27 ก.ย. 2021 เวลา 15:59 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
นักวิทยาศาสตร์ปักหมุดไปยัง 2 ดาราจักรที่มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นบ้านของสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาขั้นสูง
1
ด้วยการมองหาร่องรอยของปรากฏการณ์ที่เชื่อว่าอาจเกิดจากผลของสิ่งประดิษฐ์จากเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำเกินกว่าจินตนาการของเรา
เมื่อนานมาแล้ว ณ กาแล็คซี่อันไกลโพ้นอาจมีสงครามแห่งดวงดาวได้อุบัติขึ้น
มนุษย์เราคือสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาหนึ่งเดียวในจักรวาลหรือไม่?
คำถามที่จนทุกวันนี้ก็ยังไร้คำตอบ แต่วันนี้ทีมนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัย Leiden ในเนเธอร์แลนด์ได้ปักหมุดลงไปยังกาแล็คซี่อันไกลโพ้น ที่ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าจะมีอารยธรรมเหนือล้ำของมนุษย์ต่างดาวที่ทรงภูมิปัญญาขั้นสูงอาศัยอยู่
ด้วยการมองหาสัญญาณของคลื่นอินฟราเรดที่อาจจะเกิดจากโครงสร้างขนาดยักษ์ที่ถูกสร้างล้อมดาวเอาไว้เพื่อใช้ในการเก็บเกี่ยวพลังงานมาใช้ประโยชน์ให้กับอารยธรรมต่างดาวในระบบดาวนั้น ๆ ที่เรียกว่า Dyson Sphere
1
แล้วทำไมเราถึงมองหาร่องรอยหลักฐานการมีอยู่ของอารยธรรมที่มีเทคโนโลยีอันเหนือล้ำกว่าเรามาก??
ทั้งนี้เพราะว่าการตรวจสอบและมองหาสิ่งมีชีวิตนอกโลกที่อยู่ห่างไกลออกไปมาก ๆ อย่างในกาแล็คซี่อื่นนั้นแทบเป็นไปไม่ได้เลย
ดังนั้นทีมนักวิจัยจึงได้มองหาร่องรอยของอารยธรรมขั้นสูงซึ่งอาจจะตรวจจับได้แม้จากกาแล็คซี่อันไกลโพ้น
ซึ่งในปี 1964 นักดาราศาสตร์ของอดีตสหภาพโซเวียต Nikolai Kardashev ได้นำเสนอ The Kardashev scale ซึ่งเป็นมาตรวัดระดับอารยธรรมของสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญา โดยวัดจากความสามารถในการเก็บเกี่ยวและใช้ประโยชน์จากแหล่งพลังงานที่มีอยู่ในจักรวาลนี้โดยมีการแบ่งเป็น 3 ระดับ
ระดับแรกคืออารยธรรมที่สามารถเก็บเกี่ยวและใช้ประโยชน์จากแหล่งพลังงานของดาวเคราะห์ที่ตัวเองอาศัยอยู่ ซึ่งมนุษย์เราอยู่ในระดับที่ Scale 0.73 จาก 1
ระดับสองคืออารยธรรมที่สามารถเก็บเกี่ยวและใช้ประโยชน์จากแหล่งพลังงานของดาวฤกษ์ในระบบดาวที่อารยธรรมนั้นอาศัยอยู่ ซึ่ง Dyson Sphere เป็นเครื่องมือในจินตนาการที่เราคาดว่าอารยธรรมเหล่านั้นจะใช้เพื่อการนี้
ระดับสามคือระดับอารยธรรมที่สามารถควบคุมพลังงานทั้งหมดที่อยู่ภายในกาแล็คซี่ของตนได้ ซึ่งถ้ามีจริงก็จัดว่าเป็นระดับพระเจ้าสำหรับเรานั่นเอง
1
Dyson Sphere คือสิ่งก่อสร้างในจินตนาการ เป็นโครงสร้างขนาดยักษ์ที่ถูกสร้างล้อมดาวเอาไว้เพื่อใช้ในการเก็บเกี่ยวพลังงานจากดาวฤกษ์มาใช้ประโยชน์ให้กับอารยธรรมต่างดาวในระบบดาวนั้น ๆ
ภาพ Infographic ของ Dyson Sphere Project ในการเก็บเกี่ยวพลังงานจากดวงอาทิตย์เพื่อที่อารยธรรมของมนุษย์จะได้มุ่งหน้าสู่อวกาศอันไกลโพ้นได้
การแผ่รังสีอินฟราเรดในช่วงคลื่นขนาดกลาง mid-infrared (MIR) คือสิ่งที่ทีมวิจัยมองหา เพราะเชื่อว่าจะเกิดจากการคายความร้อนส่วนเกินจาก Dyson Sphere นี้ (เหมือนการระบายไอเสียร้อนที่เกิดจากห้องเผาไหม้ในเครื่องยนต์รถที่เราใช้อยู่ทุกวันนี้ซึ่งเป็นพลังงานความร้อนที่เราไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้)
ทีมวิจัยจึงมุ่งมองหาแหล่งกำเนิด MIR ที่ไม่สามารถอธิบายว่าเกิดจากปรากฏการณ์ธรรมชาติใดได้นอกจากจะมองว่าเป็นผลจากสิ่งประดิษฐ์ที่เกิดขึ้นด้วยเทคโนโลยีอันก้าวล้ำกว่าอารยธรรมของมนุษย์เราเป็นอย่างมาก
mid-infrared (MIR) คือคลื่นอินฟราเรดที่เกิดจากการแผ่รังสีความร้อน อย่างที่เราเห็นในกล้องความร้อนนั่นเอง
ซึ่งทีมวิจัยได้ทำการสำรวจข้อมูลจากดาราจักรต่าง ๆ ในซีกโลกเหนือที่มีแหล่งกำเนิดการแผ่รังสี MIR กว่า 21 ดาราจักรและพบว่ามี 4 ดาราจักรที่พบการแผ่รังสีที่เข้าข่าย
1
แหล่งกำเนิด MIR ที่เข้ารอบทั้ง 4
โดย 2 ใน 4 ดาราจักรนี้เป็นแหล่งกำเนิดรังสีอินฟราเรดมาจากใจกลางกาแล็คซี่ส่วนอีกดาราจักรก็เป็นแหล่งกำเนิดที่มาจากแหล่งเพาะบ่มดาวเกิดใหม่ (star-forming region)
สุดท้ายจึงเหลือกาแล็คซี่ที่มีแหล่งกำเนิด MIR ที่ยังไม่สามารถอธิบายได้อยู่ 2 กาแล็คซี่นั่นก็คือ ILT J134649.72+542621.7 และ ILT J145757.90+565323.8 ซึ่งอาจเป็นที่ตั้งของอารยธรรมของสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาอื่นนอกจากเรา
กาแล็คซี่รูปทรงประหลาดนี้อาจเป็นบ้านของอารยธรรมชั้นสูงที่เหนือล้ำกว่าเรามาก
แต่นี่ก็ยังไม่อาจเป็นข้อสรุปได้ว่ามีอารยธรรมขั้นสูงของมนุษย์ต่างดาวอาศัยอยู่ใน 2 กาแล็คซี่ที่กล่าวมานั้น
ทีมวิจัยจะทำการตรวจสอบแหล่งกำเนิดรังสีอินฟราเรดนี้อย่างละเอียดต่อไปทั้งการตรวจสอบในช่วงรังสีเอ็กซ์และช่วงแสงที่ตามองเห็น เพื่อให้แน่ใจว่า MIR นี้ไม่ใช่แหล่งกำเนิดที่มาจากใจกลางกาแล็คซี่หรือแหล่งบ่มเพาะดาว
ภาพในจินตนาการของ Dyson Sphere
ก็ยังคงต้องมีการตรวจสอบและพิสูจน์กันต่อไปว่าเกิดจากฝีมือของอารยธรรมทรงภูมิปัญญาจริงหรือไม่
และแม้ว่าจะไม่ใช่แต่มันก็อาจนำเราไปสู่ความรู้และความเข้าใจในปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นในจักรวาลอันกว้างใหญ่นี้ให้มากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่
Source:

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา