22 ก.ย. 2021 เวลา 05:55 • สุขภาพ
## สิงคโปร์เดินหน้าฉีดวัคซีนและตรวจเชิงรุก กำชับห้ามคนจับกลุ่มคุย หลังตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ทำสถิติสูงสุดในรอบ 1 ปี ##
2
หากพูดถึงประเทศในเอเชียที่ทั่วโลกมองว่ารับมือและควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ดี ต้องมีชื่อของสิงคโปร์ขึ้นมาเป็นอันดับแรกๆ
1
ในตาราง Covid Resilience Ranking ของ Bloomberg เมื่อ 26 สิงหาคมที่ผ่านมา สิงคโปร์ก็อยู่ที่อันดับ 8 ของโลกและเพิ่งไต่อันดับขึ้นมา 3 ตำแหน่งจากการจัดอันดับครั้งก่อนหน้า และหลายๆ คนก็คาดหวังว่าสิงคโปร์ซึ่งวางแผนที่จะให้คนอยู่กับโควิดและธุรกิจต่างๆ เปิดดำเนินการเหมือนปกติได้จะผ่อนคลายมาตรการมากขึ้น จาก “ช่วงเตรียมตัว” ไปสู่ “ช่วงเปลี่ยนผ่าน ขั้น A” (Transition Stage A)
แต่เหตุการณ์กลับไม่เป็นเช่นนั้น ตอนนี้นอกจากจะระงับแผนที่จะผ่อนคลายมากขึ้นหรือเปิดประเทศแล้วยังกระชับมาตรการให้ประชาชนระวังตัวมากขึ้นอีกด้วย นั่นก็เพราะ ตัวเลขผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นอย่างน่าตกใจ ตัวเลขรายวันทำสถิติสูงที่สุดในรอบกว่า 1 ปี บางวันทะลุ 1,000 ราย ทั้งๆ ที่ประชากรในสัดส่วนถึง 82% ได้รับวัคซีนโควิดครบแล้ว
1
╔═══════════╗
ZERO COVID THAILAND เพจสำหรับแชร์ข้อมูลที่ถูกต้อง เพื่อช่วยยุติการแพร่กระจายของโควิด-19ในไทย
#กดไลค์และติดตามเพจ เพื่อรับแนวทางป้องกันโควิด-19 อย่างทันท่วงที งานวิจัย และ ข้อมูลเชิงวิทยาศาสตร์แบบเข้มข้น
╚═══════════╝
📌 กระชับขึ้นอีกนิด เว้นระยะห่างทางสังคม และเพิ่มการตรวจเชิงรุก
แม้ว่าสิงคโปร์จะไม่ได้ประกาศมาตรการใหม่ที่เข้มงวดหรือแข็งกร้าว แต่ก็เพิ่มความเข้มข้นและเตือนให้คนระมัดระวังมากขึ้น
ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาลของสิงคโปร์ห้ามการรวมตัวและพูดคุยเจ๊าะแจ๊ะกันในที่ทำงาน โดยเฉพาะที่ห้องอาหารซึ่งแต่ละคนมักจะถอดหน้ากากออก นอกจากนี้ยังตั้งเงื่อนไขว่า ที่ทำงานแห่งไหนที่มีคนติดโควิด จะต้องใช้นโยบายให้ทำงานที่บ้าน 14 วัน
ส่วนทางรัฐบาลเองก็เร่งการตรวจเชิงรุก ทั้งด้วยวิธี PCR และการใช้ชุดตรวจแอนติเจนแบบเร็ว ที่บ้านเขาเรียกว่า ART (Antigen Rapid Test) อีกด้วย
1
นอกจากนี้ Agency for Integrated Care (AIC) หน่วยงานที่ดูแลสวัสดิภาพผู้สูงอายุของสิงคโปร์ได้ประกาศให้ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่อายุ 60 ปีขึ้นไปหลีกเลี่ยงการออกนอกบ้านและการเข้าสังคม รวมถึงขอให้ผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้านเดียวกับผู้สูงอายุใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษด้วย เพราะหากผู้สูงอายุติดเชื้อโควิด-19 ขึ้นมาก็จะเสี่ยงต่ออาการแทรกซ้อนและรุนแรงมากกว่าคนกลุ่มอื่น
1
จริงอยู่ ณ ปัจจุบัน สิงคโปร์มีประชากรประมาณ 5.7 ล้านคน จำนวนผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงมีไม่ถึง 10% และยอดผู้เสียชีวิตก็ยังไม่มากนัก แต่รัฐบาลสิงคโปร์ก็ต้องตัดสินใจดำเนินการอย่างรวดเร็วเพื่อให้มั่นใจว่าเหตุการณ์จะไม่เลวร้ายลงถึงขั้นที่โรงพยาบาลรับไม่ไหว
📌 ตัวเลขพุ่งพรวด ต้องจัดการอย่างรวดเร็ว
เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม สิงคโปร์ยังมียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่รายวันไม่ถึง 100 แต่ข้อมูล ณ วันที่ 20 กันยายน 2564 สิงคโปร์พบผู้ติดเชื้อรายใหม่จำนวน 917 คน ซึ่งเป็นการติดเชื้อในชุมชน 832 คน แรงงานข้ามชาติ 78 คน และเป็นผู้ที่มาจากต่างประเทศ 7 คน
ในจำนวนผู้ติดเชื้อ มี 1,055 คนอยู่ในโรงพยาบาล มีอาการรุนแรงที่ต้องให้ออกซิเจน 128 คน และอยู่ในไอซียู 18 คน
ในรอบ 28 วัน ผู้ติดเชื้อ 98% มีอาการน้อยหรือไม่มีอาการเลย ในจำนวนนี้ 54.5% ได้รับวัคซีนครบแล้ว 45.5% ยังได้รับวัคซีนไม่ครบหรือยังไม่ได้รับวัคซีนเลย มีผู้เสียชีวิตในช่วงนี้ 12 ราย
2
ลอว์เรนซ์ หว่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังซึ่งเป็นประธานร่วมของคณะทำงานเฉพาะกิจด้านโคโรนาไวรัสของสิงคโปร์ได้กล่าวไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ตัวเลขสำคัญที่จะบ่งชี้ว่าจะเปิดประเทศหรือไม่ คือตัวเลขผู้ที่อยู่ในไอซียู ซึ่งปัจจุบันสามารถรับได้ 300 เตียง แต่ก็เพิ่มได้ถึง 1,000 เตียง
เขากล่าวว่าในตอนนี้สถานการณ์ยังถือว่าอยู่ในระดับที่รับมือได้ แต่จะต้องติดตามอย่างใกล้ชิดโดยเฉพาะในช่วง 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งถือว่าเป็นช่วงเวลาที่สำคัญมาก และ “ตัวเลข [จำนวนผู้ติดเชื้อ] อาจเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็ว”
ในจำนวนผู้ป่วยใหม่ของเดือนนี้ กว่า 2,000 คนมีอายุมากกว่า 60 ปี ซึ่งส่วนหนึ่งอยู่ในคลัสเตอร์บ้านพักคนชราและถูกตรวจพบด้วยมาตรการเชิงรุก หลังจากมีกรณีแรกซึ่งพบผู้ป่วยที่มีอาการเมื่อวันที่ 8 กันยายนที่ผ่านมา
ล่าสุด สิงคโปร์ได้ประกาศให้ผู้สูงอายุจำนวน 140,000 คนมารับวัคซีนเข็มที่ 3 เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันแล้ว
ไม่เพียงเท่านั้น รัฐบาลของสิงคโปร์ยังได้รายงานถึงกลุ่มเฝ้าระวัง ซึ่งจำนวนมากเป็นการเฝ้าระวังการแพร่เชื้อในที่ทำงาน คลัสเตอร์ตามหอพักต่างๆ และการติดเชื้อของพนักงานรถโดยสารสาธารณะ
📌 วัคซีน หน้ากาก และการตรวจเชิงรุก
ในการประชุม Asean-EU Health Summit เมื่อวันที่ 15 กันยายน รัฐมนตรีสาธารณสุขของสิงคโปร์ ออง ยี คัง ยืนยันว่า สิงคโปร์จะยังคงให้ประชาชนเลือกว่าจะฉีดวัคซีนหรือไม่และไม่ใช้วิธีบังคับ อย่างไรก็ตาม การสวมหน้ากาก "จะเป็นหนึ่งในสิ่งท้ายๆ ที่จะยกเลิก" เพราะทำได้ง่าย มีประสิทธิภาพและช่วยชะลอการแพร่ของไวรัสได้จริง
ส่วนรัฐมนตรีหว่อง ก็ได้บอกไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า จะเดินหน้าปกป้องประชาชนด้วยการฉีดวัคซีนและการตรวจเชิงรุกต่อไป
1
"ตอนนี้เราน่าจะตั้งเป้าหมายที่จะเป็นชาติแห่งการทดสอบ ซึ่งการทดสอบ (หาเชื้อ) กลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิต"
1
ได้เห็นบทเรียนจากสิงคโปร์แล้ว เราคงไม่อาจปล่อยให้การ์ดตกได้เลยนะคะ ซึ่งการระมัดระวังปกป้องตัวเองและสังคมของเราจะนำไปสู่อิสรภาพในวิถีชีวิตปกติได้แน่ค่ะ
เพื่อปกป้องตัวเองและคนที่คุณรักจากไวร้สร้ายนี้ นอกจากการ #ใส่ใจเรื่องอาหาร การกินแล้ว การใส่ #หน้ากากN95 หรือหน้ากากที่มีคุณภาพสูงกว่าทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน อยู่ในที่ที่มี #การระบายอากาศดี อยู่เสมอ และตรวจหาเชื้อด้วยชุดตรวจโควิดแบบเร็ว (Antigen Test Kit: ATK) อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง ก็เป็นแนวทางสำคัญที่จะช่วยให้เราผ่านพ้นเหตุการณ์เลวร้ายนี้ไปได้ค่ะ
แล้วเราจะจับมือร่วมกันฝ่าวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกันนะคะ
ติดตามเราได้ที่
อ้างอิง
Singapore's path to living with COVID-19 and how other countries are doing it
Seniors should minimise social interactions over next 2 weeks to protect against COVID-19: AIC
Next few weeks critical as Singapore faces unprecedented Covid-19 situation: Ong Ye Kung
S'pore to maintain current Covid-19 measures, will rely on vaccination and testing to move ahead
โฆษณา