5 ต.ค. 2021 เวลา 02:00 • ไลฟ์สไตล์
ชวนรู้ การทำงานแบบ ‘ไฮบริด’ มีประสิทธิภาพต่อพนักงานอย่างไร?
สถานการณ์โควิดเริ่มคลี่คลายขึ้น หลายบริษัทเรียกกลับมาทำงานที่ออฟฟิศ สิ่งนี้สร้างความคับข้องใจให้ชาวออฟฟิศจำนวนมาก ชวนดู “พนักงานคิดเห็นอย่างไรกับการทำงานแบบไฮบริด ควรยืดหยุ่นมากขึ้นหรือไม่ ทางออกของบริษัทควรเป็นอย่างไร?”
1
ชวนรู้ การทำงานแบบ ‘ไฮบริด’ มีประสิทธิภาพต่อพนักงานอย่างไร?
เป็นเวลาเกือบ 2 ปีแล้วที่ชาวออฟฟิศได้ Work From Home กันมา และเมื่อช่วงนี้สถานการณ์โควิดทั่วโลกเริ่มคลี่คลายขึ้น หลายบริษัทก็เริ่มเรียกตัวให้กลับมาทำงานที่ออฟฟิศ แต่สิ่งนี้กลับสร้างความคับข้องใจให้กับพนักงานเป็นจำนวนมาก
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ ชวนดู “พนักงานออฟฟิศทั่วโลกคิดเห็นอย่างไรกับการทำงานแบบไฮบริด ควรมีความยืดหยุ่นมากขึ้นหรือไม่ และทางออกของบริษัทควรเป็นอย่างไร?"
1
จากรายงานการเก็บข้อมูลเรื่อง “นิยามของการทำงานยุคใหม่” (Resetting Normal: Defining the New Era of Work) โดย อเด็คโค กรุป (Adecco Group) บริษัทที่ปรึกษาทรัพยากรบุคคลข้ามชาติ ได้มีการเก็บข้อมูลจากการตอบแบบสอบถามของพนักงานออฟฟิศทั่วโลก จำนวน 15,000 คน มีรายละเอียดที่น่าสนใจ ดังนี้
2
ชาวออฟฟิศคิดอย่างไรกับการทำงานแบบ “ไฮบริด” ?
1. พนักงานต้องการทำงานโดยมี “ความยืดหยุ่น” (ทำงานทางไกล/สลับเข้าออฟฟิศ)
คิดเป็น 53% จากแบบสอบถาม
เหตุผลสำคัญ:
สถานการณ์การระบาดของโควิดได้เร่งให้รูปแบบการทำงานต้องพัฒนาไปไวขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดย “ความยืดหยุ่น” ขององค์กรเป็นปัจจัยสำคัญ เพราะไม่ว่าจะทำงานที่ไหนก็ตามก็สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพได้ ซึ่งสถานการณ์โควิดก็ได้พิสูจน์ให้เห็นในเชิงประจักษ์
ทั้งนี้พนักงานออฟฟิศหลายคนก็ยังมีความกังวลต่อการติดโควิด-19 หากต้องกลับมาทำงานที่ออฟฟิศทุกวันอย่างไม่ยืดหยุ่น การมีทางเลือกให้พนักงานสามารถทำงงานนอกสถานที่ สลับกับเข้าออฟฟิศเมื่อมีวาระสำคัญต้องประชุมหรือคุยงาน นับเป็นวัฒนธรรมการทำงานใหม่ที่กำลังทาท้ายในยุคปกติใหม่นี้ เพราะ “รูปแบบการทำงานแต่ละรูปแบบ ไม่ได้เหมาะกับคนทุกๆ คน”
2.พนักงานที่มีลูกส่วนส่วนใหญ่อยากกลับออฟฟิศ
คิดเป็น 51% จากแบบสอบถาม
เหตุผลสำคัญ:
การทำงานที่บ้านเป็นปัญหาใหญ่สำหรับพนักงานออฟฟิศที่มีครอบครัวแล้วอย่างมาก เพราะโดยปกติหากออกไปทำงานนอกบ้าน แม้จะมีภาระยุ่งเหยิงเกี่ยวกับงานบ้านมากมาย แต่ทุกอย่างมักจะถูกจัดการให้เข้าที่เข้าทางก่อนที่จะมาทำงานเสมอๆ
กลับกันเมื่อโควิดได้ทำให้การใช้ชีวิตเปลี่ยนไป การต้องทำงานอยู่แต่ที่บ้านทำให้ภาระงานบ้าน การรับผิดชอบดูแลลูกต้องเพิ่มเข้ามา อีกทั้งการจัดเตรียมอาหารให้สมาชิกในครอบครัวครบทุกมื้อกลายเป็นภาระที่สร้างปัญหาให้กับคนผู้มีบทบาทพ่อและแม่มาก เพราะกลายเป็นว่างานบ้านแทบจะทำให้ปวดหัวไม่น้อยไปกว่างานหลัก พนักงานส่วนใหญ่ที่มีครอบครัวจึงอยากกลับไปทำงานที่ออฟฟิศ เพราะจะได้แยกโลกการทำงานกับโลกอีกใบของการรับผิดชอบหน้าที่ที่บ้านได้อย่างเป็นสัดส่วน
4
3. คนรุ่นใหม่เผชิญ “ภาวะเบิร์นเอาท์” และสุขภาพจิตแย่ลง
3
คิดเป็น 54% จากแบบสอบถาม
เหตุผลสำคัญ:
พนักงานออฟฟิศโดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่พบเจอกับอาการ “เบิร์นเอ้าท์” กันจำนวนมาก เพราะการทำงานที่บ้านทำให้ชั่วโมงงานที่ล่วงเวลาเพิ่มขึ้น อีกทั้งการทำงานที่บ้านทำให้ “พนักงานแยกไม่ออกว่า บ้านคือพื้นที่โหมดการทำงาน หรือบ้านคือพื้นที่แห่งการพักผ่อน” ซึ่งเมื่อถึงเวลาพักผ่อนก็ไม่สามารถรู้สึกว่าได้พักผ่อนอย่างเต็มที่
7
นอกจากสุขภาพใจแล้วสุขภาพกายก็เป็นสิ่งที่ถูกพูดถึงเช่นกัน พนักงานจำนวนหนึ่งไม่สมารถมีอุปกรณ์เสริมที่ช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้นเช่น ที่ยกจอแล็บท็อป จอคอม โต๊ะที่สูตรได้มาตรฐาน เก้าอี้นั่งที่มีระดับเหมาะสมกับหลัง-คอ เพราะสิ่งเหล้านี้มีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง หากต้องการของที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพที่ดีอย่างแท้จริง ทำให้เกิดอาการเจ็บปวดร่างกายตามมาด้วย
1
4. สามารถทำงานได้รวดเร็วขึ้นกว่าเดิม
คิดเป็น 57% จากแบบสอบถาม
เหตุผลสำคัญ:
ลักษณะงานบางอย่างเมื่อทำงานในออฟฟิศที่ต้องมีผู้คนแวดล้อมจำนวนมาก ทำให้ใช้สมาธิได้ค่อนข้างไม่ดี แต่เมื่อต้องทำงานที่บ้าน เป็นการปลีกวิเวก อยู่ในที่เงียบสงบ กลับทำให้การทำงานบางประเภทสามารถจัดการได้อย่างรวดเร็วขึ้รกว่าเดิม
อีกหนึ่งเหตุผลก็คือผู้คนจำนวนหนึ่งมีอุปกรณ์เสริมที่ทำให้ Work Station ของตนมีประสิทธิภาพอย่างสมบูรณ์แล้ว จึงทำให้การทำงานสามารถเป็นไปได้อย่างไหลลื่น
1
โฆษณา