19 ก.ย. 2021 เวลา 02:38 • ประวัติศาสตร์
“พรรคนาซี (Nazi Party)”
1
“พรรคกรรมกรชาติสังคมนิยมเยอรมัน (National Socialist German Workers’ Party)” หรือเรียกสั้นๆ ว่า “พรรคนาซี (Nazi Party)” เป็นพรรคการเมืองที่มีอิทธิพลและเป็นใหญ่ในเยอรมนีตั้งแต่ค.ศ.1933-1945 (พ.ศ.2476-2488) ภายใต้การนำของ “อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ (Adolf Hitler)”
พรรคนาซีถือกำเนิดขึ้นในปีค.ศ.1919 (พ.ศ.2462) โดยมีหลักการที่จะส่งเสริมศักดิ์ศรีและความภาคภูมิใจของชาวเยอรมัน การต่อต้านชาวยิว และแสดงออกว่าไม่พอใจใน “สนธิสัญญาแวร์ซาย (Treaty of Versailles)” ซึ่งเป็นสนธิสัญญาสันติภาพที่ทำในปีค.ศ.1919 (พ.ศ.2462) และทำให้สงครามโลกครั้งที่ 1 จบลง
2
และผลของสนธิสัญญาฉบับนี้ ก็ทำให้เยอรมนีอยู่ในภาวะที่ย่ำแย่
1
อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ (Adolf Hitler)
ฮิตเลอร์ได้เข้าร่วมพรรคนาซีในปีค.ศ.1919 (พ.ศ.2462) และขึ้นเป็นผู้นำพรรคในปีค.ศ.1921 (พ.ศ.2464)
ในปีค.ศ.1933 (พ.ศ.2476) ฮิตเลอร์ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีแห่งเยอรมนี และพรรคนาซีของฮิตเลอร์ก็ได้รวบอำนาจทั้งหมดไว้แต่เพียงผู้เดียว
ภายหลังจากที่เยอรมนีพ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่สอง พรรคนาซีก็ล่มสลาย และผู้นำระดับสูงของพรรคหลายคนก็ถูกตัดสินให้เป็นอาชญากรสงคราม โดยสาเหตุหลักๆ ก็คือการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวจำนวนกว่าหกล้านคนในยุโรป
1
สำหรับจุดเริ่มต้นแห่งการเรืองอำนาจของพรรคนาซีนั้น เริ่มจากในปีค.ศ.1919 (พ.ศ.2462) เมื่ออดีตทหารผ่านศึกจากสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่ชื่อ “อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ (Adolf Hitler)” ได้มีความแค้นเคืองกับความพ่ายแพ้ของเยอรมนีในสงครามโลกครั้งที่ 1
2
ความพ่ายแพ้นี้ทำให้เศรษฐกิจและการเมืองของเยอรมนีแทบล่มสลาย ฮิตเลอร์จึงเข้าร่วมกับพรรคการเมืองใหม่แกะกล่องที่ชื่อ “พรรคกรรมกรเยอรมัน (German Workers' Party)”
พรรคกรรมกรเยอรมันได้ถูกก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ.1919 (พ.ศ.2462) โดยค่านิยมหลักของกลุ่มคือการส่งเสริมชาตินิยมเยอรมันและการต่อต้านชาวยิว อีกทั้งผู้ก่อตั้งก็รู้สึกเจ็บปวดและโกรธแค้นที่เยอรมนีต้องยอมลงนามในสนธิสัญญาแวร์ซาย ซึ่งทำให้เยอรมนีถูกเอาเปรียบ และต้องจ่ายค่าปฏิกรรมสงครามจำนวนมหาศาล
2
หลังจากที่ฮิตเลอร์เข้าร่วมกับพรรคกรรมกรเยอรมัน ในเวลาไม่นาน ฮิตเลอร์ก็กลายเป็นนักพูดดาวรุ่งของพรรค เขามีเสน่ห์และทำให้คนสนใจฟัง ดึงดูดสมาชิกใหม่ๆ ได้มาก
1
เนื้อความหลักๆ ที่ฮิตเลอร์พูด คือการกล่าวโทษชาวยิวและลัทธิมาร์กซิสต์ว่าเป็นต้นเหตุของปัญหาต่างๆ ในเยอรมนี และสนับสนุนลัทธิชาตินิยม รวมทั้งหลักการของเผ่าพันธ์ “อารยัน (Aryan)” ซึ่งเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นนำในความคิดของฮิตเลอร์
ในปีค.ศ.1921 (พ.ศ.2464) ฮิตเลอร์ได้ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค ซึ่งในเวลานั้นได้เปลี่ยนชื่อเป็น “พรรคกรรมกรชาติสังคมนิยมเยอรมัน (National Socialist German Workers’ Party)” หรือ “พรรคนาซี (Nazi Party)”
ตลอดยุค 20 (พ.ศ.2463-2472) ฮิตเลอร์ได้ออกบรรยายหลายครั้ง โดยฮิตเลอร์กล่าวว่าปัญหาต่างๆ ทั้งการว่างงาน ปัญหาปากท้อง และปัญหาเศรษฐกิจในเยอรมนี จะไม่มีวันหมดไป จนกว่าจะมีการปฏิวัติครั้งใหญ่
ฮิตเลอร์กล่าวต่อว่าปัญหาส่วนใหญ่จะคลี่คลาย หากไล่ชาวยิวและพวกคอมมิวนิสต์ออกไปจากประเทศ
การบรรยายของฮิตเลอร์นั้นจับใจคนจำนวนมาก ซึ่งส่วนมากคือคนหนุ่มสาวที่ประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ และทำให้พรรคนาซีก้าวขึ้นมาอยู่แนวหน้า ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
นอกจากคนหนุ่มสาวแล้ว อดีตทหารในมิวนิกจำนวนมากก็เข้าร่วมกับพรรคนาซี
1
ในปีค.ศ.1923 (พ.ศ.2466) ฮิตเลอร์และผู้ติดตาม ได้ก่อ “กบฏโรงเบียร์ (Beer Hall Putsch)” ในมิวนิก โดยเหตุกบฏในครั้งนี้ จุดประสงค์หลักของฮิตเลอร์คือการโค่นล้มรัฐบาลในบาวาเรีย ซึ่งเป็นรัฐทางใต้ของเยอรมนี
ฮิตเลอร์คาดหวังว่าการก่อรัฐประหารนี้จะทำให้เกิดการปฏิวัติต่อต้านรัฐบาลครั้งใหญ่ หากแต่ก็ล้มเหลว
ภายหลังจากเหตุการณ์นี้ ฮิตเลอร์ก็ถูกจับกุมในข้อหากบฏ และถูกตัดสินให้จำคุกเป็นเวลาห้าปี หากแต่ติดคุกจริงไม่ถึงหนึ่งปี
1
จากเหตุการณ์กบฏโรงเบียร์ ทำให้ฮิตเลอร์โด่งดังไปทั่วประเทศ และภายหลังถูกปล่อยตัวจากเรือนจำ ฮิตเลอร์ก็ตั้งใจจะสร้างพรรคนาซีขึ้นมาใหม่ และคว้าอำนาจผ่านกระบวนการเลือกตั้ง
ในปีค.ศ.1929 (พ.ศ.2472) เยอรมนีเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ เกิดการว่างงานไปทั่ว พรรคนาซีจึงใช้โอกาสนี้ในการโจมตีรัฐบาล และเริ่มจะชนะการเลือกตั้ง
1
ในการเลือกตั้งเมื่อเดือนกรกฎาคม ค.ศ.1932 (พ.ศ.2475) พรรคนาซีได้ที่นั่งในรัฐสภาเยอรมันถึง 230 ที่นั่ง จากทั้งหมด 608
2
มกราคม ค.ศ.1933 (พ.ศ.2476) ฮิตเลอร์ได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี และพรรคนาซีก็เรืองอำนาจในเยอรมนีอย่างสุดขีด
ภายใต้การปกครองของนาซี พรรคการเมืองอื่นๆ นอกจากนาซีถูกแบนทั้งหมด และในปีค.ศ.1933 (พ.ศ.2476) พรรคนาซีก็ได้เปิดค่ายกักกันแห่งแรกที่ดัคเคา เพื่อใช้กักขังนักโทษทางการเมือง
ค่ายกักกันดัคเคา (Dachau concentration camp) ได้กลายเป็นค่ายมรณะ ชาวยิวนับพันเสียชีวิตที่ค่ายกักกันแห่งนี้เนื่องจากขาดอาหาร โรคระบาด การถูกใช้งานอย่างหนัก และถูกประหาร
นอกเหนือจากชาวยิว ค่ายกักกันแห่งนี้ยังกักขังนักโทษคนอื่นๆ ที่ฮิตเลอร์เห็นว่าไม่เหมาะสมกับเยอรมนี ไม่ว่าจะเป็นศิลปิน บัณฑิต พวกยิปซี คนพิการ และผู้รักร่วมเพศ
1
เมื่อฮิตเลอร์เป็นใหญ่ในรัฐบาล ฮิตเลอร์ก็ได้เปลี่ยนแปลงนโยบายด้านต่างประเทศ โดยการเลิกปฏิบัติตามสนธิสัญญาแวร์ซาย และมุ่งไปยังการส่งเสริมให้เยอรมนียิ่งใหญ่ในเวทีโลก
ฮิตเลอร์ได้กล่าวต่อต้าน ไม่เห็นด้วยกับสนธิสัญญาแวร์ซายในเรื่องของดินแดน และมุ่งที่จะขยายดินแดนสำหรับเยอรมนี
ตั้งแต่ช่วงกลางถึงปลายยุค 30 (พ.ศ.2473-2482) ฮิตเลอร์ก็ได้ค่อยๆ ละเมิดกฎระหว่างประเทศทีละนิด โดยฮิตเลอร์ได้นำเยอรมนีออกจากองค์การสันนิบาตชาติในปีค.ศ.1933 (พ.ศ.2476) และสร้างกองกำลังติดอาวุธของเยอรมนีขึ้นมาใหม่ ซึ่งผิดกฎของสนธิสัญญาแวร์ซาย
จากนั้นก็เข้ายึดครองดินแดนไรน์ลันท์ในปีค.ศ.1936 (พ.ศ.2479) ตามมาด้วยการเข้ายึดออสเตรียในปีค.ศ.1938 (พ.ศ.2481) และเข้ารุกรานเชโกสโลวาเกียในปีค.ศ.1939 (พ.ศ.2482)
เมื่อกองทัพนาซีได้มุ่งไปยังโปแลนด์ สหราชอาณาจักรและฝรั่งเศส ซึ่งเริ่มทนความโอหังของพรรคนาซีไม่ได้ ก็ไม่อยู่เฉย และรับรองกับโปแลนด์ว่าจะป้องกันไม่ให้กองทัพนาซีเข้ารุกรานได้
1
แต่ถึงอย่างนั้น กองทัพนาซีก็ได้รุกรานโปแลนด์ในวันที่ 1 กันยายน ค.ศ.1939 (พ.ศ.2482) และทำให้สหราชอาณาจักรและฝรั่งเศสประกาศสงครามต่อเยอรมนี ทำให้เกิดเป็นสงครามโลกครั้งที่ 2
1
ภายหลังจากยึดครองโปแลนด์ ฮิตเลอร์ก็มุ่งเป้าไปยังการพิชิตอังกฤษและฝรั่งเศส
เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มขึ้น พรรคนาซีก็ได้เป็นพันธมิตรกับญี่ปุ่นและอิตาลี ก่อนจะทำสนธิสัญญาสันติภาพกับสหภาพโซเวียต หากแต่ในภายหลัง ก็ได้ทำการรุกรานดินแดนของสหภาพโซเวียต
สหรัฐอเมริกาเข้าร่วมสงครามในปีค.ศ.1941 (พ.ศ.2484) และทำให้สงครามโลกครั้งที่ 2 เข้มข้นขึ้นอย่างมาก
สำหรับเรื่องเด่นของฮิตเลอร์และพรรคนาซีอีกเรื่องหนึ่ง ก็คือ “การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว (Holocaust)”
เมื่อฮิตเลอร์และพรรคนาซีเรืองอำนาจในปีค.ศ.1933 (พ.ศ.2476) ก็ได้มุ่งเป้าไปยังการกดขี่ชาวยิว โดยในปีค.ศ.1938 (พ.ศ.2481) ชาวยิวในเยอรมนีไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้สถานที่สาธารณะหลายแห่ง
ในช่วงสงคราม การกดขี่ชาวยิวได้ทวีความรุนแรงขึ้น โดยในช่วงที่รุกรานโปแลนด์ ชาวยิวนับพันถูกกองทัพนาซีฆ่า อีกจำนวนมากถูกส่งไปอยู่ในเก็ตโต้ ก่อนจะส่งไปยังค่ายกักกันเพื่อใช้แรงงานหรือประหาร
ในปีค.ศ.1941 (พ.ศ.2484) เมื่อเยอรมนีรุกรานสหภาพโซเวียต กองทัพนาซีก็ได้กราดยิงชาวยิวนับหมื่นด้วยปืนกล
5
ต้นปีค.ศ.1942 (พ.ศ.2485) พรรคนาซีตัดสินใจจะใช้ “ทางออกสุดท้าย (Final Solution)” ในการแก้ปัญหาชาวยิว และเผยถึงแผนการที่จะทำการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวในยุโรป
ในปีค.ศ.1942 (พ.ศ.2485) และค.ศ.1943 (พ.ศ.2486) ชาวยิวในชาติที่ตกอยู่ใต้อำนาจของนาซี ซึ่งรวมถึงฝรั่งเศสและเบลเยี่ยม ได้ถูกส่งไปยังค่ายกักกันทั่วยุโรป
3
ในโปแลนด์ ค่ายกักกันชาวยิวได้ทำการสังหารชาวยิวจำนวนมาก และการสังหารชาวยิวก็เพิ่งจะยุติในช่วงเดือนท้ายๆ ของสงคราม เมื่อกองทัพเยอรมันเริ่มอ่อนกำลัง
เมื่อฮิตเลอร์ฆ่าตัวตายในเดือนเมษายน ค.ศ.1945 (พ.ศ.2488) ชาวยิวก็ได้ตายไปแล้วกว่าหกล้านคน
1
ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ฝ่ายสัมพันธมิตรก็ได้สั่งให้ยกเลิกพรรคนาซี โดยในเวลาต่อมา สัญลักษณ์สวัสติกะของนาซี ได้กลายเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของความชั่วร้าย ผ่านการนำเสนอของสื่อต่างๆ
และถึงแม้ฮิตเลอร์จะฆ่าตัวตายก่อนถูกนำตัวขึ้นพิจารณาคดี แต่ตั้งแต่ค.ศ.1945-1949 (พ.ศ.2488-2492) ผู้บริหารระดับสูงของนาซีหลายนายก็ถูกนำตัวขึ้นพิจารณาคดี และตัดสินให้เป็นอาชญากรสงคราม
โฆษณา