22 ก.ย. 2021 เวลา 07:47 • ประวัติศาสตร์
*** สรุปการปฏิวัติวัฒนธรรมจีน 1.0 และ 2.0 แบบกระชับ ***
ช่วงเวลาไม่นานมานี้ จีนได้ดำเนินการจัดระเบียบหลายสิ่งหลายอย่างในประเทศ ออกข้อบังคับมากมายทั้งในระดับสังคม เช่น ห้ามธุรกิจผูกขาด, ห้ามสร้างโรงเรียนกวดวิชา ไปจนถึงระดับส่วนตัว เช่น ห้ามเด็กเล่นเกมเกิน 3 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ตรงจุดนี้เองทำให้มีผู้นำมาเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ “ปฏิวัติวัฒนธรรม” ของจีนในปี 1966 - 1976 ที่การแสดงออกต่างๆ เคยถูกรัฐควบคุมและคุกคามอย่างหนัก
เราจะมาย้อนดูไปด้วยกันตั้งแต่จุดเริ่มต้นว่า ปฏิวัติวัฒนธรรมครั้งแรกเกิดขึ้นได้อย่างไร, เหตุการณ์เลวร้ายแค่ไหน, ส่งผลอะไรบ้างมาถึงยุคปัจจุบัน ก่อนนำไปสู่เรื่องการปฏิวัติวัฒนธรรม 2.0 โดยสรุปว่าแนวทางของสีจิ้นผิงเป็นอย่างไรและ จีนน่าจะมุ่งไปทางไหน อนึ่งผมเคยเขียนเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ไปหลายบทความ แยกย่อยเป็นรายละเอียดเรื่องต่างๆ แต่รอบนี้จะเป็นสรุปแบบย่อกระชับครับ …
*** เหมาและพรรคคอมมิวนิสต์ ***
เหมาเจ๋อตงเป็นผู้นำที่มีชื่อเสียงจากการปฏิวัติวัฒนธรรมจีนในรอบแรก เขาเกิดในปี 1893 ในครอบครัวชาวนาที่มีอันจะกิน เริ่มสนใจแนวคิดฝั่งซ้ายตั้งแต่สมัยเรียนและทำกิจกรรมเคลื่อนไหวหลายประการ กระทั่งเข้าร่วมเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์และโดดเด่นขึ้นตามลำดับ
เหมาประกอบวีรกรรมจากการเป็นผู้นำ “การเดินทัพทางไกล” (The Long March) ปี 1934 ซึ่งมีผลยิ่งต่อชัยชนะของพรรคในเวลาต่อมา
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เหมาสามารถโค่นล้มรัฐบาลเก่า ประกาศสถาปนา “สาธารณรัฐประชาชนจีน” ในปี 1949 นับแต่นั้นจีนแผ่นดินใหญ่ก็ถูกปกครองโดยระบอบคอมมิวนิสต์
พรรคคอมมิวนิสต์จีนภายใต้การนำของเหมาพยายามส่งเสริมความเท่าเทียมในทุกด้าน ภายใต้หลักการ “ประชาธิปไตยใหม่” (New Democracy) เช่น ปฏิรูปที่ดินโดยใช้กำลังยึดที่จากเจ้าของเดิมไปแจกให้ชาวนา รวมทั้งมีการปราบปรามพวกนายทุนอย่างหนัก
ต่อมาเหมาเริ่มนโยบาย “ก้าวกระโดดไปข้างหน้า” (Great Leap Forward) ซึ่งเร่งการเปลี่ยนแปลงประเทศจากเกษตรกรรมเป็นอุตสาหกรรมในปี 1958
แต่จากการดำเนินนโยบายที่ผิดพลาด ทำให้เกิดภาวะข้าวยากหมากแพง ประชาชนอดอยากเสียชีวิตหลายสิบล้านคน
แม้จะสั่งหยุดนโยบายไปในปี 1962 แต่อำนาจเหมากลับไม่มั่นคงเหมือนเก่า เนื่องจากเสียความนับถือในหมู่ผู้นำพรรคและถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหน่วง
เหมาเลยแก้เกมโดยสนับสนุนให้กลุ่มเยาวชนที่ถูกล้างสมองให้รักตน ออกมาปราบศัตรูทางการเมืองภายใต้แคมเปญ "การปฏิวัติวัฒนธรรม" ซึ่งเริ่มขึ้นในปี 1966 โดยอ้างว่าเป็นการจัดการศัตรูของชนชั้นกรรมาชีพ...
ภาพแนบ: การทำลายของเก่า
*** ปฏิวัติวัฒนธรรม 1.0 ***
ในการปฏิวัติวัฒนธรรมนั้น อะไรที่เกี่ยวกับการปฏิวัติ มาจากชนชั้นกรรมาชีพก็ถือเป็นของดี อะไรที่เก่าแก่โบราณ มาจากชนชั้นนายทุนก็ถือเป็นของเลว
ภาพแนบ: คนโดนประจาน
หากคนยุคนั้นแสดงความนับถือสิ่งเก่าแม้เพียงเล็กน้อยจะโดนกลุ่มเยาวชนที่เรียกว่าพวก “เรดการ์ด” (Red Guard) กดขี่อย่างโหดร้าย ทั้งประณาม, เข่นฆ่า, คุมขัง และทรมาน
เหมาได้สั่งให้หน่วยงานรักษากฎหมายทั้งตำรวจทหารไม่ต้องไปยุ่งกับเรดการ์ด จึงไม่มีใครห้ามความบ้าคลั่งนี้
ภาพแนบ: เจียงชิงกับเหมา
...ในทางปฏิบัติไม่ว่าใครก็สามารถถูกกล่าวหาว่า “เป็นพวกล้าหลัง” ได้ แค่ใช้ของที่ดูฟุ่มเฟือย, อ่านหนังสือขงจื้อ, หรือไหว้เจ้าก็ถูกจับกระทืบได้หมด
ขณะเดียวกัน อำนาจรัฐตกอยู่ในมือของกลุ่มคนใกล้ชิดเหมาที่เรียกว่า “แก๊งสี่คน” (Gang of Four) หัวหน้าแก๊งมีนามว่า “เจียงชิง” เป็นภรรยาเหมา
ภาพแนบ: เหมากับเจียงชิงตอนยังเป็นหนุ่มสาว
เจียงชิงเคยเป็นดาราหนังที่แย่งเหมามาจากภรรยาเก่า ตอนแรกพวกผู้บริหารพรรคคอมมิวนิสต์จึงไม่ชอบเธอนัก และบังคับให้เจียงชิงต้องทำตัวโลว์โปรไฟล์อยู่หลายปี สร้างความเจ็บแค้นแก่เธอยิ่ง
พอเหมาให้อำนาจเจียงชิงในการจัดการศัตรูทางการเมืองของเขา เธอก็นำกลุ่มเรดการ์ดจัดการเหล่าผู้บริหารเหล่านั้นอย่างเฉียบขาดเพื่อชำระแค้น
ภาพแนบ: เหมากับเติ้ง
พวกระดับสูงพรรคคอมมิวนิสต์ที่มีเกณฑ์จะมาแย่งอำนาจกับเหมาได้มักถูกกวาดล้าง มีการข่มเหงแม้กระทั่งมิตรสหายที่เคยร่วมลำบากเดินทัพทางไกลมาด้วยกัน
หนึ่งในนั้นคือ "เติ้งเสี่ยวผิง" ซึ่งถูดถอดยศไปทำงานระดับล่าง และลูกชายถูกทำร้ายจนพิการ
เจียงชิงยังเข้ามามีบทบาทเป็นคนเซนเซอร์งานศิลปะทั้งหมด และเธอก็ทำไปแบบสุดโต่ง ทำให้เกิดศิลปะแนวใหม่ที่มองโลกเป็นขาว/ดำ คือชาวนาและชนชั้นแรงงานทั้งหมดเป็นคนดี ส่วนชนชั้นนายทุนทั้งหมดเป็นคนเลว
...ซึ่งเอาจริงก็เป็นเรื่องย้อนแย้ง เพราะเจียงชิงเคยเป็นดาราหนัง ใช้ชีวิตอย่างหรูหรามาก่อน...
การปฏิวัติวัฒนธรรมนอกจากทำให้จีนสูญเสียมรดกทางวัฒนธรรมไปมาก ยังทำให้เศรษฐกิจจีนตกต่ำ เพราะขาดบุคลากรที่จะมาสร้างสังคม
ครั้นต่อมาเหมาแก่ตัวลงมาก เริ่มคุมความรุนแรงเรดการ์ดไม่อยู่จนเกรงว่าจะย้อนมาทำร้ายตนเอง จึงส่งพวกนักศึกษาเหล่านี้ไปใช้แรงงานในต่างจังหวัดร่วมกับชนชั้นกรรมาชีพ แล้วสั่งให้กองทัพปลดปล่อยประชาชนเข้ามามีบทบาทแทน ทำให้จีนอยู่ภายในอิทธิพลทางการทหารอยู่พักใหญ่
ภาพแนบ: เจียงชิงขึ้นศาล
ในที่สุดเมื่อเหมาเสียชีวิตในปี 1976 พวกสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ที่อดทนมานานก็ร่วมกันปฏิวัติจับแก๊ง 4 คนและผู้เกี่ยวข้องมาขึ้นศาล แล้วยก เติ้งเสี่ยวผิง สมาชิกพรรคสายปฏิรูป ขึ้นเป็นผู้นำแทน
คาดว่ามีผู้เสียชีวิต 500,000 - 2,000,000 คนจากการปฏิวัติวัฒนธรรม (ตัวเลขผู้เสียชีวิตตอนญี่ปุ่นบุกนานกิงคือราว 300,000 คน) อีกทั้งยังมีผู้ถูกจองจำหรือส่งไปใช้แรงงานอีกนับล้าน
*** ประเทศจีนหลังปฏิวัติ ***
เติ้งดำเนินการปฏิรูปประเทศจีนให้เป็นทุนนิยม ตามคำกล่าวอันโด่งดังว่า “แมวขาวหรือดำ ขอเพียงจับหนูได้ก็เป็นแมวที่ดี”
รายละเอียดของการปฏิรูปเศรษฐกิจประกอบด้วย:
1) การยกเลิกระบบนารวม
2) การเปิดรับการลงทุนต่างประเทศ (รวมทั้งการเปิดเขตเศรษฐกิจพิเศษ)
3) การอนุญาตให้ผู้ประกอบการตั้งธุรกิจเองได้
4) การโอนกิจการของรัฐและมอบสัมปทานให้แก่เอกชนบางส่วน
5) การยกเลิกการควบคุมราคา
6) การยกเลิกนโยบายและกฎระเบียบที่กีดกันการค้า (ยกเว้นภาคธนาคารและปิโตรเลียมที่รัฐจีนยังผูกขาด)
1
ภาพแนบ: จีนเซ็นสัญญา WTO
ผลของการปฏิรูปทำให้เศรษฐกิจจีนเติบโตอย่างรวดเร็วต่อเนื่องเป็นเวลา 20 ปี และต่อมาช่วงทศวรรษ 1990s จีนยังมีการโละพนักงานรัฐวิสาหกิจถึง 40 ล้านคนและมีการโอนทรัพย์สินจากของรัฐให้แก่เอกชนครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์
ในปี 2001 จีนได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกขององค์การการค้าโลก (WTO) เป็นการเปิดช่องทางการค้ากับต่างชาติมากขึ้นอีก และในปี 2003 จีนได้ประกาศหลักการ “สามตัวแทน” (Three Represents) ซึ่งมีการยอมรับนายทุนเข้าสู่พรรคคอมมิวนิสต์จีนอย่างเป็นทางการ
...การที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนสามารถอยู่รอดมาจนยิ่งใหญ่ได้เพราะนายทุนและระบบทุนนิยมนั้น นับเป็นเรื่องที่ทั้งย้อนแย้ง ทั้งแสดงให้เห็นความสามารถในการปรับตัวของพวกเขา...
*** ผลกระทบทางวัฒนธรรม ***
แม้ประเทศจีนจะฟื้นตัวขึ้นตามลำดับ แต่การทำลายล้างทางวัฒนธรรมนั้นส่งผลอย่างหนักมาจนปัจจุบัน
กล่าวคือ จริงๆ ชาวจีนเป็นชนชาติที่มีมารยาทมาก จะทำอะไรก็มีพิธีรีตอง ทุกคำพูดถ่อมตนยิ่ง ให้เกียรติคนอื่นยิ่ง (เช่นที่มักเห็นในหนังจีน)
แต่ในยุคปฏิวัติวัฒนธรรม มารยาทเหล่านั้นถูกมองเป็นความ “กระแดะ” ของพวกทุนนิยมศักดินา ที่ประดิษฐ์ขึ้นมาทำให้ผู้คนไม่เท่าเทียมกัน มีการจับพวกที่เชื่อในระเบียบเก่าๆ จำนวนมากมากระทืบประจาน ทำให้คนไม่กล้าทำตัวแบบเดิมอีก
ตอนนั้นถึงกับเชื่อว่าพฤติกรรมที่ดีคือพฤติกรรมแบบชนชั้นกรรมาชีพที่พูดเสียงดังโผงผาง ขากถุยน้ำลายแบบแมนๆ ไม่กระแดะเหมือนพวกคนรวย
ปัจจุบันคนจีนหลายคนยังทำอะไรมหัศจรรย์หลายอย่างเช่นอึบนรถไฟฟ้า หรือปีนไปถ่ายรูปบนต้นซากุระ
...มีคนบอกว่าถ้าอยากดูว่าคนจีนมีมารยาทเป็นอย่างไรนั้นให้ไปดูที่ไต้หวัน สำหรับจีนแผ่นดินใหญ่นั้นต้องใช้เวลาฟื้นฟู หลังเกิดการทำลายรากเหง้าครั้งใหญ่
ภาพแนบ: สีจิ้นผิงในวัยเด็กกับพ่อ
*** สีจิ้นผิงเรืองอำนาจ ***
คนหนึ่งที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการปฏิวัติวัฒนธรรมคือ “สีจิ้นผิง”
สีจิ้นผิงเป็นลูกของสีจงซวินซึ่งเคยเป็นดาวเด่นของพรรคคอมมิวนิสต์ แต่ตอนสีจิ้นผิงอายุเพียง 10 ขวบเศษนั้น พ่อของเขาได้กลายเป็นผู้หนึ่งที่ถูกโค่นอำนาจในเหตุการณ์ปฏิวัติวัฒนธรรม
ภาพแนบ: สีช่วงวัยรุ่น
ตอนนั้นมีกลุ่มนักศึกษาหัวรุนแรงมาบุกบ้านเขา ตำหนิว่าพ่อของเขาซึ่งเคยมีตำแหน่งในพรรคคอมมิวนิสต์นั้นไม่จงรักภักดีพอ แม่เขาถูกบังคับให้ต่อว่าพ่อต่อหน้าสาธารณะชน
หลังพ่อถูกจับไปใช้แรงงานและต่อมาถูกขังคุก พี่สาวของสีเครียดจนฆ่าตัวตาย ส่วนตัวสีจิ้นผิงเองนั้นก็ถูกส่งไปใช้แรงงานในมณฑลที่ห่างไกล
ชีวิตลำบากได้หล่อหลอมให้สีมีความแข็งแกร่ง เขาใช้เวลาส่วนใหญ่อ่านหนังสือหาความรู้ด้วยตนเอง และช่วยพวกเกษตรกรทำการสร้างเขื่อน, เพาะปลูก, ดูแลปศุสัตว์ ฯลฯ จนสามารถซื้อใจเหล่าชาวบ้าน รวมถึงตัวแทนท้องถิ่นของพรรค
สีฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ มากมายกระทั่งในปี 1997 เขาก็ได้กลายเป็นกรรมการสำรองของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนชุดที่ 15 เมื่อวัย 44 ปี
*** ตัดเข้าช่วงโฆษณา ***
ขอโฆษณาว่าหนังสือ "ประวัติย่อก่อการร้าย War on Terror" ที่พิมพ์ครั้งก่อนขายหมดจากตลาดไปนานแล้ว มีแผนจะพิมพ์ใหม่ปลายปีนี้นะครับ
ตอนแรกว่าใกล้ๆ เสร็จแล้วค่อยทำโปร แต่เหตุการณ์ในอัฟกานิสถานและรำลึก 9/11 ทำให้มีคนถามมาเยอะเหลือเกิน เลยเปิดให้จองก่อน
- หนังสือเล่มนี้เล่าเรื่องประวัติของขบวนการก่อการร้ายสากลตั้งแต่ยุคอัลเคดามาต่อ ISIS
- ผมตั้งใจจะเพิ่มเนื้อหาให้อัพเดทถึงปัจจุบัน
- พิมพ์เป็นสี่สีแน่นอน
- ปกพิมพ์สีเมทัลลิก ปั้มนูนและปั้มเงินที่ชื่อเหมือนเล่มสุริยันพันธุ์เคิร์ด รับรองว่าสวยมาก เหมาะแก่การสะสม สำนักพิมพ์ The Wild Chronicles เราพิมพ์เองแล้วจะทำอะไรก็ได้ 555
- มีเซ็นลายเซ็นพิเศษประจำเล่มให้ครับ
- ราคาอยู่ที่ 389 บาท สั่งพรีออเดอร์ตอนนี้ลดเหลือ 369 บาท และฟรีค่าส่งในประเทศ (ปกติค่าส่ง 50 บาทครับ ส่วนต่างประเทศก็ตามจริง)
- สนใจชำระและใส่ที่อยู่ที่ link แนบได้เลย อนึ่งระบบนี้จะมีเมลคอนเฟิร์มไปแต่ช้าหน่อยนะครับ
นอกจากนี้ ขอโฆษณาว่าหนังสือ “สุริยันพันธุ์เคิร์ด” หรือหนังสือเล่มใหม่ของผมออกแล้วนะครับ มีรายละเอียดดังนี้...
- เรื่องนี้เป็นหนังสือประวัติศาสตร์ชาวเคิร์ด ผลงานเล่มล่าสุดในชุด The Wild Chronicles
- พิมพ์เป็นสี่สี!
- ยาวที่สุดเท่าที่พิมพ์มา ยาวกว่าพยัคฆ์ทมิฬสิ้นชาติราว 2 เท่า
- รูปโหดๆ ที่ทำให้เข้าใจสถานการณ์ดีขึ้น จะไม่เซนเซอร์ แต่จะรวมอยู่ท้ายเล่ม และมีคำเตือนก่อน
- มีลายเซ็นทุกเล่ม!
- ราคา 439 บาท รวมค่าส่งแล้ว
ท่านที่ต้องการพรีออเดอร์สามารถชำระ และใส่ที่อยู่ทาง link แนบได้เลย
อนึ่งชาวเคิร์ดเป็นชนกลุ่มน้อยในตะวันออกกลาง มีราว 30 ล้านคน หากไม่มีประเทศของตนเอง พวกเขาแตกเป็นหลายส่วนและถูกกดขี่อย่างหนัก แต่การถูกกดขี่เคี่ยวกรำนั้นทำให้พวกเขากลายเป็นนักรบที่เก่งกาจ
หนังสือเล่มนี้เขียนเรื่องราวของชาวเคิร์ดตั้งแต่ยุคตำนานจนถึงประวัติศาสตร์สมัยใหม่ ซึ่งมีความพีคแล้วพีคอีก ผ่านสงครามใหญ่ๆ มากมาย เช่นสงครามอิรัก - อิหร่าน, สงครามอ่าวเปอร์เซีย, สงครามปราบซัดดัม, สงครามกลางเมืองอิรัก, สงครามปราบกลุ่มก่อการร้าย แต่ละสงครามที่ว่ามานี้มีสเกลใหญ่เป็นรองแค่สงครามโลก
ชาวเคิร์ดมีส่วนร่วมในสงครามเหล่านี้ทั้งหมดในฐานะชนกลุ่มน้อยที่ไม่รวยแต่รบเก่ง พอมีคนมาติดอาวุธให้เลยมักกลายเป็นไพ่โจ๊กเกอร์ที่เปลี่ยนผลชี้ขาดของสงคราม
อย่างไรก็ตามศัตรูอันดับหนึ่งของชาวเคิร์ดคือเผด็จการซัดดัม ฮุสเซนนั้นก็โหดมาก โหดโคตรๆ ใครเคยอ่านพยัคฆ์ทมิฬสิ้นชาติ หรือเชือดเช็ดเชเชน ผมบอกได้ว่าไอ้นี่ก็โหดไม่แพ้กัน หรือเผลอๆ โหดกว่า ดังนั้นการต่อสู้ของชาวเคิร์ดมันจึงเป็นเรื่องที่หลอนและดุเดือดมากๆ
หนังสือเล่มนี้เขียนขึ้นจากประสบการณ์ที่ผมได้ไปเยือนดินแดนเคอร์ดิสถานอิรัก (และหนีมิสไซล์มา) เมื่อต้นปี 2020 เพื่อนชาวเคิร์ดที่ผมสัมภาษณ์ทุกคนเป็นผู้รอดชีวิตจากทุกสงครามข้างต้น ทำให้มีข้อมูล ความเห็น และมุมมองของคนต่างๆ ที่ลึกกว่าในตำรา แน่นอนว่าประสบการณ์ของพวกเขาดาร์คมาก แต่เขาหลายคนไม่ได้มองโลกในแง่ร้ายขนาดนั้น พวกเขาตีความสิ่งที่พบเจออย่างไร ลองตามอ่านดูนะครับ
"สุริยันพันธุ์เคิร์ด" ตั้งใจพิมพ์เป็นสี่สี เป็นหนังสือที่ยาวที่สุดตั้งแต่ผมเขียนสารคดีชุด The Wild Chronicles มา
อีกครั้งนะครับ ท่านที่ต้องการพรีออเดอร์หนังสืออย่างเดียว สามารถชำระ และใส่ที่อยู่ทาง link นี้ได้เลย 439 บาท รวมค่าส่งแล้ว (ในประเทศ) ถ้าบางท่านอยู่ต่างประเทศมีค่าส่งพิเศษจะแจ้งอีกที
ภาพแนบ: หูจิ่นเทากับสีจิ้นผิง
ปี 2012 สีจิ้นผิงถูกเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งเป็น “เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน” จากทั้งกลุ่มอำนาจของอดีตประธานาธิบดี “หูจิ่นเทา” และกลุ่มอำนาจของอดีตประธานาธิบดี “เจียงเจ๋อหมิน” เนื่องจากกลุ่มอำนาจทั้งสองมองว่าเขาเป็นสมาชิกที่ไร้พิษสง และไม่มีขั้วอำนาจสนับสนุน จึงน่าจะเป็นตัวประสานผลประโยชน์ได้
แน่นอนว่าการตัดสินใจดังกล่าวถือเป็นความผิดครั้งใหญ่ที่จะนำความพินาศมาสู่กลุ่มอำนาจทั้งสอง
หลังจากสีจิ้นผิงรับตำแหน่งไม่นาน เขาก็ดำเนินนโยบายปฏิรูปประเทศตามแนวทางที่ตนเองวางไว้ เริ่มจากการ “กวาดล้างคอร์รัปชัน” โดยประกาศล้างบางนักการเมืองทุจริตแบบเด็ดขาดด้วยการใช้กฎต่อต้านการโกงของพรรค แบบไม่ต้องผ่านกระบวนการทางกฎหมายปกติ
ส่งผลให้เครือข่ายของอดีตประธานาธิบดีทั้งสอง รวมถึงกลุ่มผู้สนับสนุนทั้งในและนอกพรรคต่างถูกกวาดล้างอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด จนได้รับการยกย่องจากประชาชนจำนวนมาก พร้อมยังได้ใจเหล่าสมาชิกพรรคที่ไม่ได้สังกัดขั้วอำนาจเดิม ซึ่งพวกนี้กลายมาเป็นฐานกำลังของสี
*** แนวทางของสีจิ้นผิง ***
สีมีเป้าหมายหลักคือสนับสนุนแนวคิดความชาตินิยม เสริมความมั่นคงแก่ชาติ ขจัดอิทธิพลของต่างประเทศ เขานำเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมของจีนมาอยู่ใต้การควบคุมของรัฐบาล ผ่านการแทรกแซงอย่างหนัก
ทั้งนี้ทางรัฐบาลจีนเริ่มคิดพัฒนาระบบคะแนนเครดิตทางสังคม (social credit) หรือการควบคุมพฤติกรรมประชาชนของตนให้คนมีระเบียบผ่านการให้รางวัลและลงโทษ ในปี 2007 หลังเจอกับปัญหาประชากรไม่มีคุณภาพมากมาย เช่น ไม่เคารพกฎหมาย, โกงกิน, ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ฯลฯ
1
นอกจากนั้นยังมีการใช้เทคโนโลยีตรวจจับใบหน้ามาสอดแนมประชาชนอีกด้วย
ทั้งนี้บางท้องถิ่นอาจมีระเบียบย่อยๆ และมีระบบเก็บคะแนนประจำเมืองแยกไปอีก ยกตัวอย่างเช่นที่ปักกิ่ง การส่งเสียงดังหรือกินอาหารบนรถไฟใต้ดิน อาจทำให้มีประวัติเสียในระบบเครดิต
ส่วนในเซี่ยงไฮ้ คนที่ไม่ได้มีการมอบสิทธิผู้สูงอายุให้ฟ้องร้องในกรณีลูกหลานอกตัญญูไม่กลับมาดูแล โดยถ้าศาลเห็นว่าไม่ดูแลจริง จะโดนติดแบล็คลิสต์
ส่วนในซูโจว ถ้าโกงเกมออนไลน์ จะโดนตัดคะแนนได้เช่นกัน
ประชาชนจำนวนหนึ่งเห็นว่าระบบเครดิตสังคมมีประโยชน์ ทำให้ผู้คนเคารพกฎหมายมากขึ้น ทั้งยังมีแรงจูงใจในการแข่งขันกันทำความดี เพื่อแลกสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่ทั้งภาครัฐและเอกชนยื่นให้
...ถึงแม้ว่าจะต้องแลกกับการโดนเก็บข้อมูลก็ตาม แต่พวกเขาก็คิดว่าไม่น่าจะเป็นอะไร
ภาพแนบ: คนเครดิตต่ำโดนขึ้นป้ายประจาน
แต่แน่นอนว่าในขณะเดียวกันก็มีคนที่ไม่ชอบระบบนี้เอาเสียเลย เพราะพวกเขามองว่า รัฐบาลมีสิทธิอะไรอะไรมาตัดสินความดีความชั่วของคนออกมาเป็นคะแนน? แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าข้อมูลที่เก็บไปนั้นครบถ้วนถูกต้อง?
การที่ภาครัฐมาควบคุมความประพฤติอย่างใกล้ชิดแบบนี้ ต่อให้บอกว่าเพื่อทำความดี แต่มันก็เหมือนการลิดรอนสิทธิส่วนบุคคลอยู่ดี
หลายครั้งมีผู้โดนตัดคะแนนอย่างไม่เป็นธรรมเพราะมีท่าทีขัดแย้งกับภาครัฐ ซึ่งในปี 2019 มีคนไม่น้อยกว่า 23 ล้านคนที่โดนหักเครดิตไม่ให้เข้าถึงสวัสดิการต่างๆ ที่พึงได้แต่แรก เช่นถูกห้ามซื้อตัวเครื่องบินทั้งหมด, ห้ามกู้เงินซื้อที่อยู่อาศัย, และยังถูกห้ามขึ้นรถไฟบางสาย (สถิตินี้อ้างจาก The Guardian มาจากจำนวนครั้งที่ระบบการซื้อตั๋วรถไฟและระบบซื้อตั๋วเครื่องบินแบนคนในปีนั้น)
...ซึ่งก็ไม่รู้ว่า ในจำนวนนี้ มีสักกี่คนที่ทำไม่ถูกต้องจริงๆ และอีกกี่คนที่แค่ทำไม่ถูกใจ
*** ปฏิวัติวัฒนธรรม 2.0 ***
หากย้อนกลับไปดูแนวคิดของสี จะพบว่า เขามักเน้นย้ำเรื่อง “ชาติจะแข็งแกร่ง เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้ ก็เพราะมีพรรคคอมมิวนิสต์เป็นผู้นำเพียงหนึ่งเดียว”
1
ในช่วงหลังๆ รัฐบาลจีนจึงพยายามควบคุมธุรกิจเอกชนแขนงต่างๆ ทั้งสื่อ, อินเตอร์เน็ต, การบันเทิง, การศึกษา พร้อมยังออกกฎข้อบังคับใหม่ๆ มากมาย เช่น ห้ามศิลปินชายที่ท่าทางตุ้งติ้งไม่แมนออกสื่อ, ห้ามเด็กเล่นเกมเกินสัปดาห์ละ 3 ชั่วโมง, ห้ามฉายซีรีส์เกาหลี, ห้ามมีเนื้อหาชมญี่ปุ่น, ห้ามฉายหนังผี, ห้ามเขียนนิยายย้อนอดีต ฯลฯ
1
ภาพแนบ: หนังสือเรียนแนวคิด 14 ประการ
ทั้งนี้ เพื่อให้ระเบียบการศึกษาของประเทศเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ทางการจีนได้ปรับปรุงหลักสูตรการศึกษาใหม่ เพิ่มวิชา “แนวคิดสิบสี่ประการของท่านประธานสี” เพื่อให้นักเรียนรักพรรคคอมมิวนิสต์, ประเทศชาติ, และระบบสังคมนิยม
1
ภาพแนบ: หนังสือปกแดง ฉบับแปลอังกฤษ
การบรรรจุแนวคิดดังกล่าวลงไปในบทเรียนตั้งแต่วัยประถมจนมหาลัย ถือเป็นการเน้นย้ำความสำคัญของตัวสีในฐานะผู้นำประเทศ คล้ายกับกับตอนที่เหมาพิมพ์หนังสือปกแดงออกมาให้เรดการ์ด
นอกจากนี้ สีจิ้นผิงยังมีความพยายามนำชุดความคิดคอมมิวนิสต์เดิม มาใช้ควบคู่คำสอนโบราณของปราชญ์จีน โดยสีมักอ้างถึงคำสอนยุคเก่า และมองว่าตนกับพรรคฯ เป็นผู้อุปถัมภ์ให้อารยธรรมที่มีมาแต่โบราณคงอยู่ต่อไป
1
...กฎข้อบังคับต่างๆ ในประเทศจีนต่อจากนี้มีแนวโน้มจะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ เพื่อควบคุมทั้งเศรษฐกิจและสังคมให้อยู่ในแนวทางของพรรคคอมมิวนิสต์
ถึงจุดหนึ่ง แนวทางนี้อาจกลายเป็นการปฏิวัติวัฒนธรรมรอบใหม่อย่างที่คนกลัวกัน ซึ่งคงมีผลกระทบหลายอย่าง เช่นทำให้ความสร้างสรรค์ของศิลปินถูกจำกัด หรือทำให้การลงทุนในจีนน้อยลงไปกว่าเดิม เพราะทุนต่างชาติอาจต้องเจอข้อกำหนดหลายอย่างรัดตัว...
1
*** สรุป ***
ถึงพรรคคอมมิวนิสต์จีนภูมิใจว่าพวกตนสามารถกุมอำนาจได้มั่นคง แต่สื่อตะวันตกชี้ให้เห็นว่าพรรคคอมมิวนิสต์จีนก็มีจุดอ่อนหลายประการ เช่น เมื่อใดก็ตามที่เศรษฐกิจชะลอตัว ความนิยมของประชาชนต่อพรรคคอมมิวนิสต์จะเสื่อมลงทันที
1
...ซึ่งหากมีการปฏิวัติวัฒนธรรม 2.0 เกิดขึ้นจริง ทุนต่างชาติก็อาจลดลง และทำให้เศรษฐกิจแย่
1
ส่วนการใช้ระบบเครดิตสังคมนั้น แม้ช่วยแก้ปัญหาสังคมได้ แต่ก็เปิดโอกาสให้ผู้มีอำนาจสร้างอิทธิพลและทำการคอร์รัปชันได้ง่ายขึ้นด้วย เรื่องนี้ทำให้คนทั้งในและนอกประเทศหวาดกลัวและต่อต้าน
...สุดท้ายแล้วรัฐบาลจีนคงต้องเรียนรู้ความสำเร็จและความผิดพลาดที่ผ่านมา และชั่งน้ำหนักดูว่าการปิดกั้นสื่อและคุมธุรกิจมาไว้ในมือนี้จะเป็นผลดีต่อประเทศชาติและพรรคคอมมิวนิสต์จริงๆ หรือไม่
ท่านที่สนใจอ่านงานเขียนอื่นๆ ของผมมากกว่าเพียงในเพจนี้ สามารถสมัครเข้ากลุ่ม illumicorgi ได้นะครับ
กลุ่ม illumicorgi เป็นกลุ่มสำหรับลง content พิเศษ สมัครสมาชิกตอนนี้ ท่านจะได้รับหนังสือ "สุริยันพันธุ์เคิร์ด" ผลงานเล่มล่าสุดของผมด้วย
1. ผู้สมัครสมาชิกระดับ Corgi Master จะได้:
• ได้เข้าถึงเนื้อหากลุ่ม illumicorgi ที่มีบทความย่อยลงอยู่เสมอ และบทความใหญ่ลงอย่างน้อยอาทิตย์ละตอน
• ส่วนลดในสินค้าของกลุ่ม The Wild Chronicles
• Priority ในการรับข่าวสารและกิจกรรมของ The Wild Chronicles
• ทุกๆ รอบหกเดือนจะได้รับหนังสือเล่มหนึ่ง ส่งให้ถึงบ้านพร้อมลายเซ็นของผม
แบ่งเป็น:
1.1 แบบครึ่งปี "600 บาท" ได้หนังสือสุริยันพันธุ์เคิร์ด 1 เล่ม และเข้ากลุ่มเป็นเวลา 6 เดือน
1.2 แบบหนึ่งปี "1,100 บาท" ได้หนังสือ 2 เล่ม (คือสุริยันพันธุ์เคิร์ด และอีกเล่มที่จะพิมพ์ปลายปี ตั้งใจจะว่าให้เป็นเรื่องชาวเคิร์ดในตุรกีซีเรีย) และเข้ากลุ่มเป็นเวลา 1 ปี
2. ผู้สมัครสมาชิกระดับ illuminated corgi จะได้:
ทุกอย่างที่สมาชิกระดับ Corgi Master แบบ 1 ปี ได้ และได้ของที่ระลึกจากเคอร์ดิสถานอิรัก เป็น artifact ที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของแท้ ได้แก่:
"อินทรธนูของหน่วยเพชเมอร์กา" ซึ่งเป็นหน่วยรบเคิร์ดที่มีชื่อเสียงเรื่องไม่กลัวตาย คำว่า เพชเมอร์กา แปลว่า "ผู้เผชิญความตาย"
สมาชิกระดับ illuminated corgi นี้มีค่าสมัคร 3,000 บาท
ผู้ที่ต้องการสมัครสมาชิก ให้ชำระทาง link นี้:
Corgi Master 6 เดือน (หนังสือ 1 เล่ม) 600 บาท
Corgi Master 1 ปี (หนังสือ 2 เล่ม) 1,100 บาท
illuminated corgi 1 ปี (หนังสือ 2 เล่ม ได้ของที่ระลึก) 3,000 บาท
หรือชำระที่:
บัญชี บริษัท เดอะไวลด์โครนิเคิลส์ จำกัด ธนาคารกสิกร 078 3 768 666 สาขาบิ๊กซี อ่อนนุช
เมื่อสมัครแล้วให้ส่งสลิปทาง Line OA ด้วยวิธีนี้
(1) กดสมัคร Line OA ของ The Wild Chronicles มาทาง link https://lin.ee/fNEO1jr
(2) กด add เป็นเพื่อน
(3) กด chat
(4) จากนั้น พิมพ์ชื่อที่ท่านใช้ใน Facebook มาทางช่องแชทของ Line OA เพื่อให้ทีมงานบ่งชี้ได้ว่าบัญชีของท่านสมัครมาแล้ว
(5) ให้ส่งสลิปในช่องแชทไว้ด้วย จะมีแอดมินมาคุยกับท่านเพื่อพาเข้ากลุ่ม
*** อนึ่งท่านที่เป็นสมาชิกอยู่แล้ว สามารถติดต่อทาง Line OA หรือ Inbox เพจ เพื่อชำระเงินเพิ่ม เป็นการอัพเกรดสมาชิกได้นะครับ ***
::: ::: :::
สนใจอ่านเรื่องประวัติศาสตร์ สงคราม เรื่องต่างประเทศ กดติดตาม เพจ The Wild Chronicles ได้เลยนะครับ https://facebook.com/pongsorn.bhumiwat
โฆษณา