27 ก.ย. 2021 เวลา 12:28 • กีฬา
จากนักมวยแชมป์โลก คำถามคือแมนนี่ ปาเกียวจะก้าวไปเป็นประธานาธิบดีของฟิลิปปินส์ได้หรือไม่?
2
แมนนี่ ปาเกียว คือนักชกแห่งยุคสมัย ฉายาของเขาคือ Pride of The Philippines ซึ่งความหมายก็ตามนั้นจริงๆ ปาเกียวคือความภูมิใจของคนทั้งชาติ
นักมวยที่ไม่มีเส้นสาย เกิดมาในครอบครัวยากจน แต่ไขว่คว้าทุกอย่างได้ด้วยกำปั้นตัวเอง นี่คือความยิ่งใหญ่ที่น้อยคนจะสามารถทำได้
ทุกไฟต์ที่ปาเกียวขึ้นชก เปรียบเสมือนวันหยุดของคนทั้งฟิลิปปินส์ ประชาชนจะเฝ้ารอดูว่าปาเกียวจะเอาชนะคู่แข่งได้อย่างหมดจดแค่ไหน
ในช่วงที่ปาเกียวกำลังพีก เขามีปัญหาอย่างมากเรื่องนอกสังเวียน ทั้งปาร์ตี้ไม่ยั้ง, เล่นการพนัน รวมถึงเป็นเสือผู้หญิงตัวยง สาเหตุที่ปาเกียวเป็นแบบนั้น เพราะเขาเคยยากจนข้นแค้นมาก ตอนเด็กไม่มีเงินเรียนหนังสือ ต้องลาออกตั้งแต่อายุ 14 ไปทำงานเป็นกรรมกรก่อสร้าง
พอมีเงิน มีชื่อเสียง ปาเกียวก็กอบโกยหาความสุขให้ตัวเอง แต่ถึงจุดหนึ่งเขาก็หยุด และเริ่มให้ความสนใจกับอีกสิ่ง ที่เรียกว่า "อำนาจ"
ปาเกียวเป็นคนฉลาด เขามองเส้นทางระยะยาวหลังจากแขวนนวมไว้แล้วว่าจะทำอะไรที่จะยืนหยัดไปได้เรื่อยๆ โดยไม่ลำบากอีก และสิ่งนั้นคือเล่นการเมือง ดังนั้นในขณะที่เขายังได้รับความนิยมอยู่ ก็ควรใช้ชื่อเสียงตรงนี้ ต่อยอดเป็นบันได เพื่อสร้างฐานอำนาจเอาไว้
ในปี 2007 ปาเกียว วัย 28 ปี ลงสมัคร ส.ส. ครั้งแรก แต่แพ้คู่แข่ง โดยมีการวิเคราะห์กันว่า ปาเกียวอาจจะเป็นยอดนักมวย แต่เรื่องการบริหารบ้านเมือง มันคนละเรื่องกัน เขาเพิ่งอายุ 28 แถมไม่มีการศึกษาอะไรเลย จะให้มาทำงานออกกฎหมายได้หรือ มันก็ไม่ค่อยน่าไว้ใจ
และอีกอย่าง ผู้คนไม่อยากให้ปาเกียวไปเกลือกกลั้วกับการเมือง แต่มุ่งมั่นในการชกมวยต่อไป เพื่อเป็นขวัญใจคนทั้งประเทศจะดีกว่า
อย่างไรก็ตาม ปาเกียวไม่ยอมแพ้ ในช่วงระหว่างปี 2007-2009 หลังจากแพ้การเลือกตั้งรอบแรกเขาไปลงเรียนวิชากฎหมาย และรัฐศาสตร์ เพื่อทำความเข้าใจบทบาทของนักการเมืองที่ดี ก่อนที่จะประกาศลงสมัครเป็น ส.ส. อีกครั้ง ที่จังหวัดซารังกานี่ บ้านเกิดของภรรยา
3
ในสังเวียน นี่เป็นช่วงพีกที่สุดในอาชีพของปาเกียว เขาต่อยชนะ มาร์โก อันโตนิโอ บาร์เรร่า, ฮวน มานูเอล มาร์เกวซ, ออสการ์ เด ลา โฮย่า และ ริกกี้ แฮตตัน แต่ขนาดสู้หนักขนาดนั้น ยังจัดสรรเวลาเพื่อเรียนหนังสือ และทำแคมเปญการเมืองได้ ทำให้ผู้คนยิ่งเกิดความประทับใจ
1
การเลือกตั้ง ส.ส. ที่จังหวัดซารังกานี่ ปาเกียวไปถึงเป้าหมายได้สำเร็จ ประชาชนเลือกเขาแบบ Landslide ชนะถล่มทลาย
หลายคนบอกว่า เลือกนักการเมืองพรรคอื่น ก็ไม่เห็นชีวิตความเป็นอยู่จะดีขึ้น ทำไมไม่เลือกปาเกียวไปเลยล่ะ อย่างน้อยเขาก็ทำชื่อเสียงให้ประเทศชาติ และมีคาแรคเตอร์ของคนมุ่งมั่นไม่ยอมแพ้
ที่สำคัญผู้คนเชื่อมั่นว่า ปาเกียวจะไม่มีวันโกง กล่าวคือเขารวยมากอยู่แล้ว และโดนจับจ้องจากคนทั้งโลกตลอดเวลา ดังนั้นเรื่องแอบทุจริตกินเงินเล็กเงินน้อย ประชาชนเชื่อว่าปาเกียวจะไม่ทำ
แม้ในตอนแรกสุด ปาเกียวอาจเข้าสู่เส้นทางการเมืองเพราะเรื่องอำนาจ แต่เวลาต่อมา เขาก็เริ่มมีเป้าหมายที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ปาเกียวต้องการขจัดปัญหาความยากจนของผู้คนที่ฟิลิปปินส์ เพราะเขาก็เคยอยู่จุดนั้นมาก่อน
ปาเกียวกล่าวว่า "ที่ฟิลิปปินส์ มีเด็กมากกว่า 4 ล้านคนที่ต้องออกจากโรงเรียน เพราะไม่มีเงินเรียน ดังนั้นเราต้องสร้างระบบการศึกษาที่มีประสิทธิภาพมากกว่านี้ แนวคิดของผมคือ จะไม่มีเด็กฟิลิปปินส์คนไหนที่ต้องออกจากโรงเรียน เพราะพ่อแม่ไม่มีเงินส่ง"
การเป็นส.ส. ท้องถิ่น ก็มีอำนาจอยู่ประมาณหนึ่ง แต่ถ้าเขาจะหวังอะไรที่ใหญ่กว่านั้น ไปอยู่ในจุดที่เปลี่ยนแปลงบางอย่างได้จริงๆ ตำแหน่งที่เขาต้องไปถึงคือประธานาธิบดีของประเทศ ที่มีอำนาจการตัดสินใจสูงสุด
ถามว่าเป็นไปได้ไหม คำตอบคือ ก็มีโอกาส แต่สิ่งสำคัญคือเขาต้องไต่เต้าในเส้นทางการเมืองไปเรื่อยๆ บวกกับรักษาชื่อเสียงในฐานะขวัญใจมหาชนไปพร้อมๆ กันด้วย คือห้ามหายหน้าหายตาไปจากมวลชนเด็ดขาด
นั่นคือสาเหตุที่ปาเกียวยังคงชกมวยอยู่เรื่อยๆ แม้จะอายุมากขึ้นแล้ว เรื่องเงิน เรื่อง Passion เกี่ยวข้องก็จริง แต่เรื่องที่สำคัญกว่านั้น คือการทำให้ประชาชนได้เห็นความใจสู้ของเขาต่างหาก
1
บนสังเวียนก็ชกไป ปาเกียวแม้จะอายุเยอะขึ้น แต่ก็ยังสู้ต่อไปเรื่อยๆ และสู้ได้โอเคด้วย เขาคว้าแชมป์โลกทั้ง WBO และ WBA มาครองได้อยู่ในช่วงหนึ่ง
ขณะที่ตำแหน่งทางการเมือง ปาเกียวมองว่าตำแหน่ง ส.ส. มันเล็กเกินไปแล้ว ดังนั้นในปี 2016 เขาจึงลงสมัครเป็นวุฒิสมาชิก
ที่ประเทศฟิลิปปินส์ สภาล่าง (ส.ส.) มีจำนวน 304 ที่นั่ง ส.ส.หนึ่งคน อยู่ในตำแหน่งวาระละ 3 ปี แต่สภาบน (ส.ว.) มีจำนวนแค่ 24 คนเท่านั้น แต่ละคนอยู่ในวาระคนละ 6 ปี
1
ส.ว. ที่ฟิลิปปินส์ เป็นองค์กรที่ประชาชนให้ความเชื่อใจมาก เพราะมาจากการเลือกตั้งของคนทั้งประเทศ พลังของ ส.ว. คือ กฎหมายใดๆ ที่ส.ส. เสนอขึ้นมา ถ้า ส.ว.ตีตก ก็จะไม่ถูกนำมาใช้เป็นกฎหมาย นั่นแปลว่า ถ้าปาเกียวได้เป็น ส.ว. เขาจะมีอำนาจมากขึ้น และได้รับการยอมรับมากกว่าเดิม
ในการเลือกตั้งวุฒิสมาชิก ปาเกียวได้คะแนนถึง 16 ล้านเสียง ทำให้เขาได้ตำแหน่ง ส.ว.แบบสบายๆ ซึ่งไรอัน ซองกาเลีย นักข่าวชาวฟิลิปปินส์ ก็ไม่ได้แปลกใจนัก "ที่ฟิลิปปินส์ ปาเกียวคือ เอลวิส เพรสลีย์ บวก จัสติน บีเบอร์ บวก ไมเคิล จอร์แดน บวกบิลล์ คลินตัน" คำอธิบายคือ ปาเกียวดังขนาดนั้น ไม่มีทางที่ประชาชนจะไม่เลือกเขาอยู่แล้ว
ที่ฟิลิปปินส์ มีกฎหมายคือคนที่จะลงรับสมัครเป็นประธานาธิบดีได้ ต้องมีอายุ 40 ปีขึ้นไป ตามแผนของปาเกียวคือ เขาเป็นวุฒิสมาชิกตอนอายุ 37 จากนั้นในปี 2022 เขาจะมีอายุ 43 ปี ซึ่งก็ผ่านเกณฑ์แล้ว
ประกอบกับกฎหมายของฟิลิปปินส์ ห้ามประธานาธิบดีคนเดิม ลงสมัครซ้ำอีกสมัย แปลว่า ประธานาธิบดีโรดริโก้ ดูเตอร์เต้ จะลงแข่งขันด้วยไม่ได้ นั่นทำให้ปาเกียวจะไปท้าชนกับนักการเมืองคนอื่น ซึ่งว่ากันตรงๆ ชื่อเสียงของเขาก็ไม่ได้เป็นรองใครทั้งนั้น
ปาเกียวเปิดตัวอย่างชัดเจนเมื่อสัปดาห์ก่อน ว่าเขาจะลงชิงชัยในตำแหน่งประธานาธิบดีของฟิลิปปินส์ในปี 2022 อย่างแน่นอน
ปาเกียวประกาศว่า "ผมเป็นนักสู้ตลอดมาทั้งในสังเวียนและนอกสังเวียน สำหรับข้าราชการ หรือนักการเมืองคนไหน ที่ฉ้อฉล โกงกินจากเงินภาษี คุณไม่มีทางรอดไปจากคุกได้หรอก เวลาของพวกโกงกินหมดลงแล้ว"
จุดแข็งของปาเกียวก็คือ เขามีประสบการณ์มากขึ้น เป็น ทั้ง ส.ส. และ ส.ว. มาแล้ว เข้าใจวิธีการเล่นการเมืองเป็นอย่างดี นอกจากนั้นยังมีคอนเน็กชั่นหลากหลายวงการ ถ้าได้เป็นผู้นำประเทศ สามารถเอาสิ่งเหล่านี้มาใช้ประโยชน์ให้ประเทศได้
ยกตัวอย่างเช่นในปีที่แล้ว ตอนนั้น หาชุดตรวจโควิด-19 ได้ยากลำบากมาก แต่ด้วยความสัมพันธ์ของปาเกียว กับ แจ๊ค หม่า ผู้ก่อตั้งอาลีบาบา ทำให้ได้รับมอบมาฟรีๆ 50,000 ชุดเป็นต้น
นอกจากนั้นยังมีความใกล้ชิดคนยากจน เข้าใจความรู้สึกคนจนอย่างดี ต่างกับผู้นำคนก่อนๆที่จะเป็นชนชั้นกลาง หรือมีฐานะร่ำรวยอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์การเมืองของฟิลิปปินส์ ชี้ว่า ปาเกียวมีโอกาสจริง แต่ "ไม่ง่ายที่จะชนะ"
 
ที่ฟิลิปปินส์ ตำแหน่งประธานาธิบดี กับรองประธานาธิบดี จะแยกกันเลือกตั้ง โดยกาบัตรคนละใบ แม้กฎหมายห้ามดูเตอร์เต้ ลงสมัครเป็นประธานาธิบดีก็จริง แต่ไม่ได้ห้ามลงสมัครในตำแหน่งรองประธานาธิบดี
ดังนั้นแผนของเขาคือจะส่งลูกสาว ซาร่า ดูเตอร์เต้ ไปลงสมัครประธานาธิบดี แล้วตัวเองก็จะลงตำแหน่งรองประธานาธิบดีในนาม แต่หากได้รับเลือกทั้งคู่ ดูเตอร์เต้ ก็ยังทำงานเป็นผู้นำเงาอยู่ดี
คู่แข่งที่แข็งแกร่งก็ยังมีอยู่ และอีกประเด็นที่สำคัญไม่แพ้กันคือ ประชาชนจำนวนมาก ไม่มั่นใจว่าปาเกียวจะนำพาประเทศได้ดีจริงๆ
อย่างแรกสุดคือเรื่องการศึกษา ปาเกียว เรียนหนังสือย้อนหลัง และเพิ่งจบปริญญาตรี สาขารัฐศาสตร์ ในปี 2019 ขณะที่คู่แข่งแต่ละคนของพวกเขา มีวุฒิที่สูงกว่ามาก เช่น ซาร่า ดูเตอร์เต้ จบปริญญาโท พร้อมทั้งสอบผ่านเนติบัณฑิตอีกต่างหาก
อย่างที่สองคือเรื่องนโยบายที่ดู ยังไม่เป็นชิ้นเป็นอันนัก อย่างตอนที่กองเรือจีนบุกน่านน้ำฟิลิปปินส์เพื่อมาข่มขู่ ทางดูเตอร์เต้แค่ประกาศเตือน แต่ไม่ได้แข็งกร้าวใส่จีนนัก ทำให้ปาเกียวออกมาวิจารณ์ว่า ดูเตอร์เต้ "ซอฟท์" เกินไป คำถามคือ ถ้าปาเกียวเป็นประธานาธิบดีจะกล้าแข็งกร้าวใส่จีนจริงๆ หรือ ในเมื่อจีนคือคู่ค้าเบอร์ 1 ของประเทศฟิลิปปินส์
ดูเตอร์เต้ แซะปาเกียวกลับตรงๆว่า "ไปเรียนมาให้มากกว่านี้" จนมีดราม่ากันไปพักหนึ่ง
หรือเรื่อง LGBT ปาเกียวเคยกล่าวว่า "เวลาสัตว์มันผสมพันธุ์กัน คุณว่ามันมีอะไรกับเพศเดียวกันไหม สัตว์ยังดีกว่ามนุษย์ในจุดนี้ ที่มันแยกแยะเพศชาย และเพศหญิงออกจากกันได้ ถ้าเพศชายสมสู่เพศชาย และเพศหญิงสมสู่เพศหญิง ผมคิดว่ามันต่ำกว่าสัตว์เสียอีกนะ"
2
แม้ปาเกียวจะกล่าวขอโทษในเวลาต่อมา แต่มันก็สะท้อนให้เห็นถึงทัศนคติของเขาว่า มีความอนุรักษ์นิยมสูงมาก ดังนั้นผู้คนจึงไม่มั่นใจนักว่าเป็นผู้นำแล้วจะเดินตามโลกยุคปัจจุบันได้หรือไม่
ลูซิโอ พิตโล นักวิจัยการเมืองในฟิลิปปินส์กล่าวว่า "ปาเกียวถูกตั้งคำถามเรื่องประสบการณ์ทางการเมือง คือผู้คนโอเค ที่จะให้ตำแหน่งวุฒิสมาชิกกับเขา แต่กับตำแหน่งประธานาธิบดี ที่เป็นตำแหน่งสูงสุดของประเทศ ผมว่ามันยากมากจริงๆ ที่ปาเกียวจะไปถึงตรงนั้นได้"
บนสังเวียน คุณอาจมีคู่ต่อสู้แค่ 1 คน แต่บนโลกการเมืองมันต่างกันออกไปอย่างสิ้นเชิง การแก้ไขปัญหาหนึ่งอย่าง บางครั้งต้องเจรจากับ 10 ฝ่าย มันต้องใช้ทักษะที่สูงมากๆ รวมถึงคำพูดคำจา ต้องระวังมากๆ เพราะพูดผิดแค่ประโยคเดียว อาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้เลย
ปาเกียวเป็นขวัญใจมหาชนก็จริง แต่จะชนะใจผู้คนถึงขั้นได้รับตำแหน่งประธานาธิบดีหรือไม่ ก็เป็นอะไรที่ตอบยาก
อย่างไรก็ตาม ถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ เอาจริงๆ ก็ไม่ได้ปิดตายขนาดนั้น เพราะเราก็เห็นกันแล้วว่า นักกีฬาที่ไต่เต้าไปเป็นผู้นำประเทศได้สำเร็จก็มีมาแล้ว
จอร์จ เวอาห์ อดีตกองหน้าเจ้าของบัลลงดอร์ ปัจจุบันเป็นประธานาธิบดีไลบีเรีย โดยเอาชนะคู่แข่งที่เรียนจบปริญญาโทจากสหรัฐฯ อย่างขาดลอย
หรือ อิมราน ข่าน นักคริกเก็ต กัปตันทีมชาติปากีสถาน ที่คว้าแชมป์โลกมาครองในปี 1992 ณ ปัจจุบัน เป็นนายกรัฐมนตรีของปากีสถาน พร้อมทั้งได้รับความนิยมที่สูงมากด้วย
ดังนั้นต่อให้คุณเป็นนักกีฬา ก็ไม่ได้แปลว่าคุณจะเป็นผู้นำประเทศไม่ได้ สิ่งสำคัญคือ ต้องมีภาพลักษณ์ที่ดีเยี่ยม รักษาความเป็นสตาร์เอาไว้ และมีนโยบายที่เฉียบคมเหนือกว่าคู่แข่งคนอื่นๆ ทำให้เห็นว่า คุณเข้าใจเรื่องการเมืองจริงๆ
การเลือกตั้งของฟิลิปปินส์ จะมีขึ้นในเดือนพฤษภาคมปี 2022 ดังนั้นในช่วงอีก 8 เดือนจากนี้ ปาเกียวจะลุยหาเสียงเต็มที่ พร้อมคิดหาแผน ที่จะเจาะฐานเสียงของฝั่งดูเตอร์เต้ให้ได้
ความฝันในการไปถึงจุดสูงสุดในอำนาจของปาเกียวจะเป็นจริงหรือไม่ และประชาชนฟิลิปปินส์พร้อมจะให้โอกาสนักมวยผู้โด่งดังขึ้นมาเป็นผู้นำประเทศจริงๆหรือเปล่า อีกไม่นานเราก็จะได้รู้คำตอบ
#PRESIDENTPACMAN
โฆษณา