22 ก.ย. 2021 เวลา 00:55 • ไลฟ์สไตล์
3 ประเทศที่ต้องไปสักครั้ง
1
3 ประเทศที่ต้องไปสักครั้ง
ประเทศญี่ปุ่น (ดินแดนแห่งอาหาร วัฒนธรรม และธรรมชาติ)
ประเทศยอดฮิตนี้มีวัฒนธรรมอันโดดเด่น ธรรมชาติที่งดงาม ปลาที่สดสะอาด อาหารอร่อย และที่สำคัญเป็นศูนย์รวมแหล่งสะสมตัวการ์ตูนที่เราชอบมากมาย ชนชาติญี่ปุ่นเป็นตัวอย่างของความขยัน อดทน และประสบความสำเร็จมาเป็นประวัติกาล เมืองหลวงของญี่ปุ่นอย่างโตเกียว ก็เป็นศูนย์กลางของแฟชั่นใหม่มากๆ แต่ถ้าหากชอบวัฒนธรรมและอาหารก็สามารถไปเมืองอื่นๆได้ซึ่งแต่ละเมืองมีเอกลักษณ์ของตัวเอง
2
พระราชวังอิมพีเรียล แต่เดิมมีชื่อว่า พระราชวังเอะโดะ อีก หนึ่งสถานท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งในประวัติศาสตร์ ตั้งอยู่ที่เมืองโตเกียว เพราะเป็นสถานที่ประทับของสมเด็จพระจักรพรรดิแห่งราชวงศ์เมจิ แห่งประเทศญี่ปุ่น เดิมที่นี่เป็นหมู่บ้านประมงเล็กที่ชื่อ เอะโดะ ที่ถูกตั้งเป็นฐานที่มั่น รวมทั้งถูกตั้งเป็นศูนย์กลางของรัฐบาลทหาร ต่อมาได้ขยายเมืองให้ใหญ่ขึ้น จนมีประชากรและพื้นที่เมืองขนาดใหญ่มากขึ้น หลังจากนั้นเข้าสู่ยุคปฏิรูปเมจิ การล้มล้างการปกครองแบบโชกุนลง จักรพรรดิเมจิจึงย้ายเมืองหลวงมาที่เอะโดะ และเปลี่ยนชื่อเมืองเป็นโตเกียวในปัจจุบัน ที่นี่จึงเป็นศูนย์กลางทางการปกครองและวัฒนธรรมของประเทศ และถูกเปลี่ยนให้เป็นพระราชวังในเวลาต่อมา มีชื่อเรียกว่า พระราชวังอิมพิเรียล ในปัจจุบัน
โตเกียว ทาวเวอร์ หอคอย สื่อสารขนาดใหญ่ที่สวยงามมาก ตั้งอยู่ในเขตมินะโตะ กรุงโตเกียว เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงเพราะใน 1 ปี มีผู้ร่วมเข้าชมถึง 2 ล้าน 5 คน อีกทั้งยังเป็นเหมือนสัญลักษณ์เพื่อแสดงถึงอำนาจและอิทธิพลทางเศรษฐกิจของ โลก เป็นที่ถ่ายทอดสัญญาณโทรทัศน์ วิทยุ ซึ่งที่นี่ได้แรงบันดาลใจมาจากหอคอยสูงในปารีส สร้างในสไตล์สถาปัตยกรรมโบราณแบบญี่ปุ่น ทั้งนี้ โตเกียว ทาวเวอร์ จะเปิดทำการตั้งแต่ 09.00-20.00 น. โดยไม่มีวันหยุด ใครที่มาเที่ยวญี่ปุ่นแล้วไม่มาเยือนที่นี่ถือว่ามาไม่ถึงญี่ปุ่นเลย
ชิราคาวาโกะ (Shirakawako) หมู่บ้านท่ามกลางหุบเขา ตั้งอยู่ในจังหวัดกิฟุ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแห่งที่ 6 ในประเทศญี่ปุ่น เพราะเป็นหมู่บ้านที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น หลังคามุงด้วยฟางข้าว สร้างขึ้นด้วยมือที่เรียกว่า การสร้างบ้านแบบ กัตโชทสึคุริ (Gassho-zukuri) เป็นบ้านชาวนาโบราณที่มีอายุมากกว่า 250 ปี คำว่า “กัสโช” หมายความว่า พนมมือ ซึ่งเป็นการบ่งบอกถึงลักษณะรูปแบบของบ้านที่มีหลังคามุงด้วยฟางข้าวชันถึง 60 องศา คล้ายสองมือที่พนมเข้าหากัน มุงแบบลาดลงคล้ายหน้าจั่ว เพื่อให้ทนทานต่อหิมะและลมในฤดูหนาว ตัวบ้านมีความยาวประมาณ 18 เมตร และมีความกว้าง 10 เมตร สร้างขึ้นโดยไม่ใช้ตะปู ซึ่งบางแห่งสามารถเข้าพักค้างคืนได้ แถมยังเป็นกิจการที่เปิดภายในครัวเรือนที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เห็นการ ใช้ชีวิตแบบดั่งเดิมของชาวญี่ปุ่นอย่างแท้จริง
ภูเขาฟูจิ เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น และอาจกล่าวได้ว่าเป็นภูเขาที่สวยที่สุดในโลก มีความสูงถึง 3,776 เมตร ตั้งอยู่ระหว่างจังหวัดยะมะนะชิและชิซุโอะกะ และสามารถมองเห็นได้จากโตเกียวและโยโกฮาม่าในวันที่ท้องฟ้าปลอดโปร่ง วิธีที่จะได้เห็นภูเขาฟูจิที่ง่ายที่สุด คือ นั่งชมจากรถไฟสายโทไกโดที่วิ่งระหว่างเมืองโตเกียวและโอซาก้า ถ้าคุณนั่งชินกันเซ็นจากโตเกียวที่มุ่งหน้าไปยังนาโงย่า เกียวโต และโอซาก้า ช่วงที่จะได้เห็นภูเขาฟูจิ คือ ช่วงสถานีชิน-ฟูจิ หรือประมาณ 40-45 นาที หลังจากออกจากโตเกียว ซึ่งจะมองเห็นได้ทางด้านขวามือของรถไฟ แต่สำหรับผู้ที่อยากชมภูเขาฟูจิอย่างเต็มอิ่ม และแวดล้อมด้วยธรรมชาติที่งดงามขอเชิญที่ ทะเลสาบทั้งห้า (Fuji Five Lake or Fujigoko) หรือที่ ฮะโกะเนะ ซึ่งเป็นรีสอร์ทบ่อน้ำพุร้อนและเป็นหนึ่งใน อุทยานแห่งชาติ Fuji-Hakone-Izu
ประเทศไต้หวัน (สะพานเชื่อมวัฒนธรรมของคนสองรุ่น)
จริงๆแล้วขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน แต่เมื่อคุณไปประเทศอื่นในเอเชีย คุณจะพบว่าบางทีคนแก่และหนุ่มสาวจะมีความคิดที่ต่างกันมากเกินไปจนทำให้อยู่ร่วมกันไม่ได้บ่อยครั้ง เพราะบางทีผู้สูงอายุมีความเชื่อเก่าแก่ที่เด็กสมัยใหม่เห็นว่าไม่จำเป็นต้องทำตามเพราะไม่สามารถพิสูจน์อะไรได้ แต่หากคุณมาไต้หวันคุณจะพบว่าผู้สูงอายุสามารถเข้าใจการเที่ยวกลางคืนของหนุ่มสาว ไม่ได้ห้ามเหมือนประเทศอื่นๆ และแน่นอนว่าเด็กหนุ่มสาวก็ยังเข้าใจวัฒนธรรมและปฎิบัติตามธรรมเนียมเก่าแก่เป็นอย่างดีอีกด้วย นอกจากเรื่องนี้แล้ว สถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติก็มีมากมาย ทั้งป่าดิบชื้นและภูเขาที่สวยงามเหมาะสำหรับการไปปีนเขา และแน่นอนว่าหากคุณอยากมาสงบใจ คุณก็จะพบวัดวาอารามมากมายอีกด้วย
ที่เที่ยวไต้หวัน เริ่มที่พิกัดแลนด์มาร์คอันเป็นไฮไลท์ที่สุดของเมืองกันก่อนแลยดีกว่าที่ ตึกไทเป 101 (Taipei 101) กับตึกที่มีความสูงเป็นอันดับ 2 ของโลก ซึ่งตั้งเด่นตระหง่านอวดความสูงเสียดฟ้าใจกลางกรุงไทเป ที่ระดับความสูงถึง 509 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลของอาคารที่มีจำนวน 101 ชั้นตามชื่อตึก ไทเป 101 โดยมีทีเด็ดสำหรับนักท่องเที่ยวอยู่ที่ชั้น 91 ซึ่งเปิดเป็นจุดชมวิวเมืองไทเปมุมสูงแบบพาโนราม่า 360 องศาที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของเมือง
ที่เที่ยวไต้หวัน ศูนย์ความคิดสร้างสรรค์ฮัวซาน 1914 (Huashan 1914 Creative Park) พิกัดท่องเที่ยวร่วมสมัยฮิป ๆ ซึ่งดัดแปลงมาจากอาคารเก่าแก่ดั้งเดิมสไตล์ยุโรป ในอดีตเคยเป็นโรงงานผลิตไวน์และบุหรี่ขนาดใหญ่ ที่ถูกทิ้งร่างเอาไว้นานนับ 10 ปีมาก่อน จนได้รับการบูรณะปรับปรุงให้เป็นพื้นที่แห่งการครีเอทีฟแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับการออกแบบ พื้นที่จัดแสดงงานศิลปะ ไปจนถึงคาเฟ่ ร้านอาหาร และร้านจำหน่ายสินค้าแนวคราฟต์อีกด้วย โดยมีกิมมิคอยู่ที่อาคารสีเขียวซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยต้นไม้ทั้งหลัง
ดื่มด่ำกับความร่วมสมัยกันไปแล้ว ก็ไปกับต่อให้สุดกับพิกัดที่เที่ยวไต้หวันที่ต่อไปที่ เมืองโบราณจิ่วเฟิ่น (Jiufen) เมืองเก่าแก่เล็ก ๆ ริมภูเขาในเขตเมืองนิวไทเป ซึ่งเป็นหนึ่งแลนด์มาร์คสุดฮอตอันเป็นไฮไลท์ของการท่องเที่ยวไต้หวัน กับสถาปัตยกรรมเก่าแก่แบบจีนดั้งเดิมทรงเสน่ห์และมีมนต์ขลังน่าหลงใหล ของหมู่อาคารไม้โบราณที่ตั้งเรียงรายไล่ระดับตามแนวไหล่เขา ประดับประดาด้วยโคมไฟสีแดงเก๋ ๆ แบบจีน บนทำเลที่ตั้งสุดปัง รายล้อมด้วยทัศนียภาพสวย ๆ วิวภูเขาสีเขียวสบายสายตา และอากาศดี ๆ สุดชิลล์ ที่เงียบสงบและเป็นส่วนตัว
ที่เที่ยวไต้หวัน ย้ายออกจากพิกัดธรรมชาติแสนสงบ มาสู่เมืองท่าทางตอนเหนือของไต้หวันสุดคึกคักรักในเขตเมืองนิวไทเปกันบ้าง กับท่าเทียบเรือบริเวณปากแม่น้ำตั้นสุ่ย (Tamsui Fisherman’s Wharf) ท่าเทียบเรือริมทะเลในบรรยากาศสุดชิลล์ และทัศนียภาพแสนโรแมนติกของอาคารสไตล์ยุโรปริมท้องทะเลกว้าง อีกหนึ่งจุดชมวิวธรรมชาติยอดนิยมของทั้งชาวไต้หวันและนักท่องเที่ยว โดยมีทีเด็ดอยู่ที่สะพานโค้งสีขาวรูปร่างคล้ายใบของเรือใบ ที่ทอดตัวโดดเด่นสะดุดตาแข่งกับบรรยากาศน่าประทับใจ
ประเทศภูฎาน (นครแห่งความสงบเย็น)
ในวันหนึ่งที่เราต้องเจอความเร่งรีบและความเครียดมากมาย การเดินทางไปพักผ่อนที่ภูฎานเป็นคำตอบที่ดีที่สุดที่จะทำให้ความเครียดของคุณจางหายไป แน่นอนว่าหากคุณไปที่นี่ย่อมเกิดแรงบันดาลใจมากมาย ส่วนวิวธรรมชาติที่นี่รับรองว่าจะทำให้คุณลืมหายใจไปเลยทีเดียว ไม่ว่าจะอาหารหรือวัฒนธรรมต่างๆ …ประเทศนี้จะให้ประสบการณ์ที่มีคุณค่ากับคุณมากมายแน่นอน
เปิดด้วยการนำเที่ยวเมืองพาโร (Paro) เมืองที่อยู่ทางตะวันตกมีแม่น้ำไหลผ่านถึง 3 สาย ได้แก่ แม่น้ำตอสา, แม่น้ำวัง และแม่น้ำพูนาซอง ซึ่งเป็นที่ตั้งของท่าอากาศยานนานาชาติพาโร ภูฏาน จึงยกให้เป็นประตูสู่ภูฏานที่สวยงาม สำหรับเวลาของที่นี่จะช้ากว่าเมืองไทยนิดหน่อยประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะ เพียงแค่เดินเที่ยวเล่นก็เหมือนได้ดื่มด่ำกับความงามที่ไม่มีใครเหมือน
ในส่วนสถานที่เที่ยวน่าไปในเมืองพาโรคงต้องพูดถึง คือ ป้อมปราการสีขาวโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบภูฏานแท้ ๆ สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1644 โดดเด่นเห็นชัดเจนเป็นแลนด์มาร์กสำคัญในเมืองพาโร ถูกยกให้เป็น “ป้อมอัญมณี” (The Fortress on the heap of Jewels) ควรมาเที่ยวช่วงฤดูใบไม้ผลิเนื่องจากมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามน่าประทับใจค่ะ อย่าลืมถ่ายภาพคู่กับสะพานแขวนที่ก่อสร้างด้วยไม้ทอดผ่านข้ามแม่น้ำด้วยนะคะ
ที่เที่ยวแห่งนี้อยู่ในป้อมตาซอง เมืองพาโร เดิมทีเคยเป็นหอสังเกตการณ์ในยุคโบราณค่ะ ตอนนี้ปรับเปลี่ยนเป็นที่รวบรวมงานศิลป์ และของเก่าแก่ของภูฏานไว้ที่นี่ หากอยากรู้จักประเทศนี้มากขึ้นต้องมาให้ได้จ้า
พูดถึงการเที่ยวภูฏานเมืองแห่งศาสนา เราคงต้องบอกเล่าถึงเรื่องราววัดวาอารามน่าท่องเที่ยวด้วยค่ะ มาเริ่มจากวัดตัมซู (Tamchoe Monastery) หรือวัดเขายอดอาชา เราสามารถชมวิวแม่น้ำปาโรชูและแม่น้ำทิมพูชูบรรจบกันได้ที่นี่ โดยความน่าสนใจคือสะพานเหล็ก เป็นสะพานโซ่เหล็กที่ร้อยรัดด้วยมือแบบแฮนด์เมด เพื่อเป็นสะพานทอดยาวให้เราเดินเท้าเข้าวัดโบราณแห่งนี้ ซึ่งตอนเดินผ่านสะพานจะให้อารมณ์โยกเยกนิด ๆ เอาเป็นว่า ค่อยเดินอย่างมีสตินะคะ
โฆษณา