21 ก.ย. 2021 เวลา 13:50 • ประวัติศาสตร์
สเปนวันละนิดมีใจนำเสนออออ~
“ประวัติประเทศสเปนที่หลายคนอาจไม่เคยรู้” 🇪🇸
ประวัติประเทศสเปนที่หลายคนอาจไม่เคยรู้
สเปน (ESPAÑA) เป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ผ่านการยึดครองจากหลายชนชาติ อาทิ กรีก คาร์เธจ โรมัน วิสิกอธ มัวร์ และคริสเตียน ตามช่วงเวลาสำคัญดังนี้
1100-500 ปีก่อนคริสตกาล : ชาวฟินิเซียนและชาวกรีกเข้ามายังชายฝั่งคาบสมุทรที่ชาวไอบีเรียตั้งรกรากอยู่ก่อนแล้ว
300-100 ปีก่อนคริสตกาล : ชาวคาร์เธจเข้ายึดครองพื้นที่ตะวันออกเฉียงใต้ของสเปน ต่อมาเกิดสงครามกับชาวโรมัน ชาวโรมันได้ชัยชนะและเข้าครอบครองสเปนเป็นเวลา 200 ปี
ค.ศ. 1 : ศาสนาคริสต์เผยแพร่เข้ามาในสเปน
ค.ศ. 409 : ชาวแวนดัลและอารยันจากดินแดนตอนเหนือรุกรานสเปน
ค.ศ. 414 : ชาววิสิกอธมีชัยเหนือชาวสวาเบียนและแวนดัล ราชวงศ์คริสต์ขึ้นปกครองสเปนเป็นเวลาสามศตวรรษ
ค.ศ. 589 : สเปนรับศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกเป็นศาสนาประจำชาติ
ค.ศ. 711 : ชาวมัวร์เข้าบุกรุกและยึดครองสเปน
1
ค.ศ. 1492 : เมืองกรานาดาที่มั่นสุดท้ายของชาวมัวร์ถูกชาวคริสเตียนยึดครองอย่างสมบูรณ์ (สงครามระหว่างคริสเตียนกับชาวมัวร์มีระยะเวลายาวนานเกือบ 800 ปี ซึ่งเรียกสงครามนี้ว่า “LA RECONQUISTA” หรือ “การพิชิตดินแดนคืน”)
12 ต.ค. 1492 : คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ค้นพบทวีปอเมริกา จากนั้นสเปนได้ขยายดินแดนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่แคลิฟอร์เนียถึงแหลมฮอร์น โปรตุเกส อิตาลีตอนกลางและตอนใต้ รวมถึงดินแดนในทวีปเอเชีย ได้แก่ ฟิลิปปินส์
ค.ศ. 1936-1939 : สงครามกลางเมืองภายหลังการเลือกตั้งในปี 1936 โดยกบฎฝ่ายขวา (ฝ่ายชาตินิยม) นำโดยนายพลฟรันซิสโก ฟรังโก ได้รับชัยชนะเมื่อวันที่ 1 เม.ย.
ค.ศ. 1939 ส่งผลให้นายพลฟรังโก ขึ้นปกครองประเทศภายใต้ระบบฟาสซิสต์
ค.ศ. 1975 : ภายหลังการถึงแก่อสัญกรรมของนายพลฟรังโก เจ้าชายฆวน การ์โลส ราชาภิเษกขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งสเปน และเริ่มการปกครองระบอบประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขจวบจนปัจจุบัน
ธงชาติประเทศสเปน
ประวัติศาสตร์ความเป็นมาของประเทศสเปน เริ่มมาจากอาณาเขตส่วนใหญ่ซึ่งตั้งอยู่ บนคาบสมุทร Iberian ในเขตภูมิภาคยุโรปใต้ โดยมีพัฒนาการมาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์เสียอีก การพัฒนานี้ได้เดินทางผ่านทั้งยุครุ่งเรืองและช่วงตกต่ำของจักรวรรดิแห่งแรกของโลก จนกลายมาเป็นสเปนในปัจจุบันนี้เอง ซึ่งเป็นช่วงฟื้นฟูหลังจากสมัยการปกครองแบบเผด็จการของนายพลฟรังโกได้เสื่อมไป มีอยู่หลายช่วงที่ประวัติศาสตร์ของสเปนเต็มไปด้วยความความรุนแรง มีสาเหตุอันเนื่องมาจากนโยบายที่จะจัดการกับความแตกต่างทางเชื้อชาติ ศาสนา ความเชื่อในดินแดนของตนนั่นเอง
มนุษย์ได้เดินทางเข้ามาในคาบสมุทร Iberian เป็นเวลากว่า 35,000 ปีมาแล้ว ตามมาด้วยผู้รุกรานรวมทั้งผู้ตั้งอาณานิคมชนชาติต่าง ๆ จากตลอดระยะเวลานับพันปี ถึง 200 ปีก่อนคริสต์ศักราช ทั้งคาบสมุทรได้ตกเป็นส่วนหนึ่งของโรมัน ก่อนที่จะตกไปอยู่ภายใต้การปกครองของชาววิซิกอท ต่อมาในปี ค.ศ. 711 ชาวแอฟริกาเหนือ ซึ่งเป็นชาวอิสลาม ก็เริ่มเข้ามามีอำนาจ
จนในที่สุดอาณาจักรอิสลามก็ได้ขึ้นปกครองบนคาบสมุทรแห่งนี้ได้สำเร็จ เป็นเวลาประมาณ 750 ปี แต่ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ก็ได้เกิดเหตุการณ์ยึดดินแดนคืนของชาวคริสต์ โดยค่อยๆ รุกล้ำพื้นที่ลงไปทางใต้ จนถึงจุดสิ้นสุดเมื่อชาวคริสต์สามารถพิชิตที่มั่นแห่งสุดท้ายของชาวมุสลิมได้ในปี ค.ศ. 1492 ส่งผลให้ราชอาณาจักรรวมทั้งรัฐคาทอลิกต่างๆ บนคาบสมุทร Iberian ก็ได้พัฒนาขึ้น ทำให้ราชอาณาจักร Castilla และราชอาณาจักร Aragón ด้วย จากการรวมกันของอาณาจักรทั้ง 2 นี้ได้นำไปสู่ความเป็นปึกแผ่นแห่งรัฐชาติสเปนในเวลาต่อมา
ต่อมาปี ค.ศ. 1492 จากการที่ Christopher Columbus ได้ค้นพบโลกใหม่ ซึ่งได้กลายเป็นปัจจัยสำคัญต่อการพัฒนาความมั่งคั่งรวมทั้งความแข็งแกร่งให้กับสเปน จนทำให้สเปนที่เป็นเจ้าอาณานิคมได้กลายเป็นชาติมหาอำนาจซึ่งมีความสำคัญมากที่สุดในเวทีโลก แต่มีด้านดีก็ต้องมีด้านมืดประวัติศาสตร์สเปนในช่วงนี้เต็มไปด้วยจุดด่างพร้อย ในเรื่องการขับไล่ชาวยิวและชาวมุสลิม รวมทั้งปฏิบัติต่อชนพื้นเมืองอย่างไม่ยุติธรรม
อีกไม่กี่ศตวรรษต่อมา จักรวรรดิของสเปนได้ทำการขยายอาณาเขตโดยเริ่มจากแคลิฟอร์เนียไปจน Patagonia ในช่วงนี้ราชวงศ์ Habsburg จากออสเตรียเข้ามามีอำนาจในสเปนแล้ว เนื่องจาก สเปนได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับสงครามและความขัดแย้งทางด้านศาสนารวมทั้งชิงความเป็นใหญ่กันเองหลายรอบ จึงทำให้สเปนสูญเสียดินแดนในความครอบครองที่ในปัจจุบัน ได้แก่ เนเธอร์แลนด์ , เบลเยียม , อิตาลี และผลเสียจากสงครามก็ทำให้สเปนต้องตกอยู่ในสภาพล้มละลายอีกด้วย พอเวลาล่วงเลยไป อำนาจก็เสื่อมถอยลงตามลำดับ พอสิ้นสุดคริสต์ศตวรรษที่ 19 ได้ถูกฝรั่งเศสเข้ารุกราน บวกกับความพ่ายแพ้ในการทำสงครามกับอเมริกา จึงทำให้สเปนเสียอาณานิคมไปเกือบทั้งหมด
1
โฆษณา