19 ก.ย. 2021 เวลา 02:43 • หนังสือ
ถึง พี่ Satya Nadella, Microsoft CEO คนที่ 3 ต่อจาก Bill Gate, Steve Ballmer
ดีใจที่มีโอกาสได้อ่านหนังสือของพี่ด้วยความบังเอิญ
เป็นหนังสือที่ไม่ใช่แค่สอน how-to business แต่รู้สึกได้ถึงตัวตน จิตวิญญาณของพี่ ที่พยายามจะถ่ายถอดพลังให้คนอ่านได้นำไปถก ไปคิด ไปประยุกต์ใช้
พี่บอกว่า คำถาม 4 ข้อมัน หลอกหลอน (haunt) พี่อยู่ตลอด
1. ทำไมต้องมีฉัน
2. ทำไมต้องมีบริษัทของเรา
3. บทบาทของบริษัทข้ามชาติ (อย่าง Microsoft) คืออะไร
4. บทบาทของผู้นำด้านเทคโนโลยีคืออะไร ในยุคที่เทคโนโลยีมันคือสิ่งสำคัญมากในการพัฒนาสร้างความเติบโตทางธุรกิจ
และมันเลยกลายเป็นแรงพลักดันให้พี่เขียนหนังสือเล่มนี้ มันก็เลยทำให้พี่เขียนถึงชีวิตของพี่ตั้งแต่เด็กสมัยที่อยู่อินเดีย จนมาใช้ชีวิตที่อเมริกา เขียนถึงปรัชญาการใช้ชีวิต เขียนถึงวิสัยทัศน์ในการพัฒนาบริษัทและทำให้โลกเราน่าอยู่มากขึ้น
ผมประทับใจปรัชญา การใช้ชีวิต ของพี่หลายๆข้อ
1. ตอนเด็กๆพี่ย้ายไปมาหลายโรงเรียนที่อินเดีย จนอายุ 15 พี่มาที่ Hyderabad Public School (HPS) ซึ่งเป็นโรงเรียนผลิต CEO และคนเก่งๆ มากมาย เช่น Adobe, MasterCard (ผมรู้ว่าพี่ภูมิใจ 🙂) แต่สักพัก พ่อของพี่ต้องย้ายมาทำงาน UN ที่กรุงเทพ แต่พี่ไม่ยอมตามพ่อมา เพราะพี่รัก HPS และรักกีฬา Cricket มาก (ผมเข้าใจ) น่าเสียดายที่ พี่สอบเอนทรานซ์ไม่ติดที่ Indian Institutes of technology มหาลัยชั้นนำของอินเดีย แต่ชีวิตต้องสู้ต่อ พี่เลือกเรียน Electrical Engineering ที่มหาวิทยาลัยอื่น แล้วพี่ก็มาเรียนโทด้าน Computer Science ที่ Wisconsin เก่งเรื่อง database, SQL มาก แล้วพี่ก็ลำบากใจที่ต้องเลือก ว่าจะทำงานด้าน software เพื่อเปลี่ยนโลก หรือจะเรียน MBA หรือจะกลับอินเดียไปหาแฟนพี่ดี เป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญ (ผมเห็นใจ และเข้าใจ)
2. ที่ชื่นชมพี่มากคือ พอพี่ได้ green card ทำงานที่ Microsoft แล้ว พี่ก็หาทางให้ภรรยาของพี่ Anu (คำว่า อณู ลอยมาในหัวผมเลย ผมว่า อณู ชื่อไพเราะดีนะ ขออนุญาตพี่ใช้ละกัน) มาอยู่กับพี่
ด้วยกฎแปลกๆของอเมริกาสมัยนั้น ภรรยาจะมายากมากถ้าพี่มี green card พี่เลยเสียสละ ทิ้ง green card และขอเป็น visa ทำงาน H1B แทน แบบนี้ ภรรยาพี่จะมาได้ง่าย ชื่นชมพี่มาก ภรรยาต้องมาก่อนเรื่องงาน พี่พูดว่า (Anu was my priority. And that made my decision a simple one 🙏)
3. พี่บอกว่า Cricket สอนเรื่องธุรกิจและความเป็นผู้นำ อย่างน้อย 3 ข้อให้กับพี่
3.1 ต้องแข่งขัน ต่อสู้อย่างเต็มที่ด้วย passion แม้ต้องเผชิญความกลัว ความไม่แน่นอน
3.2 ทีมงานต้องมาก่อนเรื่อง KPI หรือความโดดเด่นส่วนตัว
3.3 ผู้นำต้องดึง ‘ของ’ ของแต่ละคนในทีมออกมา และต้องสร้างความมั่นใจ ความเชื่อมั่นให้กับลูกทีม
4. ตอนที่ Steve Balmer จะออกแล้ว Microsoft ต้องหา CEO คนใหม่ มีคนเก่งๆ แข่งขันกันมากมาย ต้องเขียนวิสัยทัศน์ ’เอาใจนาย (Bill Gate)’ แต่ Steve Balmer บอกพี่ว่า ‘Be your own man, don’t try to please Bill Gates or anyone else, be bold be right’ ผมเชื่อว่าพี่ทำตาม พี่เลยได้รับตำแหน่งนี้ 😀
5. ผมชอบที่พี่ตั้งคำถามว่า Why does Microsoft exist? ผมรู้พี่มีคำตอบในใจ แต่ที่ผมว่ามันสำคัญกว่าคือคนที่อยู่ข้างหลังพี่เค้าได้รับจิตวิญญาณนี้เข้าไปด้วยมั๊ย แล้วพี่จะทำอย่างไรให้เค้ารู้สึกถึงพลังของคำถามนี้ในจิตวิญญาณของเค้า
6. ที่ผมชอบที่สุดในหนังสือเล่มนี้ก็คือ พี่บอกว่า อณู เอาหนังสือ ของ Dr. Carol Dweck ชื่อ Mindset: The New Psychology of Success มาให้พี่อ่านหนังสือเล่มนี้บอกว่า คนที่มี growth mindset คือคนที่มีความเชื่อว่าเราพัฒนาตัวเองได้ เราทำได้ทุกอย่างถ้าเราเชื่อว่าเราทำได้และฝึกฝน (มนุษย์ฝึกได้ 😀) ตรงข้าม คนที่มี fixed mindset คือคนที่ไม่เชื่อว่าตัวเองทำได้ คนที่ทำได้คือเค้าเกิดมารวย หน้าตาดี มีเงิน มีพร้อม โรงเรียนดี เส้นสายดี เราฝึกทั้งชีวิตก็ทำไม่ได้หรอก
พี่บอกว่า ตอน อณู เอาหนังสือยื่นให้พี่ อณูไม่ได้คิดว่าพี่เป็นคนที่ประสบความสำเร็จอะไรหรอก 😅 แต่ อณูคิดถึงความสำเร็จของลูกสาวเรื่อง ‘ความแตกต่างในการเรียนรู้ (learning difference) แม้ว่า พี่กับอณู พี่กับลูกสาวคนนี้ อณูกับลูกชาย ต้องอยู่แยกกันคนละประเทศช่วงนั้นหลายปี
แต่ลูกสาวก็ตั้งใจเข้าใจ เรียนรู้อย่างดี พี่เลยย้ำถึง การเอาใจเขามาใส่ใจเรา (Empathy) ว่าพี่กับอณูเรียนรู้ว่า มันมีคุณค่ามาก มีพลังมาก มันช่วยให้เราผ่านปัญหาได้ทุกๆที่ ทั้งที่ Microsoft ที่บ้าน ทั้งโลก อันนี้แหละผมเห็นด้วยกับพี่อย่างมาก ผมอยากให้ทุกคนบนโลกรู้จัก การเอาใจเขามาใส่ใจเรา มี Emphaty อย่างที่พี่บอก
7. พี่บอกว่า จริงๆแล้ว ตัว C ใน CEO มันคือ Culture พี่บอกว่าหน้าที่หลักของพี่ในฐานะ Microsoft CEO คือการสร้าง Culture ซึ่งพี่หมายถึง การรู้จักเปิดใจฟัง การเรียนรู้ การสร้างแรงบันดาลใจให้คนอื่น ให้ตรงกับ mission ขององค์กร
ผมก็เห็นด้วยกับพี่อีก แม้บัวมี 4 เหล่า เราก็ต้องส่งเสริมกลุ่มบัวเหนือน้ำ ผมชอบพี่ที่บอกว่า พวก high-potential leader (พวกที่จะมาเป็น VP ของพี่ในอนาคต) ชอบเอา growth mindset มาเป็นอาวุธทำลายล้างคน “Hey, Satya, I know these five people who don’t have a growth mindset” พี่เลยต้องสอนพวก top manager เหล่านั้นว่า คนที่จะมาเป็น Vice President (VP) ในบริษัท The whinning is over ต้องเลิกบ่น อย่ามาพูดว่า กาแฟแถวนี้ไม่อร่อย คนเก่งๆมีไม่พอ ทำงานหนักก็ไม่ได้โบนัสเพิ่ม ไม่เติบโต พี่บอกว่า
“To be a leader in this company, your job is to find the rose petals in a field of shit” ผมชอบประโยคนี้ของพี่มากจนผมไม่อยากแปลไทยเลย ได้พลังจากคำว่า shit ของพี่ดี 😀
8. พี่พูดถึงวิสัยทัศน์ของพี่เรื่อง beyond the cloud ว่ามี 3 เรื่อง Mixed Reality, Artificial Intelligence, Quantum Computing พี่พูดถึงปัจจุบัน computing ด้วย GPU, TPU (Tensor Proceossing Unit), FPGA มันยังห่างชั้นกับ Quantum Computing และพี่ก็เชื่อว่า Quantum Computing มันจะทำให้ Artificial Intelligence มันฉลาดมากกว่านี้อีก
แต่ผมก็ขอให้คนที่เขียนโปรแกรมสอนมัน มีคุณธรรมมากๆด้วยนะครับ พอพี่เล่าถึงตอนที่พี่เจอ Dr. Qi คนที่พี่ทาบทามให้มาเป็น Head of AI and Research ผมนึกขึ้นมาว่า Head of AI and Research คนปัจจุบันของ google ก็เป็นคนจีน ผมรู้สึกว่าคนจีนเก่งๆมากมายทำงานด้าน AI
ผมเจอคนจีนเก่งๆหลายๆคนบน Online MOOC
ปกติไม่เคยเขียนยาวขนาดนี้มาก่อนเลย แต่ชอบจิตวิญญาณที่พี่ใส่ลงมาในหนังสือเล่มนี้ ผมเลยลองพยายามดึงมันออกมา แม้จะได้เพียงเศษเสี้ยว 😅
สุดท้าย ผมหลับตานึกภาพพี่อีกครั้งผมเห็นคำว่า
Emphathy, Family First, Better Future for Everyone and the World
ลอยมาเลย
สรุปความว่า
F5, Hit Refresh
😀😀👍👍

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา