21 ก.ย. 2021 เวลา 00:29 • หุ้น & เศรษฐกิจ
จีนสั่ง Alipay แยกธุรกิจสินเชื่อออกจากแอปฯ พร้อมส่งข้อมูลให้บริษัทที่รัฐบาลร่วมถือหุ้น
รัฐบาลจีนได้เริ่มออกกฎคุมเข้มบริษัทเทคโนโลยีจีนมากขึ้นนับตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยเริ่มจากการระงับการเสนอขายหุ้นของบริษัท Ant Group ในตลาดเซี่ยงไฮ้และฮ่องกงช่วงเดือนพฤศจิกายน โดยในการระดมทุนครั้งนี้เคยมีการคาดการณ์ว่า Ant จะสามารถระดมทุนได้ราว 34.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และมีมูลค่าตลาดโดยรวมกว่า 315 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มากกว่าบริษัท JPMorgan Chase เล็กน้อย แต่สูงกว่า Goldman Sachs ถึง 4 เท่า
นอกจากนี้ Ant คาดว่าจะทำลายสถิติการระดมทุนผ่านการทำ IPO ที่มูลค่ามากที่สุดในโลกแซงหน้า Saudi Aramco ที่เป็นบริษัทด้านน้ำมัน ปัจจุบันบริษัทจีน 3 แห่งติด 1 ใน 5 อันดับแรกของการทำ IPO ที่มีมูลค่าสูงสุด โดยการทำ IPO ครั้งที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ อยู่ที่ลำดับที่ 7 ของโลก
ตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ระบุว่าการเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ข้อบังคับของรัฐบาลจีนเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ Ant Group ขาดคุณสมบัติสำหรับการจดทะเบียนเข้าซื้อขายในตลาดและนักวิเคราะห์เชื่อว่าการระงับการเข้าจดทะเบียนนี้เป็นผลมาจากการที่ทางการจีนต้องการที่จะแสดงให้เห็นว่าบริษัทยักษ์ใหญ่ต่าง ๆ จะต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาล และจะไม่มีบริษัทใดมีอำนาจเหนือรัฐบาล
นับตั้งแต่การเสนอขายหุ้นของ Ant ถูกระงับ ทางการจีนได้พุ่งเป้าไปที่ธุรกิจขนาดใหญ่ในแวดวงอื่น ๆ เช่น Tencent (กลุ่มบริษัทเทคโนโลยีและเกม), Meituan (แพลตฟอร์มขนส่ง) และ TAL Education (สถาบันกวดวิชา) เพื่อที่จะจำกัดอำนาจทางการตลาดของพวกเขา เป็นผลทำให้ราคาหุ้นบริษัทเหล่านี้ร่วงลงอย่างหนัก
โดยถ้าหากนับตั้งแต่ช่วงต้นปีหุ้นเหล่านี้ราคาลดลงมาแล้วกว่า 20%, 21% และ 94% ตามลำดับ ในขณะที่ ดัชนีฮั่งเส็งกลุ่มเทคโนโลยีลดลงมากกว่า 25% ในช่วงเวลาเดียวกัน
เมื่อวันที่ 13 กันยายนที่ผ่านมารัฐบาลจีนได้มีคำสั่งให้แยกการให้บริการของแอป Alipay ซึ่งเป็นแอปบริการชำระเงินทางมือถือที่ใหญ่ที่สุดในโลกและมีจำนวนผู้ใช้งานมากกว่า 1 พันล้านราย โดยทางการจีนได้สั่งให้ Ant Group แยก Huabei ซึ่งให้บริการคล้ายกับบัตรเครดิต และ Jiebei ที่เป็นบริการปล่อยเงินกู้แบบไม่มีหลักประกัน ออกเป็นแอปพลิเคชันแยกจากกัน รวมทั้งส่งข้อมูลผู้ใช้งานให้กับบริษัทประเมินเครดิตสกอริ่งที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาลจีนใหม่อีกครั้ง ซึ่งหลังจากข่าวนี้ออกมา หุ้นของบริษัท Alibaba ก็ร่วงลงมามากกว่า 7% (ณ วันที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2564)
ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2564 นี้อัตราผลกำไรของ Ant Group อยู่ที่ประมาณ 13.6 พันล้านหยวน (2.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ลดลง 37% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าและต่ำกว่าไตรมาสเดือนมิถุนายนและกรกฎาคมของปี 2563 หากมองไปข้างหน้า ข้อจำกัดด้านกฎหมายที่เข้มงวดมากขึ้นในธุรกิจสินเชื่อ กฎหมายด้านการผูกขาดและความปลอดภัยทางข้อมูล คาดว่าจะขัดขวางแนวโน้มการเติบโตของผลกำไรและการประเมินมูลค่าของ Ant Group หากต้องการเข้าทำ IPO อีกครั้งหนึ่ง
นอกจากการเข้ามาควบคุมบริษัท Ant Group แล้ว กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศของจีน (MIIT) ยังได้ออกคำเตือนบริษัทอินเทอร์เน็ตและเว็บไซต์ต่าง ๆ เช่น Alibaba, Tencent และ ByteDance ไม่ให้บล็อกลิงก์ที่เชื่อมไปยังบริการของบริษัทคู่แข่ง เพื่อลดการผูกขาดและการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมในตลาด
การจำกัดการเข้าถึงบริการของคู่แข่งเป็นเรื่องปกติมากสำหรับแอปพลิเคชันในประเทศจีน ตัวอย่างเช่น แพลตฟอร์มการชำระเงินของ Tencent ที่มีชื่อว่า WeChat Pay ถูกบล็อกขณะเข้าเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซของ Alibaba และบริการของ Alibaba ก็ถูกปิดใช้งานผ่าน WeChat Pay เช่นกัน
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมารัฐบาลจีนได้ขยายขอบเขตการควบคุมบริษัทต่าง ๆ ส่งผลกระทบต่อหลายธุรกิจตั้งแต่ธุรกิจการจัดส่งอาหาร และกวดวิชา ไปจนถึงธุรกิจเกมและการพนัน โดยธุรกิจด้านสุขภาพอาจจะเป็นธุรกิจกลุ่มถัดไปที่ทางการจีนจะเข้ามาควบคุมดูแล
เพราะเป็นหนึ่งใน “ภูเขาใหญ่สามลูก” ซึ่งหมายความถึงค่าใช้จ่ายหลัก ๆ ที่ผู้คนส่วนใหญ่ต้องจ่ายซึ่งได้แก่ค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา ที่อยู่อาศัยและการดูแลสุขภาพ โดยหุ้นบริษัทกลุ่มธุรกิจด้านสุขภาพร่วงลงอย่างหนักมาตั้งแต่ต้นปี เช่น JD Health ลดลงกว่า 46% และ Alibaba Health ลดลงกว่า 45%
Goldman Sachs มองว่ากฎระเบียบที่เข้มงวดขึ้นของจีนจะส่งผลกระทบเพียงเล็กน้อยต่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจในระยะยาวและแนวโน้มการลงทุนของประเทศแม้ว่าจะก่อให้เกิดความผันผวนในระยะสั้นในตลาดการเงินก็ตาม
การเข้ามาจัดระเบียบคาดว่าจะช่วยสร้างการแข่งขันที่เท่าเทียมกันในตลาดและเพิ่มโอกาสให้กับผู้เล่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับกลุ่มธุรกิจขนาดเล็ก และรักษาผลประโยชน์ของผู้บริโภครายย่อย
สำหรับในตอนนี้อาจจะยากที่จะประเมินว่าควรลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีจีนหรือไม่เพราะแม้แต่ในหมู่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการลงทุนก็ยังมีความเห็นที่แตกต่างกันออกไป Masayoshi San ซีอีโอของบริษัท Soft Bank เลือกที่จะรอดูและจำกัดการลงทุนใหม่ในประเทศจีน
ขณะที่ Cathie Wood ผู้บริหารของ Ark Invest ตัดสินใจที่จะลดจำนวนการลงทุนในหุ้นจีนลงอย่างมาก และเปลี่ยนการถือครองหุ้นบางส่วนให้เป็นบริษัทที่เกี่ยวข้องและสนับสนุนเป้าหมายของรัฐบาลจีนซึ่งก็คือ “ความมั่งคั่งร่วมกัน” หรือ “Common Prosperity” อย่างไรก็ดีสุดท้ายนี้ สิ่งที่เราทราบแน่ชัดเลยก็คือการเข้ามาควบคุมดูแลกิจการต่างๆ ของทางการจีนยังคงจะดำเนินต่อไปอีกแน่นอน และความไม่แน่นอนในตลาดการเงินจะยังคงอยู่ไปอีกซักระยะหนึ่ง
#GlobalEconomicUpdate #Economic #Alipay #AntGroup
#Bnomics #Economics #เศรษฐศาสตร์เป็นเรื่องง่ายสำหรับทุกคน
ผู้เขียน : ธีระภูมิ วุฒิปราโมทย์ Economist, Bnomics
ภาพประกอบ : ชนากานต์ วรสุข Graphic Designer, Bnomics
▶︎ ติดตามช่องทางของ Bnomics ได้ที่
Line OA : @Bnomics https://bit.ly/3eYkTJC
Bnomics - Bangkok Bank Economics
'Be an Economist for Everyone'
วิเคราะห์ เจาะทุกประเด็นเศรษฐกิจ ให้เป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา