12 ก.ย. 2021 เวลา 11:45 • กีฬา
มหัศจรรย์แห่งวงการเทนนิส เอ็มม่า ราดูคานู วัย 18 ปี ที่เพิ่งเคยลงแข่งยูเอสโอเพ่นครั้งแรก ก็ได้แชมป์เลยทันที เธออาจเป็นปรากฏการณ์ของโลกคนต่อไป วิเคราะห์บอลจริงจัง จะเล่าเรื่องเธอให้ฟังในทุกมิติ
11
ในวงการเทนนิสนาทีนี้ ไม่มีเรื่องไหนจะร้อนแรงมากไปกว่าการคว้าแชมป์แกรนด์แสลม ของเอ็มม่า ราดูคานู เด็กสาววัย 18 ที่คว้าแชมป์ยูเอส โอเพ่น ได้แบบม้วนเดียวจบ ไม่เสียเซตให้ใครเลย
8
เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ไม่มีใครรู้จักเธอ อินสตาแกรมของเธอมีคนกดฟอลโลว์หลักพัน ส่วนข้อมูลในวิกิพีเดีย ไม่มีอะไรเลย นอกจากชื่อกับวันเกิด แต่แค่เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น พายุที่ชื่อเอ็มม่า ถล่มโลกเทนนิสเสียกระจุย ตอนนี้ไอจีเธอ มีผู้ติดตามหลักล้านแล้ว
7
ที่อังกฤษตอนนี้ กระแสเอ็มม่าฟีเวอร์จึงรุนแรงสุดขีด นั่นเพราะผู้หญิงอังกฤษคนสุดท้ายที่ได้แชมป์แกรนด์แสลม คือเวอร์จิเนีย เวด ในปี 1977 หรือเมื่อ 44 ปีที่แล้ว หลายคนยังไม่เกิดด้วยซ้ำ จากนั้นมา มีโจฮันน่า คอนต้า ที่มีผลงานพอใช้ได้ ไปไกลถึงรอบรองชนะเลิศในบางแกรนด์แสลม แต่ก็ได้แค่นั้น เธอยังไม่สามารถผ่านกำแพงรอบรองชนะเลิศไปได้
5
แต่คราวนี้เอ็มม่าทำได้ จากการเล่นยูเอสโอเพ่น "ครั้งแรก"
4
และแชมป์แรกในชีวิตของเอ็มม่าคือการได้แกรนด์แสลมทันที แม้แต่สมเด็จพระราชินีเอลิซาเบ็ธ ยังรู้สึกประทับใจจนต้องส่งจดหมายแสดงความยินดีกับชัยชนะครั้งนี้
4
สำหรับแบ็กกราวน์ของเอ็มม่า เธอมีคุณพ่อชื่อเอียน เป็นชาวโรมาเนีย และคุณแม่ชื่อเรเน่ เป็นชาวจีน ทั้งสองคนไปพบรักกันที่แคนาดา และคลอดเอ็มม่าที่โตรอนโต้
4
เอียนและเรเน่ ทำงานด้านการเงินทั้งคู่ จากนั้นตัดสินใจย้ายมาอยู่อังกฤษ ตอนเอ็มม่าอายุ 2 ขวบ โดยมาตั้งรกรากที่ย่านบรอมลีย์ ในเขตลอนดอนทางใต้
4
ตอนเด็กพ่อแม่ของเอ็มม่าจับลูกเรียนทุกอย่าง ตั้งแต่มอเตอร์ไซค์จิ๋ววิบาก, รถโกคาร์ท, กอล์ฟ, บัลเลต์, เต้นแท็ป ฯลฯ พยายามหาว่าสิ่งที่ลูกชอบ และถนัด คืออะไรกันแน่ และในที่สุด หลังจากส่งลูกไปเรียนเทนนิสที่ บรอมลีย์เทนนิสเซ็นเตอร์ ก็ค้นพบว่า นี่ล่ะ คือสิ่งที่ลูกทำได้ดีที่สุดกว่ากิจกรรมอื่นๆ พ่อแม่จึงเริ่มผลักดันอย่างเต็มที่
5
กลยุทธ์ของคุณพ่อเอียน มีความแปลกประหลาดอย่างมาก นั่นคือพวกเขาจะจ้างโค้ชเก่งๆ ด้วยเงินแพงๆ ในระยะสั้น จากนั้นให้ลูกสาวดูดวิชาความรู้มามากที่สุด แล้วก็เปลี่ยนโค้ชทันที ไปหาคนใหม่ แล้วมาดูดวิชาต่อ
8
ในวงการเทนนิสวิธีนี้ ไม่เป็นที่นิยมนัก เพราะตามหลักโค้ชกับนักกีฬาควรจะอยู่เคียงข้างกันนานๆ เพื่อเรียนรู้สไตล์การเล่น และนิสัยใจคอไปด้วยกัน แต่มุมของคุณพ่อ คำนวณถึงความคุ้มค่ามากกว่า สิ่งที่สำคัญคือความรู้จากโค้ช ไม่ใช่ความผูกพันและความรู้สึกใดๆ
2
มาร์ก เพ็ตชีย์ อดีตนักเทนนิสมือ 1 ของสหราชอาณาจักร เคยถูกจ้างมาสอนเอ็มม่า แต่ก็อยู่ได้แค่ 5 เดือนเท่านั้น ก็โดนปลดออก แล้วไปหาคนใหม่ เช่นเดียวกับโค้ชอีกหลายๆคนก็โดนเหมือนกัน วิธีการนี้ ถูกเรียกว่า Unorthodox คือเป็นอะไรที่ผิดปกติ ผิดวิสัยที่ควรจะเป็น
6
เพราะการเปลี่ยนโค้ชรัวๆ แบบนี้ แน่นอนว่าต้องเสียเงินเยอะค่าฉีกสัญญาคนเก่า บวกกับค่าจ้างคนใหม่ แต่คุณพ่อมองว่าเสียเงินเยอะก็ไม่เป็นไร ขอให้ลูกได้วิชาจากโค้ชหลายๆคน ก็โอเคแล้ว
4
แหล่งข่าวใกล้ชิดกับราดูคานู ให้สัมภาษณ์กับอินดิเพนเดนท์ว่า "ครอบครัวราดูคานู จะเจาะจงหาโค้ชที่เก่งเฉพาะด้าน เช่นถ้าพวกเขาอยากพัฒนาการตีแบ็กแฮนด์ ก็จะไปจ้างโค้ชที่เก่งเรื่องแบ็กแฮนด์มา และพอศึกษาได้เข้าใจหมด ก็จะบอกว่า โอเค พวกเขาได้ทุกอย่างที่ต้องการแล้ว ขอบคุณมาก ลาก่อน"
5
จุดแข็งของเอ็มม่า คือเธอดูดซับทุกอย่างได้เร็วมาก โค้ชคนหนึ่งที่เคยร่วมงานกันกล่าวว่า "สิ่งที่ไม่มีใครเหมือนเอ็มม่าคือเวลาคุณสอนอะไรไปสักอย่าง เธอจะเข้าใจมันทันที แม้แต่นักกีฬาระดับท็อปเท็นของโลก ก็ไม่ได้มีทุกคนที่จะเข้าใจได้เร็วแบบเธอ"
3
เรื่องเทนนิสคุณพ่อจะเป็นคนจัดการเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่เรื่องการวางตัว และทัศนคติในชีวิต เธอจะรับมาจากคุณแม่เรเน่เสียเยอะมาก
2
สิ่งที่เรเน่ปลูกฝังลูกสาวมาตลอดคือ ต้องยอมรับก่อนว่า เราเป็นครอบครัวของ Immigrant หรือ ผู้อพยพย้ายประเทศ ดังนั้นถ้าอยากจะประสบความสำเร็จในแผ่นดินอังกฤษ ต้องมีความพยายามมากกว่าคนอื่นเป็นเท่าตัว ต้องเก่งจริงๆ ถึงจะได้รับการยอมรับจากคนในประเทศ
7
คุณแม่เรเน่ สอนให้ลูกสาวพูดจีนแมนดารินตั้งแต่เด็ก ดังนั้นเธอจึงพูดได้คล่องแคล่วทั้งจีน และอังกฤษ นอกจากนั้นยังสอนทัศนคติของความเป็นเอเชียไปให้เธอด้วย นั่นคือจงทำงานหนัก แต่ต้องถ่อมตัวเสมอ อย่าโอ้อวดเกินจำเป็น "คุณแม่จะเป็นคนที่ไม่เคยฉลองอะไรใหญ่โต เขาจะเป็นคนที่เตือนสติให้ฉัน 'อย่าเหลิง' อยู่เสมอ และฉันก็คิดว่าสิ่งที่คุณแม่ทำ ก็มีประโยชน์นะ เพราะมันทำให้พอแข่งเสร็จฉันตรงดิ่งไปซ้อมต่อทันที"
10
เวลาผ่านไป เอ็มม่าค่อยๆ พัฒนาทักษะเชิงเทนนิสของเธอไปเรื่อยๆ ในวัย 9 ขวบ ได้แชมป์เยาวชนแห่งชาติ จากนั้นในวัย 13 ได้แชมป์รายการระดับ U-18 ของ ITF ก่อนที่ในวัย 15 จะได้แชมป์ ITF ระดับผู้ใหญ่เป็นรายการแรกที่ประเทศอิสราเอล
5
สิ่งที่เอ็มม่าแตกต่างจากนักเทนนิสหญิงคนอื่นๆ ในอังกฤษ คือตามปกติไอดอลของเด็กๆ ก็จะเป็นฮีโร่ของชาติเช่น เวอร์จิเนีย เวด, ลอร่า ร็อบสัน หรือโจฮันน่า คอนต้า แต่กับราดูคานู คนที่เป็นไอดอลของเธอคือ หลี่ นา อดีตแชมป์แแกรนด์แสลม 2 รายการชาวจีน
5
เอ็มม่าเล่าว่า "แม้แต่ตอนหลี่ นา รีไทร์ไปแล้ว ฉันก็นั่งดูแมตช์ของเธอย้อนหลังผ่านยูทูบ เพราะสไตล์การเล่นของเธอมันดุดันมากๆ การเคลื่อนที่ของเธอ มันประทับใจฉันที่สุด เธอเร็ว คล่อง แต่ก็ยังตีได้ทรงพลังมาก ถ้ามีโอกาสโจมตีใส่คู่แข่งเธอไม่เคยพลาดเลย"
1
หลายคนมองว่า การที่เอ็มม่ามีเชื้อสายเอเชียอยู่ในตัว ทำให้เธอเปิดใจยอมรับวัฒนธรรม และความสามารถของคนต่างทวีป ดังนั้นจึงไม่ยึดติดกับตำราและแนวคิดดั้งเดิมของวงการเทนนิสอังกฤษ เธอมองไปไกลกว่านั้น คือเปิดใจรับเทคนิคจากใครก็ได้ ที่จะทำให้เธอพัฒนาฝีมือได้เก่งกว่าเดิม
3
แนวทางของเอ็มม่า คือไล่เก็บคะแนนไปเรื่อยๆ กับรายการระดับ ITF จากนั้นถ้ามีอันดับโลกสูงพอ จึงค่อยได้ลงเล่นในเวที WTA ก็เหมือนนักกีฬาดาวรุ่งทั่วไป หนทางก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบอะไรขนาดนั้น ในช่วงต้นปี 2021 เธอมีอันดับโลกอยู่ที่ 333 ยังห่างไกลนัก กับการได้เล่นในรายการ WTA
3
จริงๆแล้วในช่วงต้นปีนี้ หลายคนยังไม่แน่ใจว่าเธอจะเอาดีทางไหนกันแน่ กล่าวคือเธอเล่นเทนนิสด้วยก็จริง แต่ก็ยังลงเรียนใน A-Level เพื่อเตรียมเข้ามหาวิทยาลัยด้วย
4
โดยในอังกฤษหากจบชั้นมัธยมปลาย (GCSE) หากจะเข้าไปเรียนต่อในบางมหาวิทยาลัยเช่น เคมบริดจ์ หรือ อ็อกซ์ฟอร์ด ต้องเรียน A-Level ก่อน เพื่อนำผลสอบไปยื่นคะแนน โดยเอ็มม่า สอบได้เกรด A ทั้งวิชาคณิตศาสตร์ และเศรษฐศาสตร์ คือถ้าจะเอาดีในสายการเงินเหมือนคุณพ่อ คุณแม่ เธอก็สามารถทำได้เลย
5
ในมุมนี้ พ่อแม่เองก็พยายามหา "ทางสำรอง" ให้ชีวิตของเอ็มม่า ว่าถ้าเผื่อไปในโลกเทนนิสแล้วไม่รุ่งอย่างน้อยก็กลับมาเรียนต่อมหาวิทยาลัย จบอ็อกซ์ฟอร์ด หรือเคมบริดจ์ ก็ได้งานดีๆ ในอนาคตได้เหมือนกัน
4
ซึ่งน่าสนใจที่เอ็มม่าก็ตั้งใจเรียนตามที่พ่อแม่ต้องการ โดยเธอกล่าวว่า "คุณพ่อและคุณแม่ เกิดที่ประเทศคอมมิวนิสต์ทั้งคู่ ดังนั้นการศึกษาคือหนทางเดียวที่จะทำให้พวกเขาลืมตาอ้าปากได้ ดังนั้นพวกท่านจึงเห็นคุณค่าของการศึกษาอย่างมาก และอยากให้ฉันสนใจเรื่องเรียนเอาไว้เป็นอีกทางเลือกในชีวิต"
7
อย่างไรก็ตาม ไม่ทันที่เธอจะได้โฟกัสเรื่องการต่อมหาวิทยาลัยดังๆ ก็ได้ลุยในเส้นทางเทนนิสก่อน
2
เดือนมิถุนายน 2021 ในศึกน็อตติ้งแฮมโอเพ่น รายการระดับ WTA ซึ่งเป็นรายการอุ่นเครื่องก่อนถึงวิมเบิลดัน ให้สิทธิ์ไวลด์การ์ดกับเอ็มม่าเพื่อลงแข่งในรอบเมนดรอว์ นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เธอจะได้เล่นเทนนิสในเลเวล WTA ด้วย
แต่ด้วยความตื่นสนาม เอ็มม่าแพ้ 2 เซตรวดตกรอบแรก
1
หลังจบน็อตติ้งแฮมโอเพ่น เข้าสู่การแข่งขันแกรนด์แสลมวิมเบิลดัน เป็นปกติอยู่แล้วที่ชาติเจ้าภาพจะมีสิทธิ์ให้ไวลด์การ์ด กับนักกีฬาคนไหนก็ได้ เพื่อให้ลงแข่งขันในรอบเมนดรอว์
1
สมาคมลอนเทนนิสสหราชอาณาจักร (LTA) จะมีโควต้าจำนวน 6 ที่นั่ง ให้กับนักกีฬาดาวรุ่งชาวสหราชอาณาจักร ซึ่งเอ็มม่าได้รับเลือกเป็นคนสุดท้ายในประเภทหญิงเดี่ยว ทั้งๆที่อันดับโลกของเธอตอนนั้นร่วงไปอยู่ที่ 338 ของโลก และเพิ่งตกรอบแรกน็อตติ้งแฮมโอเพ่นมาแท้ๆ จนมีดราม่าอยู่พักหนึ่ง ว่าทำไมไม่เอาโควต้าไปให้กับคนอื่นที่น่าจะมีแววกว่านี้
7
อย่างไรก็ตาม สมาคมฯ มั่นใจในศักยภาพของเอ็มม่า และยืนยันว่าจะให้ไวลด์การ์ดในรอบเมนดรอว์กับเธอ โดยคาดหวังว่า เอ็มม่าจะไม่ใช้โอกาสที่ได้รับอย่างสิ้นเปลือง
3
หลังจากผิดหวังจากรายการน็อตติ้งแฮมโอเพ่นมาแล้ว เอ็มม่าตั้งสติได้ดีขึ้น เธอไม่ตื่นสนาม แม้จะเป็นวิมเบิลดันก็ตาม ในรอบแรกเธอลงแข่งกับวิตาเลีย ดิยัตเชนโก้ จากรัสเซีย มืออันดับ 139 ของโลก ซึ่งก็สูงกว่าเอ็มม่า แต่เอ็มม่าเล่นได้ยอดเยี่ยมมาก เอาชนะไปสบายๆ 2 เซตรวด
5
เข้าสู่รอบ 2 (64 คนสุดท้าย) ตอนนี้นักกีฬาจากอังกฤษทั้งหมดที่ได้รับไวลด์การ์ด ตกรอบไปหมดแล้ว เหลือเพียงหนึ่งเดียวคือเอ็มม่า ซึ่งเธอเจอกับของแข็งขึ้นอีกขั้น นั่นคือมาร์เกต้า วอนดรูโซว่าจากสาธารณรัฐเช็ก มืออันดับ 38 ของโลก แต่เอ็มม่าระเบิดฟอร์มเหลือเชื่อ เอาชนะไปได้สบายๆ 2 เซตรวด
4
ตอนนี้บรรยากาศของคนอังกฤษเริ่มจับตามองเอ็มม่ามากขึ้น เพราะเธอทรงดีจริงๆ มีแววมาก แถมยังมีรอยยิ้มที่งดงาม จนได้รับการยกย่องว่ามี Million-Dollar Smile คือยิ้มสวยจนสะกดผู้คนให้จ้องมองเธอได้ ว่าอย่างนั้นเถอะ
2
ในช่วงที่แข่งวิมเบิลดัน ตอนนั้นฟุตบอลยูโร 2020 ก็กำลังแข่งพอดี และทีมชาติอังกฤษก็ทำผลงานได้ดีอยู่ จนมีเพลงเชียร์ It's coming home ร้องกันตลอดทัวร์นาเมนต์ เมื่อคนเห็นเอ็มม่าฟอร์มดี ก็เลยพูดกันว่า หรือจริงๆแล้ว เอ็มม่าจะคว้าแชมป์วิมเบิลดัน ทำปรากฏการณ์ coming home ในเทนนิสได้พร้อมๆ กับฟุตบอล เพราะประเทศที่คิดค้นกีฬาทั้งสองชนิดนี้ ก็คืออังกฤษเหมือนกัน
4
เข้าสู่รอบ 3 เอ็มม่า เจอกับโซราน่า คริสเตีย จากโรมาเนีย มือ 37 ของโลก อันดับสูงกว่าเธอ 10 เท่า แต่ในการแข่งขัน เธอทำให้เห็นว่าฝีมือต่างกันเยอะ เมื่ออัดคริสเตียกระจุย 2 เซตรวด เข้าสู่รอบ 4 ไปเจอกับ อัจล่า ทอมยาโนวิช จากออสเตรเลีย
6
ในขณะที่คนอังกฤษคาดหวังเต็มที่ว่าเอ็มม่า มาแน่ๆ แต่ในรอบ 4 ตอนกำลังแข่ง เอ็มม่าต้องโชคร้ายเมื่อเธอรู้สึก Panic Attack มีความเครียดจัด จนหายใจไม่ทัน และรู้สึกวิงเวียนศีรษะระหว่างแข่ง จนทีมแพทย์แนะนำให้ถอนตัวจากการแข่ง เพราะสภาพไม่พร้อมจะแข่ง
5
เอ็มม่าจะฝืนแข่งต่อก็ได้ แต่เธอมองว่าไม่มีประโยชน์อะไร ไว้กลับมาใหม่ตอนที่ร่างกายพร้อมดีกว่า เอ็มม่าจึงขอถอนตัวไปทั้งๆแบบนั้น ซึ่งเรื่องนี้ เอ็มม่าก็โดนสื่อวิจารณ์แหลกเหมือนกัน เช่นเพียร์ส มอร์แกน รวมถึงอดีตมือ 1 ของโลก จอห์น แม็คเอนโร พูดในทิศทางคล้ายกันว่า "ใจของเอ็มม่ายังไม่ใหญ่พอ" เพราะถ้าเป็นนักกีฬาระดับโลก ต้องสู้ต่อให้จบการแข่งขัน ไม่ใช่บอกว่าไม่พร้อมก็ถอนตัวไปง่ายๆ ทำแบบนี้ไม่เห็นคุณค่าของไวลด์การ์ดที่ได้รับมาเลย
4
มีคนเห็นด้วยกับมอร์แกน และ แม็คเอนโรไม่น้อย เพราะอาการของเอ็มม่าก็ไม่ได้หนักมาก จนในทวิตเตอร์เธอโดนตำหนิยับ อย่างไรก็ตาม คนที่ใกล้ชิดที่สุดอย่างคุณพ่อคุณแม่ ในวันที่เธอถอนตัวจากวิมเบิลดัน พ่อแม่พูดว่า "เราภูมิใจในตัวลูก" ซึ่งในตัวเอ็มม่ายอมรับว่าดีใจมากที่ได้ยินคำนี้จากพ่อแม่ ที่ปกติจะเข้มงวดตลอด แต่คราวนี้พ่อแม่รู้ว่าลูกเองก็เสียใจมากเช่นกัน ที่ต้องถอนตัวจากการแข่งขัน
5
หลังจบวิมเบิลดัน อันดับโลกของเอ็มม่าขยับมาที่ 175 ของโลก และทำเงินจากการแข่งขันไปในรายการเดียว 181,000 ปอนด์ ซึ่งตลอดชีวิตตั้งแต่เล่นเทนนิสมา ได้เงินน้อยกว่า 30,000 ปอนด์เสียอีก แต่รายการเดียวเท่านั้นเธอทำรายได้มหาศาล
6
เมื่อสร้างชื่อเสียงจากวิมเบิลดัน ทำให้แม็กซ์ ไอเซนบัด หัวหน้าฝ่ายการตลาดชื่อดัง ที่ช่วยมาเรีย ชาราโปว่า ทำเงินตลอดอาชีพได้มหาศาลถึง 234 ล้านปอนด์ ก็ติดต่อขอรับผิดชอบเรื่องการตลาดและการหาสปอนเซอร์ให้เอ็มม่านับจากนี้ไป
6
การที่ไอเซนบัดสนใจก็ไม่แปลก เพราะเอ็มม่ามีคาแรคเตอร์ที่สามารถขายได้จริงๆ เธอเป็นสัญลักษณ์ของดาวรุ่งยุคใหม่ แถมมีความหลากหลายวัฒนธรรมในคนเดียว นอกจากนั้นบุคลิกภายนอกก็ดูดี หน้าสวย หุ่นดี เอาไปต่อยอดได้อีกไกลเลย ถ้าเอ็มม่าทำผลงานดีๆ หน่อยในการแข่ง เธออาจกลายเป็นไอคอนของวงการเทนนิสคนต่อไป อย่างมาเรีย ชาราโปว่า หรือ มาร์ติน่า ฮิงกิส เลยก็ได้
5
เข้าสู่เดือนกรกฎาคม หลังจบวิมเบิลดัน เป็น US Event หรือการแข่งต่อเนื่องหลายรายการที่สหรัฐฯ แล้วจะไปปิดท้ายที่ยูเอสโอเพ่น แกรนด์สแลมสุดท้ายของปีในนิวยอร์ก ช่วงเดือนกันยายน ซึ่งแม้อันดับโลกของเอ็มม่าจะอยู่ที่ร้อยปลายๆ แต่ผู้จัดการแข่งมองว่า ชื่อเสียงของเธอ น่าจะช่วยทำให้ขายตั๋วได้
3
ก่อนที่จะเข้า US Event ราดูคานูปลดโค้ชไนเจล เซียร์สออกจากตำแหน่ง ซึ่งหลายคนก็เซอร์ไพรส์ เพราะเซียร์ส ก็เป็นโค้ชระดับโลกที่ปั้นนักกีฬามากมาย หนึ่งในนั้นคือ ปั้นอนา อิวาโนวิช ให้คว้าแกรนด์แสลม และเป็นมือ 1 ของโลกมาแล้ว จากผลงานที่ดีกับเอ็มม่าในวิมเบิลดัน ถ้าคิดตามคอมม่อนเซนส์ ก็ควรจะจ้างต่อไปยาวๆ แต่แนวคิดของคุณพ่อยังเหมือนเดิมคือ เมื่อเรียนรู้ทุกอย่างจากโค้ชแล้ว ก็ควรมูฟไปที่โค้ชคนอื่นต่อไป
3
โค้ชที่มาสอนเอ็มม่า คนล่าสุดคือ แอนดรูว์ ริชาร์ดสัน อดีตนักกีฬาทีมเดวิสคัพ ของสหราชอาณาจักรในปี 1997 สาเหตุที่เลือก เอ็มม่าอธิบายว่า "ริชาร์ดสันเป็นคนที่มีคาแรคเตอร์เยือกเย็นมาก บางครั้งเวลาฉันตึงเครียด หรือว่าคึกคะนองมากเกินไป เขาจะสามารถกระตุ้นฉัน หรือทำให้ฉันใจเย็นลงได้มากกว่าเดิม"
8
คือตอนนี้เรื่องฝีมือในคอร์ต ตัวเอ็มม่ามั่นใจแล้ว แต่อยากปรับแก้เรื่องอารมณ์ระหว่างการแข่ง ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมต่อการเอาชนะคู่แข่งได้
ใน US Event เอ็มม่าได้สิทธิไวลด์การ์ดสองรายการคือ ซิลิคอน วัลเลย์ คลาสสิค ที่ซานโฮเช่ และ โอราเคิล ชาลเลนเจอร์ ที่ชิคาโก้ โดยในรายการหลังเธอได้ตำแหน่งรองแชมป์ด้วย
3
การเก็บคะแนนใน US Event สองรายการ ทำให้อันดับโลกของเอ็มม่าไต่ไปอยู่ที่ 150 ของโลก ซึ่งยังไม่ดีพอ ที่จะได้เข้ารอบเมนดรอว์ของยูเอสโอเพ่น เธอต้องไปเริ่มแข่งตั้งแต่รอบควอลิฟาย ต้องชนะ 3 นัดติดกัน ถึงจะได้เข้ารอบเมนดรอว์
3
เอ็มม่าไม่พลาดเลย เธอเก็บชัยได้ 3 เกมติดต่อกันในรอบควอลิฟาย ในที่สุดก็ทะลุถึงรอบเมนดรอว์ได้สำเร็จ แต่ ณ ตอนนั้น น้อยคนนักที่จะมองว่าเธอมีลุ้นแชมป์
2
เพราะในประวัติศาสตร์รายการแกรนด์แสลม ไม่เคยมีนักเทนนิสที่มาจากรอบควอลิฟายแล้วจะไปถึงแชมป์ได้แม้แต่คนเดียว คือได้ Wild Card แล้วคว้าแกรนด์สแลมได้น่ะพอมี (โกรัน อิวานิเซวิช, คิม ไคลส์เตอร์) แต่คนที่เริ่มตั้งแต่รอบคัดเลือกจนเป็นแชมป์ นี่ไม่เคยมีมาก่อน
2
สิ่งที่เป็นโชคของเอ็มม่าในยูเอสโอเพ่น คือคู่แข่งเก่งๆ ใน Section ของเธอต่างพร้อมใจร่วงไปหมด อย่างเช่น แอชลีย์ บาร์ตี้ มือ 1 ของรายการเจ้าของแชมป์วิมเบิลดัน ที่อยู่ในบล็อกเดียวกันก็แพ้พลิกล็อกไปเฉยเลย
นั่นทำให้เอ็มม่า เจองานไม่หนักเกินไป ตั้งแต่รอบแรก (128 คน) , รอบสอง (64 คน), รอบสาม (32 คน) และ รอบสี่ (16 คน) เธอไม่เจอมือวาง 1-32 แม้แต่คนเดียว ซึ่งเป็นอะไรที่เซอร์ไพรส์พอควร
3
เอ็มม่า ไต่มาเรื่อยๆ จนถึงรอบ 8 คนสุดท้าย เจอเบลินดา เบนซิช เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิกจากสวิตเซอร์แลนด์ มือวาง 11 ของรายการ นี่จะเป็นมือวางคนแรกที่เธอต้องเผชิญ เป็นบทพิสูจน์ว่าเธอเป็นของจริงหรือไม่ ปรากฏว่าเอ็มม่าอัดเละ 2 เซตรวด 6-3, 6-4
6
อาวุธเด็ดของเธอคือแบ็กแฮนด์สองมือที่ทรงพลังมากๆ ลูกจะพุ่งแรงเข้าเป้าหมายอย่างแม่นยำ ซึ่งเธอทำได้ดีทั้งครอสคอร์ต และยิงไต่เส้น เล่นงานจนเบนซิชตื้อตันไปหมด แล้วคว้าชัยชนะไปอย่างเหนือชั้น
6
ถึงตรงนี้ทุกคนรู้แล้วว่า เอ็มม่าเป็นตัวจริงเสียงจริง แอน เขียวทะวงศ์ นักเทนนิสอังกฤษเชื้อสายลาว ที่เคยเป็นมือ 1 ของประเทศกล่าวว่า เอ็มม่าคือ "The Real Deal" ของแท้แน่นอน ไม่ใช่ของปลอมทำเหมือน คงมีเด็ก 18 ไม่กี่คนบนโลกหรอก ที่จะไล่ทุบคู่แข่งเป็นขนมทุกรอบแบบนี้
6
อีกหนึ่งเคล็ดลับที่สำคัญมากของเอ็มม่าคือ เธอจะไม่เช็กคอมเมนต์ในโซเชียลมีเดียใดๆทั้งสิ้น คนจะตำหนิ จะวิจารณ์เธอก็ปล่อยไป เธอลงรูปในอินสตาแกรมบอกเล่าเรื่องของตัวเองก็พอแล้ว แต่ไม่สนใจที่จะรับความเห็นแย่ๆ มาเป็นพลังลบให้ตัวเอง เอ็มม่ากล่าวว่า "แน่นอน ทุกคนมีความคิดของตัวเอง และฉันก็เคารพสิ่งนั้นนะ ดังนั้นฉันก็แค่เอาตัวออกมา เพื่อที่จะได้ไม่รู้สึกแย่กับคำพูดเหล่านั้นแทน"
16
ความมั่นใจที่เต็มเปี่ยม บวกกับสมาธิที่แน่วแน่ ทำให้เมื่อเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ เอ็มม่าไล่ถล่ม มาเรีย ซัคคารี่ มือ 17 ของรายการจากกรีซยับ 6-1, 6-4 ใครก็เอาเธอไม่อยู่แล้วตอนนี้
4
เอ็มม่าทะลุเข้าไปชิงชนะเลิศกับเลย์ลาห์ เฟอร์นันเดซ ชาวแคนาดาเชื้อสายฟิลิปปินส์ที่มีอายุ 19 ปี ซึ่งทั้งคู่เคยเจอกันมาแล้วเมื่อ 3 ปีก่อนในวิมเบิลดันจูเนียร์ส ที่เอ็มม่าเคยเอาชนะได้มาแล้วหนึ่งหน
นี่เป็นการต่อสู้กันของ 2 ดาวรุ่งในเจเนเรชั่นต่อไปของวงการเทนนิสหญิง แต่ถ้าพูดกันแฟร์ๆ คือ เอ็มม่าก็มีข้อได้เปรียบมากกว่านิดๆ จริงๆ โดยเฉพาะในเรื่องโปรแกรมตามเส้นทางที่ผ่านมา เพราะเลย์ลาห์ มีโปรแกรมที่โหดกว่าเยอะมาก
1
ตลอดเส้นทางของเลย์ลาห์ ต้องเจอนาโอมิ โอซากะ มือ 3 ของรายการ แชมป์เก่า 2 สมัย, แองเจลิก แคร์เบอร์ มือ 16 แชมป์เก่ายูเอสโอเพ่น 1 สมัย, เอลิน่า สวีโตลิน่า มือ 5 ของรายการ และ อารีน่า ซาบาเลนก้า มือ 2 ของรายการ
7
กว่าที่เลย์ลาห์จะแหวกมาถึงรอบชิงได้ ก็เล่น 3 เซ็ตมาตลอด เหนื่อยสาหัส ตรงข้ามกับเอ็มม่า ที่ไล่ถล่มคู่แข่ง 2 เซ็ตรวดทุกรอบ ดังนั้นพลังร่างกายจึงดีกว่ามาก
3
ตอนนี้แฟนกีฬาที่อังกฤษ จับจ้องหน้าจอทีวี ส่วนทวีต #GoEmma ขึ้นเทรนด์ในสหราชอาณาจักรอย่างรวดเร็ว คนอังกฤษใฝ่ฝันอยากจะเป็น "ที่หนึ่ง" มานานแล้ว และก็หวังว่าเอ็มม่าจะไปถึงเส้นชัยได้
1
ในการแข่งรอบชิง เลย์ลาห์ มีปัญหาเรื่องการเสิร์ฟแรก เธอเสิร์ฟแรกลงแค่ 58% เท่านั้น หากเทียบกับเอ็มม่าที่ชัวร์กว่า (69%) ทำให้เลย์ลาห์เล่นยากกว่า นำมาสู่การเสียแต้มในเกมเสิร์ฟบ่อยครั้ง ตลอดแมตช์เอ็มม่าได้แต้มเบรกพอยต์มากถึง 18 ครั้ง (ทำสำเร็จ 4 ครั้ง)
3
เอ็มม่าทำได้ในที่สุด เธอโค่นเลย์ลาห์ได้ 6-4, 6-3 คว้าแชมป์ยูเอสโอเพ่นไปครอง พร้อมด้วยสถิติผู้เล่นจากรอบควอลิฟายคนแรกที่ได้แชมป์แกรนด์แสลม ซึ่งไม่น่าเชื่อจริงๆ ว่าจากมืออันดับเกือบ 4 ร้อยในช่วงต้นปี เธอจะได้แชมป์แกรนด์แสลม รายการที่นักกีฬาหลายคนใฝ่ฝันมาตลอดอย่างง่ายดายแบบนี้ และมันไม่ใช่การชนะธรรมดา แต่เธอไม่เสียเซตแม้แต่เซตเดียวด้วย
3
6 เซตในรอบควอลิฟาย และ 14 เซตในรอบเมนดรอว์ รวมแล้วเธอชนะคู่แข่งหมดจด 20 เซตรวด
1
เอ็มม่าทำเงิน จากการคว้าแชมป์เป็นตัวเลข 2.5 ล้านดอลลาร์ หรือ 81 ล้านบาท และนักวิเคราะห์ชี้ว่า เธอจะกลายเป็นนักกีฬาหญิงชาวอังกฤษ ที่ทำเงินสูงสุดตลอดกาลแน่นอน เพราะมีคุณสมบัติครบทุกอย่างจริงๆ อย่าลืมว่าเธอเพิ่งอายุ 18 ยังมีเวลาที่เธอจะโกยเงินอีกเยอะเลย ยิ่งเธอมีสเตตัส National Hero แบบนี้ด้วยแล้วล่ะก็ สินค้าต่างๆ จะต่อคิวมาขอเป็นสปอนเซอร์อย่างไม่ต้องสงสัย
4
หลังคว้าแชมป์ ในโลกออนไลน์ที่อังกฤษต่างสดุดีว่าเธอเป็นวีรสตรีของชาติกันยกใหญ่ แต่ในมุมของเอ็มม่าเธอไม่ได้คิดไกลถึงขนาดนั้น แต่เธออธิบายว่า สิ่งที่ทำให้เธอมีความสุขที่สุด คือการทำให้พ่อแม่ได้รู้สึกภูมิใจในตัวเธอต่างหาก
7
"คุณพ่อพูดขึ้นมาว่า 'ลูกเก่งกว่าที่พ่อคิดนะ' มันคือสิ่งที่ฉันไม่อยากเชื่อว่าจะได้ยิน ท่านพูดออกมาแบบนั้น"
5
"เพราะคุณพ่อเป็นคนที่ไม่แสดงออกอะไรเลย ท่านดีใจกับอะไรสักอย่างยากมากๆ แต่ในวันนี้ฉันทำให้คุณพ่อรู้สึกดีใจได้แล้ว"
6
#GoEMMA
โฆษณา