จากแจ็คหม่าจนถึงเจ้าเหว่ย และล่าสุดสวี่เจียอิน เจ้าของเอเวอร์แกรนด์ Evergrande ใครจะเป็นนักธุรกิจจีนคนต่อไปที่มีปัญหากับรัฐบาลจีน?
ตั้งแต่ปลายปี 2020 เหตุการณ์สั่งระงับการระดมทุนของบริษัทบริการทางการเงินอย่าง
Ant group อย่างกระทันหัน เกิดคำถามว่า รัฐบาลจีนใช้ข้ออ้างเรื่องต้องการจัดระเบียบบริษัทที่ให้บริการทางการเงินของจีนนั้น
มันเป็นเหตุผลทั้งหมดหรือไม่ และมีเหตุผลทางการเมืองที่ซ่อนเร้นแฝงอยู่หรือ?
จากนั้นได้มีการทยอยออกกฎระเบียบจัดการบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่างอาลีบาบาและบริษัทอื่นๆ โดยใช้กฎหมายควบคุมผูกขาดการค้า
ดูเหมือนว่ารัฐบาลพยายามเข้าแทรกแซงกิจการของเอกชนเพื่อไม่ให้ประชาชนถูกเอาเปรียบ ช่วยสร้างความชอบธรรมให้กับรัฐบาลที่มีสีจิ้นผิงเป็นผู้นำและพยายามสร่้างผลงานในช่วงที่ประเทศมีปัญหาทั้งภายในและภายนอก
ไม่เพียงเท่านั้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มีการขุดเรื่องเก่าที่คนส่วนใหญ่ลืมกันไปแล้วอย่าง
เจ้าเหว่ย อดีตดาราชั้นนำของจีนที่ในช่วงหลายปีหลังมานี้ ได้ผันตัวไปทำธุรกิจ ซึ่งเหตุการณ์ในอดีตนั้นได้เคยใส่ชุดทหารญี่ปุ่นเมื่อปี2001
ทำให้ถูกทางการจีนสั่งลบชื่อออกจากสารบบเครือข่ายอินเตอร์จีน หรือการที่มีการร่วมลงทุนในบริษัทAlibaba Picture น่าจะเป็นอีกสาเหตุที่เจ้าเว่ยถูกรัฐบาลจีนลงโทษ
แน่นอนว่าความที่เคยสนิทสนมกับแจ็คหม่า ก็น่าจะเป็นอีกสาเหตุหนึ่ง ซึ่งในเวลานี้ใครที่เคยมีความสัมพันธ์กับแจ็คหม่า จะถูกรัฐบาลเข้าเล่นงาน
ล่าสุดสวี่ เจียอิน เจ้าของเอเวอร์แกรนด์ก็เป็นหนึ่งในนักธุรกิจทีนับว่ามีความสนิทสนมกับแจ็คหม่าอีกคนหนึ่ง ถึงขนาดชวนแจ็คหม่า มาร่วมลงทุนในทีมฟุตบอลกวางโจวเอเวอร์แกรนด์
สวี่ เจียอินเวลานี้ได้ผจญกับปัญหาหนี้สินมหาศาลของบริษัทที่ดูเหมือนว่าจะถูกรัฐบาลทอดทิ้งหลังจากได้เจรจาขอความช่วยเหลือมาก่อนหน้านี้
ความสัมพันธ์ของทั้งสามคนนี้มีความเกี่ยวข้องอย่างไรกับกลุ่มอำนาจเก่าหรือฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับการทำงานของรัฐบาลสีจิ้นผิง บทความนี้จะให้ข้อมูลเชิงลึก
แจ็คหม่า,เจ้าเหว่ย,สวี่เจียอิน เป็นนักธุรกิจและเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลในสังคมจีน
ได้เริ่มก่อร่างสร้างตัวตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษ90 ซึ่งในสมัยนั้นนักธุรกิจจีนได้รับการส่งเสริมจากผู้บริหารระดับสูงในพรรคคอมมิวนิสต์จีน
แจ็คหม่า ได้ก่อตั้งบริษัทAlibabaก็เริ่มในช่วงเวลานั้น(ปี1999) โดยมีความสัมพันธ์ที่ดีของครอบครัวของ
เจียงเจ๋อหมิง อดีตผู้นำรุ่นที่3
แน่นอนว่าธุรกิจที่เป็นเหมือนธุรกิจสำหรับอนาคตในสมัยนั้นอย่างอีคอมเมิร์ซต้องได้รับอนุญาตและการส่งเสริมจากภาครัฐเท่านั้น
โดยเฉพาะการที่เปิดให้บริษัทญี่ปุ่นอย่าง Soft Bank มาเป็นผู้ถือหุ้นของAlibaba ถ้าหากรัฐบาลไม่เห็นชอบด้วยคงไม่มีทางดำเนินการได้แน่
จนถึงปี2010 เจียงจื้อเฉิงหลานชายของ เจียงเจ๋อหมิง ก่อตั้งบริษัท Boyu Capital ร่วมทุนในบริษัทAlibaba และในปี2014 ได้เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์อเมริกา
ทำให้เพิ่มมูลค่ามหาศาลกว่าสองแสนล้านเหรียญ ซึ่งได้ทำเงินมหาศาลให้กับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง
เจียงจื่อเฉิง หลายชายของอดีตผู้นำจีนและบริษัทที่ถือหุ้นในAlibaba
แต่แล้วช่วงเวลาอันหอมหวานใกล้จะหมดลง แผนการระดมทุนครั้งใหญ่ของฝ่ายอดีตผู้บริหารระดับสูงของพรรคคอมมิวนิสต์โดยมีแจ็คหม่า เป็นผู้ดำเนินงานผ่านบริษัทที่มีมูลค่าสูงเป็นอันดับต้นๆของโลก อย่างAnt group ได้ถูกสีจิ้นผิง สั่งยกเลิกแผนงานนี้
แถมเริ่มไล่ตรวจสอบผู้ถือหุ้นและพยายามเข้าควบคุมบริษัท Alibaba และบริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ
อ่านบทความเกี่ยวกับเบื้องหลัง
จนมาถึงวันนี้ ถึงแม้ว่าจะมีข่าวคราวของแจ็คหม่า ออกทางสื่อบ้างประปราย แต่สถานะและความเป็นอยู่ของเค้า ไม่มีทางเหมือนก่อนหน้านี้อย่างแน่นอน
นอกจากแจ็คหม่า แล้วเพื่อนดาราที่ผันตัวมาเป็นนักธุรกิจหมื่นล้านอย่างจ้าวเหว่ย ก็ถูกรัฐบาลจีนลงโทษ
จากรายงานข่าวเมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา หน่วยงานไซเบอร์สเปซแห่งประเทศจีน (Cyberspace Administration of China : CAC)
เป็นหน่วยงานกลางที่ทำหน้าที่ควบคุม ตรวจสอบ และดูแลการใช้งานอินเทอร์เน็ตแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้ทำการลบชื่อของเจ้าเหว่ย ออกจากสารบบเครือข่ายอินเตอร์จีนและเข้าควบคุมตัวเจ้าเหว่ย
โดยมีรายงานจากสื่อทางการจีนว่าสาเหตุพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในอดีตที่เคยใส่ชุดทหารญี่ปุ่นเมื่อปี2001 และทางการจีนต้องการจัดระเบียบศิลปินนักแสดงของจีนที่หลายคนได้ทำธุรกิจลงทุนในด้านต่างๆ
เจ้าเหว่ยได้ออกมาขอโทษสำหรับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ใส่ชุดทหารญ
คนที่นับได้ว่าประสบความสำเร็จหนึ่งในนั้นก็คือเจ้าเหว่ย หลังจากที่ได้แต่งงานกับ หวงยู่หลง นักธุรกิจที่มีความสัมพันธ์อันดีกับผู้บริหารระดับสูงของพรรคคอมมิวนิสต์จีน
ในช่วงตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา
เจ้าเหว่ย มีข่าวการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และถือหุ้นในบริษัทที่มีมูลค่าอันดับต้นๆในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง จนได้ฉายาว่าเป็น”วอร์เรน บัฟเฟตต์หญิงของจีน”
จนในปี2017 ได้ถูกหน่วยรัฐเข้าตรวจสอบการลงทุนที่ผิดปกติของเธอ ทำให้ถูกลงโทษห้ามซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงและจีนเป็นเวลา5ปี
ในปี2016 มีการคำนวณมูลค่าสินทรัพย์ของเจ้าเหว่ยและสามี มีมูลค่าถึง5.6พันล้านหยน
เมื่อถูกห้ามทำธุรกิจทางการเงินแล้วทำไมเจ้าเหว่ย ยังไม่วายถูกทางการจีนลงโทษ มีการเชื่อมโยงเหตุการณ์ของเจ้าเหว่ย เข้ากับการประชุมหน่วยงานกำกับดูแลนโยบายการเงินของจีนที่มี สีจิ้นผิง เป็นประธานในวันที่
17 สิงหาคม โดยการประชุมครั้งนี้ สีจิ้นผิง สั่งให้คณะทำงานศึกษาหาวิธีป้องกันความเสี่ยง
การลงทุนของบุคคลที่มีประวัติไม่น่าเชื่อถือ
หลังจากนั้นอีก 9 วัน คือวันที่ 26 สิงหาคม มีข่าวจ้าวเหว่ย ถูกควบคุมตัว ซึ่งหวงยู่หลง สามีของเจ้าเหว่ย เคยมีข่าวว่าเคยทำงานให้กับเสาเจี้ยนหัว ประธานบริษัท Tomorrow Group
บริษัทจัดการการลงทุนที่ช่วยบริหารการลงทุนให้กับครอบครัวของเจียงเจ๋อหมิง และเจิงซิ่งหง อดีตรองประธานาธิบดีจีน
ซึ่งเจิงซิ่งหง ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นมือขวาของเจียงเจ๋อหมิง ในการจัดเรื่องสร้างความสัมพันธ์กับนักธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่มนักธุรกิจฮ่องกง จนได้ฉายาว่าเป็นผู้ว่าใต้ดินของฮ่องกง และเจ้าเหว่ย เองก็มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเจิงซิ่งหวาย ญาติผู้น้องของเจิงซิ่งหงอีกด้วย
รูปถ่ายที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าเหว่ยและเจิงซิงหวาย
มีสื่อหลายสำนักวิเคราะห์ว่าเจ้าเหว่ย และหวงยู่หลง สามีภรรยาคู่นี้เป็นคนที่ช่วยอดีตผู้บริหารระดับสูงและเครือญาติบริหารจัดการการลงทุนคล้ายกับที่แจ็คหม่า ช่วยทำเงินมหาศาลให้กับครอบครัวของเจียงเจ๋อหมิง
ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว บุคคลเหล่านี้จะถูกรัฐบาลสีจิ้นผิง หาวิธีการลงโทษและปรับเงินกลุ่มคนที่ช่วยฝ่ายอำนาจเก่าหรือฝ่ายตรงข้ามของสีจิ้นผิง เปรียบเสมือนการตัดกำลังฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย หรือเห็นต่างกับแนวทางการบริหารประเทศของผู้นำคนปัจจุบัน
หลังจากมีข่าวจ้าวเหว่ย ถูกรัฐบาลเข้าควบคุมได้ไม่นาน นักธุรกิจอีกคนหนึ่งที่ก่อนหน้านี้ดูเหมือนว่าจะไม่มีปัญหากับรัฐบาลปัจจุบัน
เพราะได้มีการปรากฎตัวในงานฉลองครบรอบการก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีน เมื่อวันที่ 1 กรกฏาคมที่ผ่านมา คือสวี่เจียอิง ประธานบริษัทเอเวอร์แกรนด์
สวี่เจียอิง เป็นนักธุรกิจไม่กี่คนที่ได้เข้าร่วมงานฉลองครบรอบวันก่อตั้งพรรคคอมมิ
เจอปัญหาครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง หลังจากมีประชาชนในหลายเมืองใหญ่ของจีน เข้าไปประท้วงขอเงินคืนจากการซื้อผลิตภัณฑ์การเงินของบริษัทEvergrande Weath ซึ่งเป็นหนึ่งในเครือบริษัทเอเวอร์แกรนด์กรุ๊ป
ก่อตั้งเมื่อปี2017 ดำเนินธุรกิจขายผลิตภัณฑ์ทางการเงินทั้งกองทุน ประกันชีวิตแบบต่างๆ
ซึ่งดูเหมือนว่าบริษัทนี้จะเป็นแหล่งเงินทุนอีกแห่งสำหรับการบริหารงานของเอเวอร์แกรนด์ ที่มีหนี้สินกับธนาคารทั่วประเทศจีนกว่า128 แห่ง
นอกจากนี้ยังมีบริษัท Evergrande New Energy Auto บริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้า เมื่อต้นปีที่ผ่านมา สามารถทำมูลค่าในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงได้กว่า 87,000 ล้านเหรียญ ทั้งที่บริษัทยังไม่ผลิตรถได้ซักคน
เวลานี้สองบริษัท เป็นเหมือนกระเป๋าเงินให้บริษัทแม่อย่างเอเวอร์แกรนด์ที่ดำเนินกิจการอสังหาริมทรัพย์แต่ไม่น่าจะเพียงพอสำหรับมูลค่าหนี้สินกว่าล้านล้านบาท
รถยนต์ไฟฟ้าตัวอย่างของบริษัทเอเวอร์แกรนด์ ที่มีคนจับได้ว่าเป็นแค่โครงรถ ไม่สามารถวิ่งได้จริง
แน่นอนว่าท่าทีของรัฐบาลจีนมีส่วนสำคัญในการจัดการบริษัทยักษ์ใหญ่เจ้านี้
มีสื่อบางสำนักได้วิเคราะห์ว่าปัญหาฟองสบู่ อสังหาริมทรัพย์ของจีนเป็นปัญหายืดเยื้อที่จัดการได้ยากมาก
แต่รัฐบาลของสีจิ้นผิง จะอาศัยการชะลอตัวของเศรษฐกิจในครั้งนี้จัดการแบบเด็ดขาด และอีกมุมหนึ่งก็เป็นการตัดกำลังทุนทรัพย์ของฝ่ายตรงข้ามและฝ่ายอำนาจเก่า
ซึ่งสวี่เจียอิงเอง ก็มีความสัมพันธ์กับเจิงซิ่งหง ที่เป็นตัวเชื่อมให้นักธุรกิจมหาเศรษฐีฮ่องกงอย่างเจิ้งหยูเผิง เจ้าของห้างทองโจวต้าฟู และหลิวล้วนสง หนึ่งใน4ตระกูลธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ฮ่องกง มาเป็นหุ้นส่วนคนสำคัญของบริษัทเอเวอร์แกรนด์
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในวันที่บริษัทจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงในปี2007 ซึ่งเป็นปีที่เริ่มมีปัญหา “วิกฤติสินเชื่อซับไพรม์ของอเมริกา” มหาเศรษฐีชาวฮ่องกงทั้งสองได้ช่วยเงินกว่าหมื่นล้านฮ่องกงในการดันเอเวอร์แกรนด์ผ่านปัญหาในครั้งนั้นไปได้
นักธุรกิจมหาเศรษฐีฮ่องกงผู้อยู่เบื้องหลังบริษัทเอเวอร์แกรน
นอกจากนี้ปลายปี2020 ที่ผ่านมายังช่วยให้สวี่เจียอิง
ผลักดันบริษัท Evergrande Service บริษัทบริหารและให้บริการจัดการอสังริมทรัพย์เข้าตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงและทำมูลค่ากว่า 94,000 ล้านเหรียญฮ่องกง
แต่วันนี้เศรษฐีชาวฮ่องกงทั้งสองได้รับผลกระทบจากปัญหาหนี้สินมหาศาลอย่างแน่นอน ซึ่งน่าจะอยู่ในแผนของรัฐบาลสีจิ้นผิง ที่ต้องการจัดการกลุ่มนักธุรกิจมหาเศรษฐีฮ่องกงที่ตลอดหลายสิบปีมานี้
ได้ผลประโยชน์จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั้งในจีนและฮ่องกง และเป็นไปตามแนวทางของการเปลี่ยนให้ฮ่องกงเป็นเหมือนเมืองหนึ่งในประเทศจีน ไม่มีสิทธิพิเศษ
ที่สำคัญคือจัดการ กลุ่มอำนาจเก่าที่อาศัยฮ่องกงเป็นช่องทางในการหาผลประโยชน์ จากการเป็นช่องทางการลงทุนสำหรับต่างชาติผ่านตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง
สีจิ้นผิงไล่ตรวจสอบอดีตผู้บริหารประเทศอย่างเจิงซิ่งหงและเจียงเจ๋อหมิง
ล่าสุดท่าทีของรัฐบาลจีนต่อการแก้ปัญหาหนี้สินของเอเวอร์แกรนด์น่าจะเป็นการปล่อยให้บริษัทล้มละลาย
แล้วทางรัฐบาลจะเข้าไปบริหารจัดการสินทรัพย์หรือธุรกิจที่ยังมีสภาพคล่องสามารถดำเนินงานได้ต่อไป
ซึ่งจะคล้ายกับวิธีที่รัฐบาลใช้จัดการกับสายการบินไหหนาน เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ที่บริษัทรัฐวิสากิจหรือบริษัทของรัฐบาลท้องถิ่นในมณฑลนั้นๆมาเข้ามาบริหารงานต่อ
สิ่งที่น่าสนใจคือธุรกิจอะไรจะเป็นรายต่อไปที่จะถูกรัฐบาลจีนเข้ามาจัดระเบียบหรือมองอีกมุมคือการเข้าควบคุมและเปลี่ยนบริษัทรายนั้นให้เป็นของภาครัฐ
จะคล้ายกับแนวการปกครองในสมัยของเหมาเจ๋อตุงที่รัฐบาลต้องการจะรวมอำนาจบริหารเข้าสู่ศูนย์กลางและมีการจัดการฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย
ในเวลาเดียวกันด้วย สำหรับสีจิ้นผิงที่ได้มีชาวเน็ตจีนเทียบว่าเป็นเหมาเจ๋อตุงกลับชาติมาเกิดต้องการรักษาเสถียรภาพในการดำรงตำแหน่งผู้นำที่กำลังจะหมดวาระในปี2022
ใครที่เคยมีความสัมพันธ์กับอดีตผู้บริหารพรรคล้วนแต่มีโอกาสเกิดปัญหาให้ทั้งนั้น ต้องรอติดตามต่อว่ายังมีนักธุรกิจคนไหนบ้างที่อาจจะถูกลงโทษ
ข้อมูลอ้างอิง
- 111
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
