16 ต.ค. 2021 เวลา 04:00
เปลี่ยนตัวเองให้ Productive ได้ทั้งวัน
ด้วยเทคนิค ‘The Life S.A.V.E.R.S.’
ถ้าพูดถึงกิจวัตรประจำวันในตอนเช้าแล้ว คุณก็คงจะนึกถึงภาพการตะเกียกตะกายขึ้นจากที่นอน รีบลุกลี้ลุกลนขึ้นไปอาบน้ำ แปรงฟัน เพื่อไปทำงานใช่ไหมล่ะ?
1
ซึ่งบางทีหลายคนก็มีอาการเตียงดูดหรือโซเชียลมีเดียดูดพ่วงมาด้วย ทำให้มัวแต่เสียเวลาอยู่ตั้งนานสองนาน และกว่าจะรู้ตัวอีกทีก็สายซะแล้ว สุดท้ายก็เลยต้องล่กกว่าเดิมไปอีก
หากเปรียบเทียบ การตื่นนอนก็เหมือนกับเวลาที่เราพลิกสมุดหน้าถัดไป เพื่อขีดเขียนเรื่องราวชีวิตลงไปนั่นแหละ ช่วงเช้าจึงเป็นเหมือนเวลาอุดมคติในการตั้งเป้าหมายสำหรับทำสิ่งต่างๆ ถ้าตอนเช้าคุณเริ่มต้นด้วยความรีบร้อน วันๆ นั้นก็จะยิ่งแย่กันเข้าไปใหญ่ ในทางกลับกัน ถ้าคุณเริ่มต้นด้วยสิ่งดีๆ วันๆ นั้นก็จะเป็นวันที่มหัศจรรย์มากเลยทีเดียว
ฮัล เอลรอด (Hal Elrod) ไลฟ์โค้ชชาวอเมริกันที่ประสบความสำเร็จอันดับต้นๆ และเป็นผู้เขียนหนังสือ The Miracle Equation ได้เผยเทคนิคที่จะช่วยเปลี่ยนแปลงทุกๆ เช้าของหลายๆ คนให้ ‘มหัศจรรย์’ มากยิ่งขึ้นเอาไว้ในหนังสือ The Miracle Morning โดยเขาได้ตั้งชื่อเทคนิคนี้ว่า “The Life S.A.V.E.R.S.” นั่นเอง และมันก็เป็นเหมือนมนตร์วิเศษอย่างหนึ่งด้วยนะ เพราะใช้เวลาเพียงแค่ 6 นาทีเท่านั้น
1
เล่ามาถึงตรงนี้แล้ว คุณเองก็คงชักจะอยากรู้แล้วล่ะสิ งั้นไปดูกันเลยว่า 6 นาทีอันทรงพลังนี้ต้องทำอะไรบ้าง?
1
นาทีที่ 1 นาทีของ S : Silience การเงียบสงบ
แทนที่จะใช้นาทีแรกของการตื่นนอนไปกับการเช็กโซเชียลมีเดีย อัปเดตข่าวความเคลื่อนไหวของสังคม หรือติดต่อกับใครบางคน ลองเปลี่ยนเป็นการเริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยช่วงเวลาแห่ง ‘สติ’ ดู ให้เวลากับตัวเองเพียงลำพัง ทำให้อารมณ์ของคุณเงียบสงบตั้งแต่เช้า ปล่อยใจให้สบาย เพราะอารมณ์แรกตอนตื่นนอนเนี่ยแหละจะเป็นตัวกำหนดวันที่เหลือของคุณทั้งหมด
1
นาทีที่ 2 นาทีของ A : Affirmation การปฏิญาณตน
เชื่อว่า ตอนเด็กๆ คุณน่าจะเคยผ่านการเรียนวิชาลูกเสือเนตรนารีกันมาอย่างแน่นอน ซึ่งเวลาที่เรียนคุณครูก็จะสอนให้เราปฏิญาณตนอยู่ตลอด โดยคำปฏิญาณตนมักจะขึ้นต้นด้วยประโยคทำนองว่า “ด้วยเกียรติของข้า ข้าขอสัญญาว่า…”
3
ไหนๆ ก็อุตส่าห์เรียนกันมาแล้วทั้งที ลองดึงมันมาใช้ให้เป็นประโยชน์ดูสิ ถามตัวเองว่า มีเป้าหมายอะไร และทำไมคุณถึงอยากให้สิ่งนั้นเป็นจริง? พอตอบตัวเองได้แล้วก็ปฏิญาณตน ให้คำมั่นสัญญาหน้ากระจกในทุกๆ เช้าซะ ย้ำเตือนกับตัวเองซ้ำๆ ถึงสิ่งเหล่านั้น ทำให้จิตใต้สำนึกเริ่มเชื่อ เพื่อให้มันดึงศักยภาพที่ไร้ขีดจำกัดของคุณออกมา
นาทีที่ 3 นาทีของ V : Visualization การจินตนาการ
“ภาพแรกเกิดขึ้นในจิตใจของเราก่อนเสมอ ส่วนภาพที่สองเกิดขึ้นจากการลงมือทำ”
จะว่าไป มันก็จริงอย่างที่เขาพูดกันมาแบบนั้นนั่นแหละ เพราะถ้ายิ่งเห็นภาพชัดเจนเท่าไร คุณก็จะยิ่งมีแรงผลักดันทำให้สามารถทำสิ่งนั้นได้มากขึ้นเท่านั้น และนอกจากนี้ ฮัล เอลรอด ยังแนะนำอีกด้วยว่า วิธีนี้เป็นวิธีการฝึกซ้อมทางจิตใจที่นักกีฬาชั้นนำมักจะใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขันกัน
หลับตาลง สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วจินตนาการถึงสิ่งที่คุณอยากให้เป็นจริงในวันนี้ ลองคิดว่า ถ้าทำมันได้ คุณหรือคนรอบตัวจะรู้สึกภาคภูมิใจมากแค่ไหน จากนั้น นึกถึงภาพสิ่งที่ต้องทำ แรงผลักดัน และวิธีการต่างๆ ที่จะทำสิ่งนั้นให้สำเร็จ
นาทีที่ 4 นาทีของ E : Exercise การออกกำลังกาย
รู้หรือไม่ว่า คนที่ประสบความสำเร็จที่มีชื่อเสียงหลายคนก็เริ่มต้นจากการออกกำลังกายด้วยกันทั้งนั้น ยกตัวอย่างเช่น ทิม คุก (Tim Cook) ซีอีโอบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างแอปเปิล (Apple) เอง ก็เข้ายิม เพื่อออกกำลังกายในทุกๆ เช้าเหมือนกัน
การออกกำลังกายไม่เพียงแค่ดีต่อร่างกายหรอกนะ แต่มันยังช่วยฟื้นฟูสภาพจิตใจ ทำให้คุณรู้สึกสดชื่นอีกด้วย โดยการออกกำลังกายที่ว่า ไม่จำเป็นจะต้องไปเล่นถึงยิมแบบทิม คุก เสมอไป อาจจะเปลี่ยนเป็นการยืดเส้นยืดสาย บิดขี้เกียจ หรือวิ่งเหยาะๆ รอบบ้านก็ได้ มันไม่ได้สำคัญหรอกว่า จะต้องออกกำลังกายหนักๆ เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่สิ่งที่สำคัญคือ คุณได้ลงมือออกแล้วรึยังต่างหากล่ะ
1
นาทีที่ 5 นาทีของ R : Reading การอ่าน
ใช้ 1 นาทีนี้ให้คุ้มค่าที่สุดด้วยการลงทุนไปกับการอ่าน หลายคนอาจจะคิดว่า เวลาแค่นี้จะไปพออะไร แต่เราก็ไม่ได้บอกสักหน่อยว่า จะต้องอ่านหนังสือจนจบทั้งบทหรือทั้งเล่ม ลองสละเวลาเล็กๆ น้อยๆ ของทุกๆ เช้า เพื่ออ่านวันละ 1-2 หน้าดู ค่อยๆ เก็บสะสมความรู้ไป
1
คิดเล่นๆ ดูสิว่า ถ้าอ่านวันละหน้า พออ่านไปเรื่อยๆ จนครบ 1 ปี คุณก็จะอ่านได้ทั้งหมด 365 หน้า มันอาจจะไม่ได้มากมายสักเท่าไร แต่อย่างน้อยก็น่าจะอ่านหนังสือจบได้สักเล่มหนึ่งแหละเนอะ และก็ไม่แน่หรอกนะ สิ่งที่อ่านในวันนี้อาจจะไปมีประโยชน์กับตัวคุณในวันข้างหน้าก็ได้
1
นาทีที่ 6 นาทีของ S : Scribing การจดบันทึก
หยิบสมุดโน้ตขึ้นมาแล้วเขียนความรู้สึกนึกคิดของคุณลงไป จดบันทึกสิ่งที่รู้สึกขอบคุณ สิ่งที่ภาคภูมิใจ และสิ่งที่ต้องทำเพื่อให้วันนี้ยอดเยี่ยม ซึ่งการทำแบบนี้ไม่เพียงแค่จะช่วยให้คุณเห็นคุณค่าในตัวเองเท่านั้น แต่ยังช่วยจัดเรียงความคิดต่างๆ อีกด้วย ก็คล้ายๆ กับการกำหนด agenda การประชุมนั่นแหละ แต่เคสนี้เป็นการกำหนด agenda วันๆ นั้นแทน
แล้วพอจดบ่อยๆ เข้าก็หาเวลากลับมาประเมินตัวเองด้วยว่า สิ่งที่ลิสต์ไว้ในวันก่อนทำสำเร็จแล้วรึยัง? ถ้ายังก็ลองหาวิธีการดู พยายามทำให้ได้ตามเป้าของวันนั้น แต่ก็อย่ากดดันตัวเองจนเกินไปล่ะ เชื่อเถอะว่า คุณในตอนนี้เก่งขึ้นจากคุณในเมื่อวานอยู่แล้ว ดังนั้น ทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ก็พอ
อย่างที่บอกไปก่อนหน้าว่า เทคนิคนี้ใช้เวลาเพียงแค่ 6 นาทีเท่านั้น แต่ระยะเวลานี้มันไม่ตายตัวเสมอไปหรอกนะ ถ้าใครมีเวลาเหลือเฟือ อยากจะใช้สัก 1 ชั่วโมงก็ได้เหมือนกัน
.
นี่เป็นเพียงหนึ่งในตัวช่วยให้คุณเริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยความมหัศจรรย์ ท้ายที่สุดแล้ว ชีวิตจะดีหรือไม่ดีนั้นก็ขึ้นอยู่กับการกระทำของตัวเราเองนั่นแหละ เพราะปัจจุบันสำคัญกว่าช่วงเวลาอื่นๆ สิ่งที่ทำในตอนนี้เป็นตัวกำหนดว่า คุณจะเป็นใครในอนาคต
.
“The future depends on what you do in the present.”
1
เรียบเรียงโดย Chompoonut Suwannochin
.
.
.
.
.
◤━━━━━━━━━━━━━━━◥
หากคุณชอบคอนเทนต์นี้อย่าลืม 'กดไลก์'
หากคอนเทนต์นี้โดนใจอย่าลืม 'กดแชร์'
◣━━━━━━━━━━━━━━━◢
.
.
“Knowledge is the only way to success”
- - - - - - - - - - - - - - - - - -
ติดตามคอนเทนต์เพื่อพัฒนาตัวเองสู่ความสำเร็จจาก Future Trends ได้ที่
(อย่าลืมกด See First เพื่อไม่ให้พลาดคอนเทนต์ใหม่ในทุก ๆ วัน)
#FutureTrends #KnowledgeforSuccess
โฆษณา