีวิต แต่เราเลือกได้ว่าจะให้เวลาตอนนี้ เป็นเวลา “เป็น” หรือ เวลา “ตาย”
65. หนทางเดียวที่คุณจะไม่เสียใจคือ คุณควรตั้งความสุขไว้ที่การกระทำ ไม่ใช่แขวนมันไว้กับผลลัพธ์ที่ควบคุมไม่ได้ โดยเฉพาะชื่อเสียง ภาพลักษณ์ หน้าตา ที่อาจหอมหวนชวนหลงใหล เพราะสุดท้ายคะแนนความสุขที่คุณได้อาจติดลบในตอนจบ และนั่นก็คือผลลัพธ์ของการมีอีโก้นั่นเอง
//พะโล้
#เรื่องย่อของหนังสือเล่มเยี่ยม
โฆษณา