20 ก.ย. 2021 เวลา 03:30 • ความงาม
Laka เครื่องสำอางเกาหลี ที่ไม่จำกัดว่า ความงามเป็นแค่ของ “ผู้หญิง”
เมื่อพูดถึงสินค้าความงาม หลาย ๆ คนคงมองว่ากลุ่มลูกค้าต้องเป็น “ผู้หญิง” แน่ ๆ
แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้หญิง หรือผู้ชายก็สามารถแต่งหน้าได้
โดยประเทศที่เราเริ่มเห็นผู้ชายหันมาแต่งหน้ากันมากขึ้นก็คือ ประเทศเกาหลีใต้
ที่ไม่ใช่แค่ดาราหรือนักร้องเท่านั้นที่แต่งหน้า แต่คนทั่ว ๆ ไปเองก็หันมาแต่งหน้าเช่นกัน
ดังนั้นจึงมีแบรนด์ความงามหลาย ๆ แบรนด์ ที่เริ่มหันมาทำเครื่องสำอางสำหรับผู้ชาย
โดยพยายามจะออกแบบแพ็กเกจจิง ให้มีความเป็นผู้ชายมากขึ้น และแบ่งโซนกับผู้หญิงชัดเจน
แต่ไม่ใช่กับแบรนด์ Laka ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น “เครื่องสำอางที่เป็นกลางทางเพศ”
และเป็นแบรนด์แรกของเกาหลีใต้ ที่พยายามนำเอาเรื่องนี้มาเป็น “ข้อความหลัก” ในการสื่อสาร
แล้ว Laka น่าสนใจอย่างไร ? ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
เทรนด์ K-beauty นับว่าเป็นหนึ่งในเทรนด์จากประเทศเกาหลีใต้ ที่โด่งดังไม่แพ้วงการ K-pop เลย
โดยมูลค่าตลาดความงามในปี 2019 ของเกาหลีใต้นั้นก็สูงถึง 300,000 ล้านบาทเลยทีเดียว
และเมื่อพูดถึงแบรนด์ความงามในเกาหลีใต้ ไม่ว่าจะ Laneige, Etude, Mamonde, 3CE, Dr.Jart+,
The History of Whoo, Sulwhasoo และแบรนด์อื่น ๆ อีกมากมายจนนับไม่ไหว ก็คงเป็นข้อพิสูจน์ได้
ว่าอุตสาหกรรมความงามในเกาหลีใต้นั้นมีการแข่งขันสูงแค่ไหน
ซึ่งแบรนด์ส่วนใหญ่ก็พยายามสื่อสารจุดเด่นของตัวเองออกมา ผ่านสินค้า และการตลาดต่าง ๆ
โดยกลุ่มเป้าหมายหลักของแบรนด์เหล่านี้ก็มักจะเป็น “ผู้หญิง”
เรื่องนี้ส่งผลให้คุณ Lee Minmi ซึ่งทำงานด้านโฆษณาให้กับแบรนด์ความงามมาตลอด 4 ปี
อยากที่จะทำแบรนด์ด้านความงามขึ้นมาใหม่ ซึ่งเป็นแบรนด์ที่มี “ความเป็นกลางทางเพศ”
หรือก็คือแบรนด์ความงามที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายทุกเพศ ไม่ใช่แค่ผู้หญิงเท่านั้น
ทำให้ในปี 2018 หรือปีแรกที่ Laka เปิดตัวแบรนด์ออกมาด้วยคอนเซปต์นี้ ก็สามารถขายสินค้า
หมดทุกชิ้นหลังจากเปิดตัวได้เพียงแค่ 5 วันเท่านั้น
แล้ว Laka ทำได้อย่างไร ?
อย่างแรกคือ ข้อความที่แบรนด์ใช้สื่อสารออกมา
โดยส่วนใหญ่เมื่อพูดถึงเครื่องสำอางสำหรับผู้ชาย บางแบรนด์ก็จะพยายามแบ่งโซนให้
หรือใช้ข้อความว่า “For Men” เพื่อสื่อสารว่า เครื่องสำอางอันนี้สำหรับผู้ชายโดยเฉพาะ
แต่สำหรับ Laka นั้นพวกเขาจะใช้ข้อความสื่อสารที่ไม่ได้ระบุเพศเฉพาะเจาะจงว่านี่คือของเพศไหน
โดยข้อความของแบรนด์ที่ปรากฏบนเว็บไซต์ของ Laka มักจะสื่อสารไปในทางว่า
ความงามเป็นเรื่องของทุกคน และมันควรเป็นสิ่งที่สนุกสนาน ไม่ใช่สิ่งที่จะมาจำกัดเพศของใคร
และรูปภาพที่แบรนด์ใช้ในการโปรโมตเพื่อโฆษณานั้น ก็จะมีทั้งนางแบบและนายแบบอยู่คู่กันเสมอ
เรื่องต่อมาจึงกลายเป็นเรื่องของ “เฉดสี” ที่แบรนด์ใช้ในเครื่องสำอาง
เนื่องจากผู้ชายหลายคนอาจจะเคยมีภาพจำกับเครื่องสำอางที่มีเฉดสีมากมาย และบางสีก็ยากเกินเข้าใจ
เช่น ลิปสติกสีดำ อายแชโดว์สีม่วง หรืออายไลเนอร์สีฟ้า ซึ่งเป็นสีที่แม้แต่ผู้หญิงบางคนก็ยังไม่รู้ว่าจะสร้างลุกแบบไหน
ดังนั้นแบรนด์ Laka จึงเลือกใช้สีที่ง่าย ๆ อย่างเช่น สีโทนนู้ด, เอิร์ธโทน, ส้ม, ชมพู และแดง
หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งคือ เป็นสีที่ให้โทนการแต่งหน้าแบบดูเป็นธรรมชาติ และเป็นสีพื้นฐานที่ใช้งานง่าย
และประเด็นสุดท้ายก็คือ “แพ็กเกจจิงของ Laka” ที่ไม่ได้แบ่งว่าของผู้หญิงต้องสีนี้ ของผู้ชายต้องสีนั้น
แต่ Laka เลือกใช้แพ็กเกจที่มีแค่สีเดียวเท่านั้น คือ พื้นสีขาวและตัวอักษรสีดำ ซึ่งเป็นสีที่ดูเป็นกลาง
ไม่ว่าจะเพศไหนก็สามารถใช้ได้
เนื่องจากกลยุทธ์ของ Laka ที่พยายามจะสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ที่ช่วยดึงดูดผู้หญิงได้ ในขณะเดียวกันก็ต้องเป็นสิ่งที่ช่วยให้ผู้ชายที่ต้องการแต่งหน้า สามารถใช้ได้แบบไม่อึดอัดนั่นเอง
ที่น่าสนใจคือหลังจาก Laka เปิดตัวในปี 2019 แบรนด์ก็ยังได้รับเงินทุนเป็นจำนวน 40 ล้านบาท
จาก Leferi Beauty Entertainment ซึ่งเป็นบริษัทที่ดูแลเรื่องการบริหารจัดการ Beauty Influencer
ที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้อีกด้วย
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ อาจจะยังมีบางคนสงสัยว่า แล้วทำไมผู้ชายถึงต้องแต่งหน้า ?
อ้างอิงข้อมูลจาก Bloomberg ที่ได้สัมภาษณ์ยูทูบเบอร์ชายรายหนึ่งของเกาหลีใต้ โดยเขาได้ออกมาให้ข้อมูลว่าการที่ผู้ชายเกาหลีหลายคนแต่งหน้า เป็นเพราะต้องการความมั่นใจ และอยากดูดี ไม่ต่างจากผู้หญิง
เพราะการมีผิวที่สุขภาพดี ไม่มีสิว ใต้ตาไม่ดำ และปากอมชมพูดูสุขภาพดี ไม่ว่าเพศไหนก็อยากมีทั้งนั้น
และส่วนหนึ่งก็เป็นอิทธิพลมาจากการที่เหล่าดาราและนักร้องของเกาหลีใต้
ช่วยส่งเสริมให้ผู้ชายหลายคนเปิดใจ และหันมาแต่งหน้ากันมากขึ้น จนกลายเป็นอีกหนึ่งตลาดที่หากใครกำลังทำธุรกิจเกี่ยวกับความงาม ก็ไม่ควรมองข้ามกลุ่มเป้าหมายตรงนี้
ท้ายที่สุดคงปฏิเสธไม่ได้ว่า เรื่องการแต่งหน้านั้นเป็นความชอบส่วนบุคคล
ไม่ว่าจะผู้หญิง ผู้ชาย หรือเพศไหนก็แล้วแต่ ก็สามารถแต่งหน้าได้ทั้งนั้น หากพอใจที่จะแต่ง
ในขณะเดียวกัน หากจะไม่แต่งหน้า ก็ไม่ได้หมายความว่า เราไม่ได้รักความสวยความงาม
ฉะนั้นอย่าปล่อยให้คนบางกลุ่มมาคอยบอกว่าเราเป็นแบบไหน และควรเป็นอย่างไร
เพราะทุกคนมีความงามในแบบตัวเอง และทุกคนก็ดูดีในแบบของตัวเองเช่นกัน..
โฆษณา