3 ต.ค. 2021 เวลา 00:00 • ความคิดเห็น
เช่นเดียวกับทุกเหตุการณ์ใหญ่ๆ ในโลก เหตุวินาศกรรม 11 กันยายน 2001 ตามมาด้วย conspiracy theory (ทฤษฎีสมคบคิด) ทันทีไม่กี่วันหลังเกิดเหตุ
สาระของ conspiracy theory เกี่ยวกับ 9/11 ก็คล้ายๆ กรณี เพิร์ล ฮาร์เบอร์ คือสหรัฐฯรู้ล่วงหน้าว่าจะถูกถล่ม แต่ยอมให้ถล่ม หรือช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ก่อการร้ายโดยวางระเบิดตึกตัวเอง เพื่อก่อสงครามและขายอาวุธ หรือเพื่อหาความชอบธรรมไปยึดประเทศอื่น ฯลฯ
และเช่นเดียวกับทุกๆ ทฤษฎีสมคบคิดในโลก มันมีแต่การคุยกันด้วยน้ำลาย
ทฤษฎีโลกแบน ทฤษฎีมนุษย์ไม่ได้ไปเหยียบดวงจันทร์ ทฤษฎียานมนุษย์ต่างดาวตก ทฤษฎีมนุษย์ต่างดาวสร้างพีระมิด อเมริกันวางแผนถล่มเพิร์ล ฮาร์เบอร์ ฯลฯ ทั้งหมดคุยกันด้วยน้ำลาย ไม่เคยคุยด้วยหลักฐาน
คำว่า 'หลักฐาน' แปลว่า สิ่งที่ประจักษ์แจ้งด้วยวิถีวิทยาศาสตร์ ชัดเจน
ในทางวิทยาศาสตร์ เราใช้คำว่า 'ทฤษฎี' แทนประโยค "เป็นไปได้ไหมว่า..."
2
มันจะเปลี่ยนจากทฤษฎีเหลวไหลเป็นทฤษฎีที่คนยอมรับหรือกฎ ก็ต่อเมื่อมีหลักฐานมายืนยัน
1
ในปี 1916 ไอน์ไสตน์ทำนายว่าจักรวาลต้องมีคลื่นการบิดเบี้ยวของ space เรียกว่า gravitational waves ใครๆ ก็รับฟังไว้ในฐานะทฤษฎีหรือแนวคิด "เป็นไปได้ไหมว่า..." จนกระทั่งราวหนึ่งร้อยปีถัดมา ในปี 2015 สถาบัน LIGO จับคลื่นบิดเบี้ยวที่ว่านี้ได้สำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม ชัดเจนโดยปราศจากข้อโต้แย้งของนักวิทยาศาสตร์ทั้งโลก
จนบัดนี้เรื่องโลกแบน เรื่องดวงจันทร์ ฯลฯ ก็ยังเป็นแค่ทฤษฎี เพราะจนป่านนี้ก็ยังไม่มีใครสามารถแสดงหลักฐานชัดเจนสักชิ้นเดียว มีแต่จับรายละเอียดจุดเล็กๆ มาขยายความ เช่น น้ำมันจากเครื่องบินไม่มีทางทำให้ตึกถล่มได้หรอก การที่ตึกถล่มลงไปตรงๆ แสดงว่าต้องมีการวางระเบิด ฯลฯ
นี่ย่อมมิได้บอกว่าเหตุวินาศกรรม 11 กันยายน 2001 จะเกิดจากการวางแผนของฝ่ายอเมริกันไม่ได้ แต่บอกว่าขอดูหลักฐานก่อนได้ไหม?
แต่มีกี่คนที่อ่าน conspiracy theory แล้วไปลงมือรีเสิร์ชค้นหาหลักฐาน?
1
มันต้องใช้คนกี่คนที่จะวางแผนระเบิดตึก เวิร์ด เทรด เซ็นเตอร์ เพื่อฆ่าคนของประเทศตัวเองไปหลายพันคน? ท่านประธานาธิบดีบุชคนเดียวคงทำไม่ไหว จะต้องใช้คนจำนวนมาก มีจุดรั่วไหลมากมาย
หากมีการวางระเบิดจริง ย่อมต้องใช้มืออาชีพในการระเบิดตึกใช่ไหม? และต้องใช้เวลาวางระเบิดนานพอสมควรเพื่อให้มั่นใจว่าตึกจะถล่มลงไปตรงๆ แปลว่าต้องมีการออกแบบการระเบิดใช่ไหม? ต้องใช้คนงานกี่คนวางระเบิดตึกสูง 110 ชั้น? ทุกคนวางระเบิดไปโดยไม่ตั้งคำถามหรือ? ระหว่างที่วางระเบิดในตึก ไม่มีใครเห็นเลยหรือในเมื่อตึกนั้นมีคนทำงานหลายพันคน? รู้ได้อย่างไรว่าต้องวางระเบิดใต้ชั้นที่ 93 ในตึกแรก และใต้ชั้น 77 ในตึกที่สอง? มั่นใจได้อย่างไรว่าเครื่องบินจะชนตรงตำแหน่งนั้นเป๊ะ? มั่นใจได้อย่างไรว่าเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจะไม่พบหลักฐานการวางระเบิดเลยสักชิ้นเดียว? หากประธานาธิบดีเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง และรู้ว่ามีเครื่องบิน United Airlines Flight 93 จะบินไปชนทำเนียบขาวที่ตนเองนั่งทำงานอยู่ ก็โอเค? บอกว่าบินมาชนได้เลยงั้นหรือ? ฯลฯ
1
ขอเล่าตัวอย่างเล็กๆ เรื่องหนึ่งให้ฟัง
ในเดือนมิถุนายน 1972 ตำรวจกรุงวอชิงตัน ดี. ซี. จับขโมยห้าคนที่ลอบเข้าไปขโมยเอกสารในตึกวอเตอร์เกต ที่ตั้งสำนักงานของคณะกรรมการแห่งชาติพรรคเดโมแครต ความแตกออกมาว่าโจรห้าคนนี้ทำงานตามคำสั่งของประธานาธิบดีนิกสันเพื่อล้วงความลับฝ่ายตรงข้าม หลักฐานชัดเจนโยงถึงประธานาธิบดีนิกสัน จนต้องลาออก
1
ประธานาธิบดีย่อมมิใช่คนที่ว่าจ้างขโมยด้วยตัวเอง มันต้องใช้คนหลายคน หลายขั้นตอนกว่าขโมยจะไปทำงานได้ ดังนั้นจึงมีจุดที่ความลับรั่วไหลได้
และมันก็รั่วไหล!
1
คนที่นำความลับไปเผยให้นักหนังสือพิมพ์ก็คือชายรหัสลับ Deep Throat (ก่อนตาย Deep Throat เปิดเผยตนเองให้โลกรู้ว่าคือ Mark Felt เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเอฟบีไอ)
(สนใจก็ไปดูหนังเรื่อง All the President's Men)
แถมอีกเรื่อง!
ในปี 2003 นักวิเคราะห์ข้อมูลแห่ง GCHQ (Government Communications Headquarters) ชื่อ แคธารีน กัน ได้รับข้อมูลว่าสหรัฐฯกับอังกฤษปฏิบัติการร่วมกันสอดแนมพวกทูต ซึ่งเกี่ยวกับการบุกอิรัก แคธารีนก็ทำตัวเช่น Deep Throat ในคดีวอเตอร์เกต เผยข้อมูลให้สื่อ ผลก็คือเธอถูกจับ
(สนใจก็ไปดูหนังเรื่อง Official Secrets)
สองเหตุการณ์นี้ที่เล็กกว่าเหตุการณ์ 9/11 หลายหมื่นเท่า บอกเราว่า ทุกปฏิบัติการที่ไม่ถูกต้องมีจุดรั่วไหลเสมอ และรั่วไหลได้ง่ายมากกว่าที่คิด แค่ในเหตุการณ์ที่ไม่มีใครตาย ก็ยังรั่วได้ง่ายขนาดนี้ มิต้องเอ่ยถึงเหตุการณ์ที่มีคนชาติตัวเองตายไปหลายพันคน
การอ่าน conspiracy theory ต่างๆ เพื่อขยายโลกทัศน์ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร ทำให้เราคิดกว้างขึ้น แต่การหมกมุ่นกับ conspiracy theory โดยไม่พยายามแสวงหาหลักฐาน จะทำให้เราติดนิสัยมองโลกในด้านลบและขี้เกียจ เชื่อง่าย ถูกจูงจมูกง่าย
1
เช่นเดียวกับเฟกนิวส์ในโลกออนไลน์ คำแนะนำของผมคือ ถ้าเราไม่รู้จริงเกี่ยวกับ conspiracy theory ที่อ่าน และไม่คิดจะไปรีเสิร์ชหาหลักฐาน ก็อย่าแชร์ต่อ
และสร้างนิสัยใหม่ให้ตนเอง >>> อย่าเชื่ออะไรจนกว่าจะศึกษาให้ถ่องแท้เสมอ
1
[ติดตามข้อเขียนของ วินทร์ เลียววาริณ ได้ทุกวันที่เพจ https://bit.ly/3amiAvG และ blockdit.com]
โฆษณา