28 ก.ย. 2021 เวลา 07:16 • ประวัติศาสตร์
ทรราชของแผ่นดิน!? ห้าจักรพรรดิที่่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของโรมัน (ภาคหนึ่ง)
1
หลังจากที่เราได้กล่าวถึง 10 จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่แห่งโรมันไปแล้ว มาถึงตอนนี้ เราก็จะพูดถึง 10 จักรพรรดิที่แย่ที่สุดของโรมันกันบ้าง โดยเราจะแบ่งเป็นสองตอนนะครับ
ติดตามซีรีย์ 10 จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่แห่งจักรวรรดิโรมันได้จากลิงค์ด้านล่างครับ
ในประวัติศาสตร์ของโรมัน เต็มไปด้วยวีรบุรุษและจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่มากมาย แต่ขณะเดียวกัน ก็ยังมีจักรพรรดิที่ประพฤติตนในทางมิชอบ ปล่อยปละละเลยในงานราชการแผ่นดิน และปกครองแผ่นดินด้วยความโหดร้ายทารุณ จนทำให้ชื่อของจักรพรรดิเหล่านี้ถูกจดจำในฐานะทรราช
และนี่คือ 5 จักรพรรดิผู้เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของโรมัน (ภาคที่หนึ่ง) ครับ
1. คอมโมดัส
เป็นเรื่องที่น่าเสียดายไม่น้อย ที่คอมโมดัส ทายาทของ มาคัส ออเลลิอัส จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิโรมัน ไม่ได้เป็นนักปกครองที่ดีเหมือนพระบิดา ทั้ง ๆ ที่คอมโมดัส มีส่วนร่วมในการช่วยพระบิดาปกครองจักรวรรดิโรมันระหว่างปี ค.ศ.177 – 180 แต่เขาแทบไม่ได้เรียนรู้สิ่งดี ๆ จากจักรพรรดิมาคัส ออเลลิอัส เลยแม้แต่น้อย
1
หลังจากจักรพรรดิมาคัส ออเลลิอัส สิ้นพระชนม์ คอมโมดัสก็ก้าวขึ้นมาปกครองจักรวรรดิโรมันแทนพระบิดาของตน จักรพรรดิคอมโมดัสให้ความสนใจในด้านการต่อสู้บนสนามประลองกลาดิเอเตอร์ โดยพระองค์ใช้เวลาไปกับการประลองฝีมือกับนักรบกลาดิเอเตอร์ที่เป็นพวกทาสและอาชญากร มากกว่าจะออกว่าราชการร่วมกับเหล่าบรรดาสมาชิกวุฒิสภาของโรมัน และการกระทำดังกล่าว ได้ทำให้สมาชิกวุฒิสภาของโรมันไม่พอใจเป็นอย่างมาก
ตามประวัติศาสตร์กล่าวถึงจักรพรรดิคอมโมดัสว่า พระองค์หมกหมุ่นอยู่กับตัวเอง เป็นคนที่หยิ่งยโส รักการต่อสู้และรักการล่าสัตว์มากกว่าให้ความสำคัญกับการเมือง การปกครองและการทหารภายในจักรวรรดิโรมันเสียอีก
ไม่เพียงเท่านี้ จักรพรรดิคอมโมดัสยังเปลี่ยนพระนามของตัวเองเป็นเฮอร์คิวลิส ตามเทพเจ้ากรีกที่ตนนับถือเป็นต้นแบบ ด้วยความปล่อยปละละเลยในการว่าราชการแผ่นดิน จักรวรรดิโรมันที่เคยสงบสุขในรัชสมัยของจักรพรรดิมาคัส ออเลลิอัส ก็เกิดความวุ่นวายจนกลายเป็นสงครามกลางเมืองในยุคของจักรพรรดิคอมโมดัส
ภายหลังจักรพรรดิคอมโมดัสได้เสียชีวิตจากการประลองในสนามรบกลาดิเอเตอร์ โดยพระองค์ถูกรัดคอโดยนักมวยปล้ำที่ชื่อนาร์ซิสซัสในปี ค.ศ.192
2. เนโร
จักรพรรดิเนโร ได้รับการบันทึกชื่อในหน้าประวัติศาสตร์ว่าเป็นหนึ่งในจักรพรรดิที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของจักรวรรดิโรมัน พระองค์สั่งตัดสินโทษประหารชีวิตใครก็ตามที่พระองค์ไม่ไว้วางใจ แม้กระทั่งแม่และภรรยาของตน รวมไปถึงผู้คนอีกจำนวนมากที่ถูกจักรพรรดิเนโรสั่งประหารชีวิตจากความหวาดระแวงของตนเอง
นอกเหนือจากความโหดร้ายแล้ว จักรพรรดิเนโรยังเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัยว่าอาจเป็นผู้ก่อเหตุเผากรุงโรมเมื่อปี ค.ศ.64 โดยในตอนนั้นได้เกิดเหตุเพลิงไหม้กรุงโรมเป็นเวลานานกว่า 6 วัน จนทำให้บ้านเรือนผู้คนได้รับความเสียหายอย่างหนัก โดยที่จักรพรรดิเนโรไม่ยอมส่งกำลังทหารเข้าไปช่วยประชาชนดับไฟ ซ้ำร้ายพระองค์ยังนำเครื่องดนตรีมาบรรเลงอย่างสุนทรีย์ท่ามกลางเปลวเพลิงที่ลุกไหม้เหนือกรุงโรม
3
หลังจากที่ไฟสงบในวันที่ 7 จักรพรรดิเนโรได้สั่งเวนคืนที่ดินจำนวนหนึ่งเพื่อนำมาสร้างพระราชวังทองคำ จนทำให้ประชาชนปักใจเชื่อว่าจักรพรรดิเนโรคือผู้สั่งเผากรุงโรม ด้วยเหตุผลเพราะในอดีต จักรพรรดิเนโรเคยปรารภว่าอยากเปลี่ยนชื่อกรุงโรมเป็นกรุงเนโรโปลิส (Neropolis)
1
เมื่อเห็นว่าจวนตัว จักรพรรดิเนโรก็เลยโยนความผิดทั้งหมดไปให้ชาวคริสเตียน ที่ในขณะนั้นถูกมองว่าเป็นกลุ่มลัทธินอกกฎหมาย โดยพระองค์ได้สั่งให้มีการจับกุมตัวชาวคริสเตียนมาลงโทษ ด้วยการนำชาวคริสเตียนไปปล่อยในสนามโคลอสเซียม แล้วให้สัตว์ป่าที่หิวโหยมารุมกินชาวคริสเตียนต่อหน้าประชาชน ไม่เพียงเท่านี้ จักรพรรดิเนโรยังได้ขูดรีดภาษีจากประชาชนเพื่อนำมาซ่อมแซมบ้านเมืองที่ได้รับความเสียหายและแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ล่มจมของกรุงโรม จนเป็นที่มาของคำว่า 'เนโรเผากรุงโรม' ซึ่งภายหลังมันได้กลายเป็นวลีติดปากยาวนานกว่าสองพันปีจนมาถึงปัจจุบัน และได้กลายเป็นชื่อโปรแกรมซอฟต์แวร์เขียนแผ่นซีดี/ดีวิดี ที่คนอายุ 30+ น่าจะรู้จักกันดีเวลาต้องทำงานพรีเซนต์อาจารย์สมัยเรียน (Nero Burning ROM)
5
สุดท้าย ชาวบ้านเริ่มทนไม่ไหวกับความโหดร้ายทารุณของจักรพรรดิเนโร เลยรวมตัวกันประท้วง จนทำให้จักรพรรดิเนโรหวาดกลัว เลยตัดสินใจปลิดชีพตัวเองเพื่อหนีความผิดในเดือนมิถุนายน ค.ศ.68
2
3. เอลากาบาลัส
พระนามเดิมของจักรพรรดิเอลากาบาลัสคือ วาลิอัส อวิตัส บาสซิอานัส โดยพระองค์เป็นสมาชิกของราชวงศ์เซเวรัน ที่ก้าวขึ้นมาปกครองจักรวรรดิโรมันตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ด้วยวัยเพียง 14 ปี เท่านั้น
ถึงแม้ยังอยู่ในวัยเยาว์ แต่จักรพรรดิเอลากาบาลัสเองก็ก่อเรื่องอื้อฉาวมากมาย จนก่อให้เกิดความวุ่นวายไปทั่วแผ่นดิน ด้วยการเชื้อเชิญโสเภณีจากทั่วทุกมุมในดินแดนจักรวรรดิโรมันให้มาหาพระองค์ หลังจากนั้นก็จะเชิญพวกนางไปอาบน้ำในที่สาธารณะต่อหน้าประชาชนโดยไม่มีความรู้สึกเนียมอายเลยแม้แต่น้อย
1
ด้วยความมักมากในกาม เลยทำให้จักรพรรดิเอลากาบาลัส มีทายาททั้งชายและหญิงหลายคนที่ถูกทรมานและถูกทอดทิ้ง พร้อมกันนี้ จักรพรรดิเอลากาบาลัสยังทำลายขนบธรรมเนียมอันดีของชาวโรมัน ด้วยการแต่งงานกับเวสตัล เวอร์จิน (Vestal Virgin) นักบวชพรหมจารีย์หญิงนามว่า อควิเลีย เซเวรา
สุดท้าย เมื่อประชาชนเริ่มทนไม่ไหว ที่จักรพรรดิเอลากาบาลัสไม่ได้ประพฤติตนตามขนมธรรมเนียมประเพณีอันดีของชาวโรมัน เลยทำให้พระองค์ถูกประชาชนต่อต้านอย่างหนัก และภายหลังจักรพรรดิเอลากาบาลัสถูกลอบสังหารโดยทหารยามด้วยวัยเพียง 18 ปี รวมระยะเวลาที่พระองค์ปกครองจักรวรรดิโรมันเพียง 4 ปี เท่านั้น (ค.ศ.218 – ค.ศ. 222)
4. ไดอาคลีเชียน
จักรพรรดิไดอาคลีเชียนปกครองจักรวรรดิโรมันระหว่างปี ค.ศ.284 – 305 ในช่วงแรกพระองค์เป็นจักรพรรดิผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตา แต่ภายหลังจักรพรรดิไดอาคลีเชียนได้กลายเป็นนักปกครองผู้โหดเหี้ยม และสั่งประหารใครก็ตามที่ไม่ยอมประพฤติตนตามที่พระองค์ตองการ
จักรพรรดิไดอาคลีเชียนนั้นตั้งตัวเป็นปฎิปักษ์อย่างชัดเจนต่อชาวคริสเตียน โดยพระองค์แสดงความต้องการอย่างชัดเจนว่าชาวโรมันทุกคนห้ามนับถือศาสนาคริสต์ที่ในรัชสมัยของพระองค์มองว่าเป็นลัทธินอกรีต และใครก็ตามที่ไปนับถือศาสนาคริสต์จะต้องโดนพระองค์ลงโทษ ด้วยการทรมาน และเผาทำลายโบสถ์คริสต์ เผาพระคัมภีร์ กักขังชาวคริสเตียน หรือแม้กระทั่งประหารชีวิตชาวคริสเตียนทิ้ง
ในรัชสมัยของพระองค์ สิทธิมนุษยชนเป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้ ชาวโรมันไม่มีสิทธิเสรีภาพในการใช้ชีวิตและเลือกนับถือศาสนาตามที่ตนต้องการ กล่าวกันว่า ใครก็ตามที่ทำให้จักรพรรดิไดอาคลีเชียนไม่พอใจ จะต้องถูกนำตัวไปโยนในกรงเพื่อให้สิงโตกินทั้งเป็น และความโหดร้ายของจักรพรรดิไดอาคลีเชียนก็เพิ่มขึ้นมากเรื่อย ๆ พร้อม ๆ กับชาวคริสเตียน ที่ยังยึดมั่นในศรัทธาของตนเองเช่นเดิม
ภายหลังจักรพรรดิไดอาคลีเชียน เริ่มสั่งลงโทษทุกคนที่เกี่ยวข้องโดยไม่มีข้อยกเว้น ถึงแม้จะเป็นข้าราชการศาลตุลาการก็ตาม จนทำให้พระองค์ถูกลอบสังหารในเดือนธันวาคม ค.ศ.311 ด้วยการสมรู้ร่วมคิดจากกลุ่มคนที่ไม่พอใจในการปกครองที่เต็มไปด้วยความโหดร้ายของจักรพรรดิไดอาคลีเชียนนั่นเอง
1
5. คาราคัลลา
จักรพรรดิคาราคัลลา เป็นบุตรชายของจักรพรรดิเซปติมิอัส เซเวรัส ที่เคยปกครองจักรวรรดิโรมันร่วมกับบุตรชายทั้งสองคน ได้แก่ คาราคัลลา และแกต้า
หลังจากจักรพรรดิเซปติมิอัส เซเวรัส สิ้นพระชนม์ คาราคัลลา ได้ลงมือสังหารแกต้า น้องชายของเขาต่อหน้ามารดาศัตรูทางการเมืองของตน หลังจากนั้นจักรพรรดิคาราคัลราก็สังหารทุกคนที่ให้การสนับสนุนแกต้า เพื่อก้าวขึ้นมาเป็นจักรพรรดิเพียงหนึ่งเดียว ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้ประชาชนตราหน้าพระองค์ว่าเป็นทรราช
จักรพรรดิคาราคัลลาให้ความสนใจในด้านกองทัพเป็นพิเศษ โดยพระองค์ยกย่องวีรกรรมของอเล็กซานเดอร์มหาราชแห่งมาซิโดเนีย ผู้เคยพิชิตดินแดนอันกว้างใหญ่จากดินแดนกรีก เปอร์เซีย ไปจนถึงอินเดีย ด้วยเหตุผลนี้เอง เลยทำให้จักรพรรดิคาราคัลลาได้ฝึกทหารกว่า 160,000 ในรูปแบบกองทหารฟาลักซ์ (พลแหลนยาว) ตามแบบฉบับกองทัพมาซิโดเนียในยุคโบราณ
1
ด้วยความชื่นชอบในตัวของอเล็กซานเดอร์มหาราช เลยทำให้จักรพรรดิคาราคัลลามีอารมณ์ร่วมในความตายของอเล็กซานเดอร์มหาราช ที่พระองค์เชื่อว่าถูกวางยาพิษโดยอริสโตเติล พระอาจารย์ของอเล็กซานเดอร์มหาราช ที่ภายหลังได้มีประเด็นความขัดแย้งกัน จนทำให้จักรพรรดิคาราคัลลาสั่งประหารนักปราชญ์ในสำนักปรัชญาของอริสโตเติลทั้งหมดเพื่อล้างแค้นให้กษัตริย์นักรบแห่งมาซิโดเนียที่พระองค์นับถือเป็นต้นแบบ
2
จักรพรรดิคาราคัลลาปกครองจักรวรรดิโรมันด้วยความโหดร้ายทารุณ จนทำให้จักรวรรดิโรมันปั่นป่วน และเกิดสงครามกลางเมืองขึ้น โดยภายหลังจักรพรรดิคาราคัลลาถูกทหารของตัวเองที่มีชื่อว่า จัสติน มาเทียล ลอบสังหารโดยให้เหตุผลว่าทั้งหมดเป็นการล้างแค้นให้แกต้า น้องชายของจักรพรรดิคาราคัลลานั่นเอง
1
ข้อมูลจาก : HISTORYTEN
โฆษณา