25 ก.ย. 2021 เวลา 02:03 • ไลฟ์สไตล์
หวังเพียงว่าโลกจะสงบสุขและผู้คนจะมีชีวิตอยู่และทำงานอย่างสงบสุขเป็นพอ
หลังจาก รับปากแม่เหน่ง​ สาวเหลือน้อยไว้​ https://www.blockdit.com/sumonta.kuntasom ว่าจะเขียน​เรียงความ​เรื่อง​ตำรวจ​อวกาศ​เกีย​บัน... วันนี้​จึงขอเขียน(บ่น)​ในเรื่องหลังจาก​เมื่อ​ 200 ปีที่แล้วของการเป็นตำรวจล่ะกันนะครับ​ แต่ปัจจุบัน​โลกก็ยังคงยุ่งเหยิง ผมว่ามันน่าจะถึงเวลาที่ต้องลงจากตำแหน่งตำหนวด​อวกาศ​จริงๆ
3
ประเทศไทยเราสามารถสนับสนุนการปกครองแบบประชาธิปไตย
เราสามารถยอมให้ตอลิบานทำสิ่งที่พวกเขาต้องการ
เราสามารถเพิกเฉยต่อการทำรัฐประหารในเมียนมาร์
และยังคงเฉยเมยต่ออำนาจของจักรวรรดินิยมอเมริกัน ในการเผชิญหน้ากับตะกอนที่ครุกรุ่นในแอฟริกัน
แต่เราไม่เคยละทิ้งความเข้ากันได้ เราคนเดียวจะอ่อนแอไม่ได้ และแม้ใครจะอ้าแขน ต้อนรับอาชญากรที่ทุจริตของพวกเขา หรือให้นายทุนยืนอยู่บนเท้าของพวกเขา
ผมก็​แค่พูดเพื่อประชาชน เพื่อโลกที่ผมเกิด ผมทำได้แค่นี้... เหมือนคำปราศรัย​ของท่านผู้นำคนนี้..
1
“ฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะทำสงครามที่ไม่สิ้นสุดนี้ต่อ” เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2564 ประธานาธิบดีไบเดน แห่งสหรัฐฯ บอกกับประเทศที่อ่อนเปลี้ยเพลียแรงว่าเครื่องบินขนส่ง C-17 ลำสุดท้ายออกจากคาบูล ซึ่งควบคุมโดยกลุ่มตอลิบานและจบลงแล้ว
ในหายนะทางทหาร 20 ปีของ สหรัฐอเมริกาในอัฟกานิสถาน เขาใช้ประโยคง่ายๆ เช่นนี้เพื่อพิสูจน์ความตื่นตระหนกและการถอนตัวของการนองเลือด
หลังจากสงครามในอัฟกานิสถานดำเนินมาเป็นเวลา 20 ปีแล้ว
1
ไม่มีใครสามารถคำนวณจำนวนผู้เสียชีวิตได้อย่างแม่นยำ สิ่งที่น่ากลัวคือสงครามดูเหมือนจะเป็นบรรทัดฐานในสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ประธานาธิบดีสหรัฐเกือบทั้งหมดได้เปิดฉากหรือแทรกแซงในสงครามต่างประเทศระหว่างดำรงตำแหน่งแทบทั้งสิ้น
สาเหตุของสงคราม ได้แก่ "การรักษาความยุติธรรม" ,"หยุดการรุกราน" ,"การแทรกแซงด้านมนุษยธรรม" และอื่นๆ
เหตุใดสหรัฐอเมริกาจึงทำสงคราม.?
อะไรคือสาเหตุเบื้องหลังของสิ่งนี้?
เรามาหาสาเหตุ​จากมุมมองของมุกเก่าๆกันดีก่า..
สงครามที่ไม่มีที่สิ้นสุด
" สงครามทางทหาร" ดูเหมือนจะเป็นส่วนหนึ่งของ DNA ของอเมริกาไปซะแล้ว
2
นับตั้งแต่การประกาศเอกราชเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2319 สหรัฐอเมริกาไม่ได้เข้าร่วมในสงครามเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 20 ปี
ทหารที่กลับมาจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ. 2488
ในประวัติศาสตร์กว่า 240 ปี ตามสถิติ นับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สองในปี พ.ศ. 2488 ถึง พ.ศ. 2544 มีการสู้รบกันด้วยอาวุธ 248 ครั้งใน 153 ภูมิภาคของโลก โดยที่สหรัฐอเมริการิเริ่มถึง 201 ครั้ง ผมคิดคร่าวๆก็เป็นประมาณ 81%
1
สหรัฐอเมริกาถือกำเนิด เติบโต และกลายเป็นมหาอำนาจในสงคราม การเป็นทาส และการสังหารหมู่ การปรากฏตัวของสหรัฐอเมริกาในเวทีระหว่างประเทศและอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นล้วนเกี่ยวข้องกับสงครามใหญ่ๆ
เช่นการเริ่มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง อาศัยเงิน แบล็กเมล์ และกำลังบังคับ
1
สหรัฐฯ ได้ขยายจากพื้นที่ประมาณ 800,000 ตารางกิโลเมตรในตอนต้นของการก่อตั้งประเทศเป็นประมาณ 9.37 ล้านตารางกิโลเมตรในปัจจุบัน
หลังสงครามโลกครั้งที่สอง สหรัฐอเมริกากลายเป็นมหาอำนาจในโลก และเริ่มไม่ละความพยายามใดๆ ที่จะต่อสู้เพื่อและรักษาความเป็นเจ้าโลกไว้
ตั้งแต่กลยุทธ์การกักกันของรัฐบาลทรูแมน
ไปจนถึงกลยุทธ์การป้องปรามที่แท้จริงของรัฐบาลนิกสัน
1
จากกลยุทธ์ "การนัดหยุดงาน" ของรัฐบาลบุช
ไปจนถึงกลยุทธ์ "พลังอัจฉริยะ" ของรัฐบาลโอบามา
1
จากนโยบาย "อเมริกาต้องมาก่อน" ของรัฐบาลทรัมป์
1
ไปจนถึงกลยุทธ์ "การต่ออายุ" ของฝ่ายบริหารไบเดน
ทั้งหมดนี้ชี้ไปที่เป้าหมาย..เพื่อให้แน่ใจว่าอำนาจของอเมริกายังแข็งแกร่งอยู่.
ในแง่ของผลที่ตามมา สงครามต่างประเทศที่เปิดตัวโดยสหรัฐอเมริกาได้ก่อให้เกิดวิกฤตการณ์ระดับภูมิภาคและระดับนานาชาติต่างๆ
สงครามนำไปสู่ภัยพิบัติด้านมนุษยธรรมในประเทศที่เกี่ยวข้องโดยตรง
1
ซึ่งรวมถึงการบาดเจ็บล้มตาย การทำลายสิ่งอำนวยความสะดวก การผลิตที่หยุดชะงัก และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง พลเรือนผู้บริสุทธิ์ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก
สงครามก่อให้เกิดปัญหาสังคมที่ซับซ้อน เช่น ผู้ลี้ภัย ,ความไม่สงบทางสังคม ,วิกฤตทางนิเวศวิทยา ,บาดแผลทางจิตใจ เป็นต้น
1
สงครามที่เปิดตัวโดยสหรัฐอเมริกายังสร้างผลกระทบที่ล้นเกิน ก่อให้เกิดอันตรายต่อประเทศที่ไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ สหรัฐอเมริกาเองก็ตกเป็นเหยื่อของสงครามต่างประเทศเช่นกัน..
ส่วนการเล่าเรื่องง่ายๆของสงครามสำคัญหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ดูเหมือนจะไม่เข้าใจถึงหายนะที่เกิดจากสงคราม
บทความของเพจเล็กๆนี้ พยายามเพียงระบุข้อมูลสำคัญบางประการเพื่อทบทวนสงครามสำคัญๆ ที่สหรัฐฯ สร้างขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 มันก็คงจะเพียงพอที่จะโดนลบออกไปจาก BD ในเร็ววัน ฮาาาาาาาาาาา...
7
เริ่มกันที่..... สงครามเกาหลี
ตั้งแต่เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2493 สหรัฐอเมริกาได้รวบรวมประเทศมากกว่าหนึ่งโหลเพื่อจัดตั้งกองกำลังที่เรียกว่า "กองทัพแห่งสหประชาชาติ" เพื่อเข้าแทรกแซงในสงครามกลางเมืองระหว่างเกาหลีเหนือและใต้บนคาบสมุทรเกาหลี
สงครามส่งผลให้พลเรือนเสียชีวิตมากกว่า 3 ล้านคนและประมาณ 3 ล้านคนกลายเป็นผู้ลี้ภัย
ในช่วงสงคราม กองทัพสหรัฐฯ แอบทำสงครามแบคทีเรียในเกาหลีเหนือทางตอนเหนือและบางส่วนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน โดยแพร่สัตว์ทดลองต่างๆ เช่น แมลง ,หนู ,กระต่าย และพาหะอื่นๆ จำนวนมากที่มีแบคทีเรีย เช่น Yersinia pestis, Vibrio cholerae และแบคทีเรียไทฟอยด์จำนวนมากโดยผ่านทางเครื่องบินทหารและพลเรือนจีนและเกาหลี จนสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวง(โปรดสังเกตุว่ามีหนังหลายๆเรื่องที่แอบเอาประเด็นนี้ไปสร้าง)
1
สงครามเวียดนาม
สงครามเวียดนาม เกิดขึ้นระหว่างปี 2493 ถึง 2513 เป็นสงครามที่ยาวนานและโหดร้ายที่สุดหลังสงครามโลกครั้งที่สอง
ตามการประมาณการของรัฐบาลเวียดนาม ทหารเวียดนามเหนือประมาณ 1.1 ล้านคนและทหารเวียดนามใต้ 300,000 นายถูกสังหาร และพลเรือนมากถึง 2 ล้านคนเสียชีวิตในสงครามครั้งนี้ โดยกองทัพสหรัฐฯ ในนามของ "การต่อสู้ ต่อต้านเวียดกง"
กองทัพสหรัฐฯ ทิ้งสารพิษ (สารสีส้ม) ประมาณ 20 ล้านแกลลอนในเวียดนาม ส่งผลให้ชาวเวียดนามเสียชีวิต 400,000 คน และชาวเวียดนาม 2 ล้านคนป่วยด้วยโรคมะเร็งหรือโรคอื่นๆ กองทัพสหรัฐยังคงทิ้งระเบิดและทุ่นระเบิดประมาณ 350,000 ตัน คาดว่าจะใช้เวลา 300 ปีในการกำจัดทิ้งให้หมด
1
สงครามอิรัก
ในปี 2534 กองกำลังพันธมิตรที่นำโดยสหรัฐฯ ได้ส่งกองกำลังไปยังอิรัก ในการโจมตีทางอากาศกับอิรัก พลเรือนระหว่าง 2,500 ถึง 3500 คนถูกสังหาร
ต่อมาในปี พ.ศ. 2546 สหรัฐฯ ได้เปิดสงครามอิรักโดยอ้างว่ามี..อาวุธที่มีอำนาจทำลายล้างสูงในอิรัก ชาวอิรักต้องทนทุกข์ทรมานอย่างไม่รู้จบ
คาดว่ามีพลเรือนเสียชีวิตระหว่าง 200,000 ถึง 250,000 คน นอกจากนี้ กองทัพสหรัฐฯ ได้ละเมิดหลักการด้านมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง และทำให้เราเห็นการทรมานนักโทษหลายครั้ง
กองกำลังผสมที่นำโดยสหรัฐฯ ยังคงใช้ระเบิดยูเรเนียมที่หมดอายุแล้ว ,ระเบิดคลัสเตอร์ และระเบิดฟอสฟอรัสขาวในปริมาณมากในอิรัก และพวกเขาไม่ได้ดำเนินมาตรการใดๆ เพื่อลดอันตรายต่อพลเรือน ตามการประมาณการของสหประชาชาติ อิรักยังคงมีกับระเบิดประมาณ 25 ล้านทุ่นระเบิดและเศษระเบิดอื่นๆ ที่ต้องเคลียร์อยู่ในพื้นที่อีกโข...
1
สงครามโคโซโว
ในปี พ.ศ. 2542 กองทหารนาโตที่นำโดยสหรัฐฯ ได้เลี่ยงผ่านคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ(NATO)อย่างโจ่งแจ้งภายใต้ธง "หลีกเลี่ยงภัยพิบัติด้านมนุษยธรรม" และได้ดำเนินการทิ้งระเบิดแบบต่อเนื่องเป็นเวลา 78 วันในสหพันธ์สาธารณรัฐยูโกสลาเวีย ทำให้พลเรือนผู้บริสุทธิ์มากกว่า 8,000 คน ผู้เสียชีวิตและเกือบ 1 ล้านคนต้องพลัดถิ่น , ผู้คนมากกว่า 2 ล้านคนสูญเสียแหล่งทำมาหากิน
กองทหารของ NATO ได้ทำลายโครงสร้างพื้นฐานของยูโกสลาเวียอย่างรุนแรงและแม้กระทั่งวางระเบิดสถานทูตต่างๆในยูโกสลาเวีย
นักเศรษฐศาสตร์ชาวเซอร์เบียประเมินว่า ความสูญเสียทางเศรษฐกิจทั้งหมดที่เกิดจากการวางระเบิดยูโกสลาเวียของ NATO อยู่ที่ประมาณ 29.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
การระเบิดครั้งนี้สร้างความเสียหายให้กับสะพาน, ถนน ,ทางรถไฟ, 25,000 ครอบครัว ,อนุสรณ์สถานวัฒนธรรม 176 แห่ง ,โรงเรียน 69 แห่ง ,โรงพยาบาล 19 แห่ง ,ศูนย์สุขภาพ 20 แห่ง และเด็ก 1.5 ล้านคนไม่สามารถไปโรงเรียนได้
NATO ซึ่งนำโดยสหรัฐอเมริกา ยังใช้คลัสเตอร์บอมบ์และระเบิดยูเรเนียมที่หมดอายุ(ซึ่งถูกห้ามโดยอนุสัญญาระหว่างประเทศ) ส่งผลให้อุบัติการณ์ของโรคมะเร็งและมะเร็งเม็ดเลือดขาวในภูมิภาคเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อสิ่งแวดล้อมทางนิเวศวิทยาในท้องถิ่นและจนถึงยุโรป
1
สงครามอัฟกัน สงครามที่พึ่งจบ(หรือเปล่า)?
 
ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2544 สหรัฐอเมริกาได้ส่งกองทหารไปอัฟกานิสถาน ขณะต่อสู้กับอัลกออิดะห์และตอลิบาน ก็ทำให้พลเรือนเสียชีวิตเป็นจำนวนมากเช่นกัน
ในการปฏิบัติการทางทหารที่ยาวนานถึง 20 ปี กองทัพสหรัฐได้ทำให้อัฟกานิสถานสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินอย่างมหาศาล
ในอัฟกานิสถาน พลเรือนมากกว่า 30,000 คนถูกกองทัพสหรัฐสังหารหรือเสียชีวิตจากสงครามที่นำโดยกองทัพสหรัฐ พลเรือนกว่า 60,000 คนได้รับบาดเจ็บและประมาณ 11 ล้านคนกลายเป็นผู้ลี้ภัย
หลายปีของสงครามนำไปสู่ความเสื่อมโทรมทางเศรษฐกิจในอัฟกานิสถาน ทำให้ประมาณ 72% ของผู้คนอาศัยอยู่ต่ำกว่าเส้นความยากจน และอัตราการว่างงานสูงถึง 38%
1
สงครามซีเรีย
 
สงครามซีเรีย. ตั้งแต่ปี 2560 สหรัฐฯ ก็ได้เปิดฉากโจมตีทางอากาศต่อซีเรียโดยอ้างว่า "กำลัง..ขัดขวางไม่ให้รัฐบาลซีเรียใช้อาวุธเคมี"
ตั้งแต่ปี 2559 ถึง 2562 มีพลเรือน 33,584 คนที่เสียชีวิตในสงครามในซีเรีย ในหมู่พวกเขา การวางระเบิดของพันธมิตรที่นำโดยสหรัฐฯ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3,833 คน โดยครึ่งหนึ่งเป็นผู้หญิงและเด็ก
เครือข่ายโทรทัศน์สาธารณะของสหรัฐฯ รายงานเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2561 ที่เรียกกันว่า "การโจมตีทางอากาศที่แม่นยำที่สุดในประวัติศาสตร์" ที่เปิดตัวโดยกองทัพสหรัฐฯ บนเกาะรักกา นั้น...ส่งผลให้พลเรือนเสียชีวิต 1,600 คน
จากการสำรวจที่จัดทำโดยโครงการอาหารโลก (World Food Programme, WFP) ในเดือนเมษายน 2563 ประมาณหนึ่งในสามของชาวซีเรียไม่มีอาหารเพียงพอ และ 87% ไม่มีเงินเก็บ
ตามการประมาณการขององค์กรแพทย์ไร้พรมแดน (Medecins Sans Frontieres ,MSF) นับตั้งแต่เริ่มสงครามในซีเรีย แพทย์ประมาณ 15,000 คน (ประมาณครึ่งหนึ่งของแพทย์ทั้งหมดของประเทศ) ได้หลบหนีออกนอกประเทศ 6.5 ล้านคนต้องพลัดถิ่นภายใน และ 5 ล้านคนได้หลบหนีไปในฐานะผู้ลี้ภัย
นอกจากนี้ สหรัฐฯ มักเข้าแทรกแซงในประเทศอื่น ๆ โดยทางตรงหรือทางอ้อม เช่น การสนับสนุนสงครามตัวแทน ,ยุยงให้มีการกบฏในประเทศ ,การลอบสังหาร ,การจัดหาอาวุธและเครื่องกระสุนปืน และการฝึกกองกำลังต่อต้านรัฐบาล
ก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงต่อความมั่นคงทางสังคมและประชาชน ความปลอดภัยของประเทศที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากเหตุการณ์จำนวนมากดังกล่าวถูกควบคุมโดยรัฐบาลสหรัฐฯ อย่างลับๆ จึงเป็นเรื่องยากที่จะนับความเสียหายเฉพาะที่เกิดจากเหตุการณ์เหล่านี้
 
"'นักรบ' นับเป็นสัญชาตญาณของสหรัฐอเมริกา" จริงๆ
หลังจากการโจมตี "9.11" ในขณะที่สหรัฐฯ ติดอยู่ในสงครามสองครั้งในอัฟกานิสถานและอิรัก
การโกหกและการกระทำผิดของรัฐบาลสหรัฐฯ และหน่วยข่าวกรองก็เริ่มมีขึ้น เปิดเผยให้โลกเห็นและในเวลาต่อมา
การมาของการเปิดเผยของนักโทษ,การทารุณกรรมและการฆ่าพลเรือนตามอำเภอใจ,การไตร่ตรองถึงความจำเป็นของสงครามกับการก่อการร้ายและการล่มสลายของภาพลักษณ์ของความยุติธรรมในสหรัฐอเมริกา
เริ่มกลายเป็นเรื่องของการทบทวนของผมอีกครั้ง...
วันนี้ ขณะที่สหรัฐฯ ฉลองครบรอบ 20 ปี "11 กันยายน" ทันทีที่สหรัฐฯ ถอนตัวจากอัฟกานิสถานเสร็จสิ้น ตอลิบานก็ได้อำนาจในอัฟกานิสถานกลับคืนมา
สิ่งนี้ยังทำให้ผมอยากตั้งคำถามอีกครั้งว่า...
"ทำไมสหรัฐอเมริกาถึงทำสงครามต่อไป"
"เลือดและเงินที่ชาวอเมริกันจ่ายไปมันจะคุ้มค่าหรือไม่"
1
และ สิ่งนี้อาจเกี่ยวข้องกับรูปแบบพฤติกรรมและแนวคิดด้านความปลอดภัยที่เกิดขึ้นระหว่างการก่อตั้งและการเติบโตของสหรัฐอเมริกา
แนวคิดด้านความปลอดภัยของสหรัฐอเมริกาสามารถอธิบายได้ว่าเมื่อ "ความปลอดภัยมาจากต่างประเทศ" โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การรักษาความปลอดภัยของสหรัฐอเมริกาเกิดขึ้นจาก "การทำให้เป็นอเมริกัน"
หากประเทศหรือภูมิภาคนอกสหรัฐอเมริกาเป็น "อเมริกัน" สหรัฐอเมริกาจะปลอดภัย ไม่เช่นนั้นสหรัฐอเมริกาจะไม่ปลอดภัย
อาจกล่าวได้ว่าความมั่นคงของสหรัฐอเมริกานั้นขึ้นอยู่กับความไม่มั่นคงของประเทศนอกสหรัฐอเมริกา กล่าวโดยสรุป หากพื้นที่นอกสหรัฐอเมริกาไม่ปลอดภัย แสดงว่าสหรัฐอเมริกายังปลอดภัย..555
แต่ นี่กลับเป็น "ภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก" เป็นเพราะแนวคิดด้านความปลอดภัยที่ไม่เหมือนใครนี้เองที่สหรัฐฯ ได้แทรกซึม ,แทรกแซง ,ล้มล้าง และก่อสงครามในกิจกรรมต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง
1
การก่อตัวของแนวคิดด้านความปลอดภัยนี้ยังเกี่ยวข้องกับประสบการณ์และบทเรียนที่ได้รับจากสหรัฐอเมริกาในการขยายธุรกิจในอเมริกาเหนือและการมีปฏิสัมพันธ์กับประเทศในยุโรป
ในสงครามอเมริกาเหนือกับชาวอินเดียนแดงในศตวรรษที่ 19 สหรัฐฯ ได้ครอบครองที่ดินและทรัพยากรของอีกฝ่ายหนึ่ง และบังคับให้อีกฝ่ายยอมรับ "ความถูกต้องตามกฎหมาย" ของ "การโจรกรรม" ดังกล่าว
1
หากอีกฝ่ายหนึ่งไม่อนุมัติ สหรัฐฯ จะทำให้การแปลงบาลีนั้น ให้เป็นได้รับอนุมัติไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง หรือไม่ก็เลือกที่จะกำจัดการต่อต้านดังกล่าว
2
มันไม่ยากที่จะเห็นว่าวิธีที่สหรัฐฯ ปฏิบัติต่อชาวอินเดียนแดงนั้นคล้ายคลึงกับวิธีที่สหรัฐฯ ปฏิบัติต่ออำนาจทางการเมืองของประเทศอื่นๆ ในโลกนี้มากนัก
ส่วน แรงจูงใจในการก่อสงครามของสหรัฐฯ ผมว่าทรัพยากรและที่ดินเป็นกุญแจสำคัญอย่างไม่ต้องสงสัย และนี่ก็เป็นการสำแดงหลักของอำนาจของสหรัฐฯ ด้วยเช่นกัน สหรัฐอเมริกาได้ส่งเสริม "การทำให้เป็นอเมริกัน" ของประเทศอื่น ๆ อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย นั่นคือปล่อยให้คนทั้งโลกปฏิบัติตามเจตจำนงของสหรัฐอเมริกา
สหรัฐฯ ไม่ใช่ประเทศที่พอใจกับสภาพที่เป็นอยู่
แต่เป็นประเทศที่มุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลง ซึ่งอันตรายมาก อาจกล่าวได้ว่า "ความกระหายสงคราม" เป็นสัญชาตญาณของสหรัฐอเมริกา ยังคงทำสงครามทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง และโลกจะคงอยู่ในความสับสนวุ่นวายด้วยเหตุนี้ ผลกระทบนี้มันลึกซึ้งและยั่งยืน แต่ไม่พอเพียง....
มาที่เรื่อง"ตำรวจโลก" ฟังมาหลายปีแล้ว สหรัฐฯ ส่งออกความไม่สงบซ้ำแล้วซ้ำเล่า และประเทศที่ตกเป็นเหยื่อไม่เพียงแต่อัฟกานิสถานเท่านั้น แต่ยังรวมถึงซีเรีย ,อิรัก ,ลิเบีย และประเทศอื่นๆ
ด้วย "เกณฑ์มาตรฐานทางศีลธรรม" ที่ประกาศตัวเองนี้เป็นมหาอำนาจที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นแหล่งสำคัญของความวุ่นวาย ความโกลาหล และกิจกรรมการก่อการร้ายที่เพิ่มขึ้นในหลายประเทศ
1
ในมุมมองของผม กองทหารสหรัฐฯ ถูกถอนออกจากอัฟกานิสถานอย่างน่าขายหน้า เป็นที่กล่าวขานกันอย่างกว้างขวางว่า มันเป็นระฆังเพื่อการลดสถานะของอเมริกาในฐานะ 'ตำรวจโลก'
โดยผมเทียบเคียงด้วยการเติบโตของจีน ,กิจกรรมด้านการฑูตและอื่นๆที่เพิ่มขึ้นของรัสเซีย ,การมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่องของอินเดียในกิจการระหว่างประเทศ และบทบาทที่สำคัญมากขึ้นของประเทศอาเซียน
ไม่เพียงแต่การแข่งขันระหว่างมหาอำนาจได้กลับมา แต่กองกำลังระดับภูมิภาคบางส่วนก็เข้มแข็งขึ้นด้วยโดยเฉพาะ อิหร่าน ,ซาอุดีอาระเบีย และตุรกีในตะวันออกกลาง
หากกล่าวว่า "ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง" จากปากนายกบางประเทศ...
5
ผมจึงขอยก..วลี(เท่าที่จำได้)ของ ...จอห์น ดันน์ กวีชาวอังกฤษ ที่(ดัน)เป็นกวีแบบไม่ต้องพิมพ์สักบรรทัดเดียว ท่านได้เขียนร้อยแก้วเรื่อง "Paradoxes and problems" ไว้ว่า.. แน่นอนว่าไม่มีประเทศใดที่สามารถอยู่อย่างโดดเดี่ยวได้ตามปกติในทุกวันนี้ ปัญหาสำคัญประการใดประการหนึ่งที่มนุษยชาติกำลังเผชิญ เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ,โรคระบาด ,ความยากจนทั่วโลก และความไม่เท่าเทียมกันทางสังคม ,ความขัดแย้งทางชาติพันธุ์และชาติพันธุ์ และการพัฒนาเศรษฐกิจที่ไม่สม่ำเสมอ ไม่สามารถแก้ไขได้โดยประเทศใดเพียงประเทศเดียว โลกมันเปราะบาง และทุกประเทศโดยเฉพาะมหาอำนาจต้องร่วมมือกันดูแล
1
หลังจาก 200 ปีของการเป็นตำรวจ โลกก็ยังคงยุ่งเหยิง ถึงเวลาต้องลงจากตำแหน่งจริงๆ
ในประเทศเราสามารถรับการสนับสนุนวัคซีนของใครก็ได้....
1
...แต่เราอยากจะซื้อมากกว่าขอ..เฮ้ย!ไม่ใช่ๆ
3
เราสามารถยอมให้ตอลิบานทำสิ่งที่พวกเขาต้องการได้
เราสามารถเพิกเฉยต่อการทำรัฐประหารในเมียนมาร์และยังคงเฉยเมยอยู่ตลอด
เราสามารถวางใจในความสงบเมื่อเผชิญกับการยั่วยุของอินเดียกับจีน
นอกจากนี้เรายังสามารถกลืนความโกรธของเราต่ออำนาจของจักรวรรดินิยมอเมริกัน ในการเผชิญกับตะกอนปัญหาในแอฟริกัน
เราไม่เคยละทิ้งความเข้ากันได้ เราประเทศเดียวจะอ่อนไม่ได้
เราจะไม่อ้าแขน รับอาชญากรที่ทุจริตในปากของใครๆ และอยากไม่ให้นายทุนอยู่บนเท้าของพวกเรา
1
ผมทำได้แค่เขียนเพื่อประชาชน เพื่อโลกที่ผมเกิด!!!
2
สุดท้าย...เมื่อประเทศใหญ่ ๆ พูดถึงสงคราม ประเทศที่เหลือทำได้แค่การทูตเท่านั้น
1
ในโลกปัจจุบัน ความขัดแย้งที่แท้จริงไม่ควรเป็นการเผชิญหน้าระหว่างระบบการเมืองที่แตกต่างกันหรือเชื้อชาติที่แตกต่างกัน แต่เป็นการเผชิญหน้าระหว่างกองกำลังที่ทันสมัย ​​การแข่งขัน และส่งเสริมการพัฒนาทางเทคโนโลยี่ เพื่อแสวงประโยชน์...สำหรับคนทั้งโลก
1
....กับบทความส่วนตัวเดี่ยวๆในเรื่องที่ไม่ควรเขียน....#สหรัฐอเมริกาเปิดตัวและเข้าร่วมในสงครามมากกว่า 200 ครั้ง โดย ชตระกูล ศรี2แผ่นดิน#
1
โฆษณา