Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ไทยไตรปิฎก
•
ติดตาม
17 ก.ย. 2021 เวลา 02:45 • ปรัชญา
พระไตรปิฎก เล่มที่ 11 (พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ 3 ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค) เรื่องที่ 2 อุทุมพริกสูตร
ฟังเสียงอ่านเรื่องนี้ฉบับเต็มได้ที่ยูทูปเพลย์ลิสท์ (ส่วนที่ 3/24)
https://bit.ly/3AhQle7
หรือ ดาว์นโหลดไฟล์ mp3 ได้ที่
https://tinyurl.com/sw5b7nsw
ค่ะ
เรื่องย่อ จากหนังสือ คู่มือการฟัง #พระไตรปิฎกภาคเสียงอ่าน หน้า 74 เรียบเรียงโดย พุทธสาวิกา อาจิต โตเกียรติรุ่งเรือง
อุทุมพริกสูตร แปลว่า พระสูตรว่าด้วยการบันลือสีหนาทที่อุทุมพริการาม ซึ่งอยู่ในเขตกรุงราชคฤห์ แคว้นมคธ
พระสูตรนี้ พระผู้มีพระภาคทรงแสดงแก่นิโครธปริพาชกและคณะ ณ อุทุมพริการาม ซึ่งเป็นที่อยู่ของพวกปริพาชก เพื่อจะทรงปราบมิจฉาทิฏฐิของนิโครธปริพาชก
เริ่มต้นเรื่องว่า สันธานคหบดีชาวกรุงราชคฤห์ ออกจากบ้านแต่เช้าตรู่เพื่อไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค ณ ภูเขาคิชฌกูฏ แต่เห็นว่ายังเช้าเกินไป จึงแวะเข้าไปสนทนากับนิโครธปริพาชก ณ อุทุมพริการาม ได้กล่าวเปรียบปฏิปทาของพวกปริพาชกกับของพระผู้มีพระภาคว่า พวกปริพาชกเมื่อมาประชุมพบปะกัน ชอบพูดเสียงดังด้วยเรื่อดิรัจฉานกถา ส่วนพระผู้มีพระภาคทรงใช้เสนาสนะอันสงบเงียบ มีเสียงเบา
นิโครธปริพาชกกล่าวว่า “พระสมณโคดมจะเจรจากับใครได้ จะเข้าไปสนทนากับใครได้ จะมีปัญญาเฉลียวฉลาดเหนือใครกว่าใคร ปัญญาของพระสมณโคดมเหมาะกับเรือนว่างเท่านั้น พระสมณโคดมไม่กล้าเข้าสู่บริษัท ไม่สามารถจะเจรจาได้ พระองค์ประทับอยู่ภายในที่สงัด เหมือนโคตาบอดเดินวนเวียนอยู่ ณ ภายในที่สงัดเท่านั้น คหบดี ขอให้พระสมณโคดมมาสู่บริษัทนี้เถิด พวกเราจะผูกพระสมณโคดมด้วยปัญหาข้อเดียวเท่านั้น เหวี่ยงให้หมุนเหมือนหม้อเปล่า ฉะนั้น”
พระผู้มีพระภาคทรงทราบการสนทนานั้นด้วยพระโสตธาตุอันเป็นทิพย์ จึงเสด็จลงจากภูเขาคิชฌกูฏไปยังสระโบกขรณีสุมาคธาและเสด็จจงกรมอยู่กลางแจ้ง เมื่อนิโครธปริพาชกเห็น จึงตกลงกับคณะว่า ถ้าพระผู้มีพระภาคเสด็จมาสู่บริษัทนั้น จะทูลถามว่าพระองค์ทรงแนะนำสาวกด้วยธรรมอะไร ที่ทำให้สาวกเหล่านั้นถึงความเบาใจ ปฏิญาณอาทิพรรหมจรรย์ (โลกุตตรมรรค) อันเป็นที่พึ่งสูงสุด และเมื่อพระผู้มีพระภาคเสด็จมาถึง เขาก็ทูลถามปัญหานี้
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ธรรมที่ทรงได้แนะนำเหล่าสาวกนั้น ผู้ที่นับถือลัทธิอื่นไม่สามารถเข้าใจได้ ขอให้ทูลถามปัญหาที่เกี่ยวกับลัทธิของเขาเถิด
นิโครธปริพาชกกราบทูลว่า ตนนับถือลัทธิการกีดกันบาปด้วยตบะ และทูลถามว่า การกีดกันบาปด้วยเหล่านั้นไม่บริบูรณ์จำนวน 22 ข้อ ทูลขอให้พระองค์ทรงแสดงการกีดกันบาปด้วยตบะที่บริบูรณ์
ทรงแสดงการกีดกันบาปด้วยตบะที่ถึงความบริสุทธิ์ 22 ข้อ ซึ่งมีนัยตรงกันข้ามแบอุปกิเลส 22 ข้อ ข้างต้น และตรัสว่าแม้นี้ก็ยังไม่บริบูรณ์ถึงยอดถึงแก่น แต่บริบูรณ์แค่สะเก็ดเท่านั้น
นิโครธปริพาชกทูลขอให้แสดงการกีดกันบาปด้วยตบะที่บริบูรณ์ถึงแก่น จึงทรงแสดงธรรมขั้นสูงขึ้นไปเป็นลำดับ คือ เป็นแค่เปลือก กระพี้ ดังนี้
ในท้ายที่สุด เมื่อตรัสจบ พวกปริพาชกส่งเสียงดังอื้ออึงว่า พวกตนและอาจารย์ฉิบหายแล้ว พวกตนและอาจารย์ไม่รู้ยิ่งไปกว่านี้เลย
เมื่อสันธานคหบดีกล่าวเป็นเชิงเตือนนิโครธปริพาชกว่า ไม่เห็นทำตามที่พูดอวดอ้างไว้เลย นิโครธปริพาชกนั่งนิ่ง เก้อเขิน คอตก ก้มหน้า ซบเซา ตอบไม่ได้
พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า พูดอย่างนั้นจริงหรือ เขากราบทูลว่า พูดจริง ขอสารภาพผิด และทูลขอให้ทรงอภัยโทษเพื่อสำรวมต่อไป
พระองค์ทรงให้อภัย แล้วตรัสว่า บุคคลผู้รู้ ไม่โอ้อวด ไม่มีมายา เป็นคนตรง จงมาเถิด พระองค์จะทรงแนะนำสั่งสอนให้ปฏิบัติธรรมเพียง 7 ปี ถึง 7 วัน ก็สามารถทำให้บรรลุถึงประโยชน์ยอดเยี่ยมได้ และตรัสอีกว่า ที่ตรัสอย่างนี้ มิได้หวังจะให้พวกปริพาชกมาเป็นศิษย์ของพระองค์ ทั้งมิได้หวังจะให้พวกเขาเคลื่อนจากอุทเทส จากอาชีพที่ยึดถืออยู่เดิม มาดำรงในอกุศลธรรมแต่อย่างใด ทรงหวังให้เขาละอกุศล กระทำแต่กุศลเท่านั้น ปรากฏว่า ปริพาชกเหล่านั้นนั่งนิ่งเหมือนถูกมารดลใจ.
- พุทธสาวิกา อาจิต
- พุทธสาวิกา อาจิต
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย