Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Civilly
•
ติดตาม
4 ต.ค. 2021 เวลา 00:00 • หนังสือ
BOOK REVIEW : " THE POWER OF INPUT " " ศิลปะของการเลือก+รับ*รู้ "
ในยุคสมัยที่ทุกคนมีสมาร์ทโฟน การเข้าถึงสื่อ ความบันเทิง และข้อมูล เป็นเรื่องที่ง่ายดาย การรับมือและจัดการข้อมูลทั้งหมดที่เข้ามาอย่างถาโถมเหมือนคลื่นลูกใหญ๋ในแต่ละวันได้อย่างไร คำตอบนั้นอยู่ในอยู่หนังสือเล่มนี้แล้ว
ผมมีโอกาสอ่านหนังสือเรื่อง "THE POWER OF OUTPUT" เป็นหนังสือที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงโลกแห่งความเป็นจริงด้วยการลงมือทำ โดยผู้เขียน คาบาซาวะ ชิออง ต่อมานั้นได้เขียนหนังสือเล่มนี่เอง โดยเนื้อหาพูดถึงเรื่องการจัดการเกี่ยวกับการรับรู้ เรียนรู้ข้อมูลและความรู้ต่างเพื่อให้พัฒนาตัวเองให้เร็ว Input และ Output เป็นเหมือนเหรียญสองด้าน ขาดอันใดอันนึงไม่ได้ หนังสือจะใช้หลักทางด้านวิทยาศาตร์สนับสนุน
เนื้อหาแยกออกเป็น 7 บทด้วยกัน คือ
1. Rules
2. Read
3. Listen
4. Watch
5. Internet
6. Learn
7. Advanced
Chapter1 Rules
กฏพื้นฐานของ Input
ในบทแรกเป็นเหมือนการปรับมุมมองของ Input เพื่อให้เราคิดว่าอยากได้อะไรจากการรับข้อมูลในแต่ละครั้ง ทั้งการกำหนดเป้าหมาย การเลือกรับ การตั้ง Outputล่วงหน้า
ผมชอบเทคนิดในบทนี้คือการเพิ่มความสามารถในการจดจำโดยกลไกของสมอง การใช้อารมณ์ต่างๆกระตุ้นการจดจำ ทั้งอารมณ์กลัว เศร้าเสียใจ โกรธ จะทำให้จำข้อมูลนั้นได้อย่างแม่งยำ อย่างเช่น เราดูหนังสักเรื่องแล้วมีฉากที่ทำให้เราได้น้ำตาไหลกับเรื่องนั้น เราก็จะจำได้แม่นเลยเคยร้องไห้กับฉากนี้
Chapter2 Read
วิธีอ่านหนังสือให้จำได้ตามหลักวิทยาหลักวิทยาศาสตร์
เป็นการเพิ่มประสิทธิในการอ่านหนังสือของเรา อาศัยหลักวิทยาศาสตร์ หลักการทางประสาทวิทยา การเพิ่มคุณภาพในการอ่านมากกว่าจำนวน การเลือกหนังสือให้สึกว่า "นี่แหละ" ของการอ่านหนังสือ
เทคนึงที่ผมนำมาใช้และได้ผลดีมากคือการ อ่านข้ามไปมา โดยผมจะใช้ที่คั่นหนังสือ 2 อัน วันไหนที่รู้สึกเบื่อ หรืออ่านไม่เข้าหัว ผมก็จะข้ามไปอ่านบทที่สนใจเพื่อไฟในการอ่านแล้วสามารถย้อนการมาอ่านส่วนที่สนใจน้อยกว่าได้ แต่เทคนิดนี้ทำไม่ได้การหนังสือนิยายหรือหนังสือที่ต้องการเล่าเรื่องต่อเนื่อง
Chapter3 Listen
วิธีการฟังเพื่อการเรียนรู้อย่างลึกซึ้ง
เทคนิดการฟังต่างๆทั้ง การฟังสด การฟังสัมนาให้เข้าใจได้มากขึ้น การเรียนด้วยหูจาก Audio book การฟังคนรัก การรับฟัง การฟังดนตรีช่วยให้เรียนรู้ได้ดีขึ้น ทั้งการเรียน การทำงาน การออกกำลังกาย และการเสริมสรา้งอารมณ์ด้วยดนตรี
ทุกวันนี้มีคนให้ความสนใจในคำว่า "Empathy" หรือ "การเห็นอกเห็นใจ" โดยที่เราจะเข้าใจการเห็นอกเห็นใจผู้อื่นได้เริ่มจากการ ฟัง นี่ละครับ ฟังเสียงคนรอบเข้าเพื่อตัวเรา จินตนาการถึงความรู้สึกอีกฝ่ายและยอมรับอย่างไม่มีเงื่อนไข
Chapter4 Watch
วิธีดูสิ่งต่างๆ ให้กลายเป็นสิ่งที่ช่วยพัฒนาตนเอง
แค่อ่านสีหน้าก็เข้าใจความรู้สึกได้
มันคือเรื่องจริงครับ ผมคิดว่าทุกคนก็คงได้มีประสบการณ์ด้านนี้กันอย่างแน่นอน
การเพิ่มความสามารถในการดูและสังเกตุสามารถทำให้ตัวเองพัฒนาได้ไวมากจริงๆ แต่เราต้องทำการตั้งคำถามกับเรื่องที่เราสงสัยและหาคำตอบทันที ไม่งั้นลืมแน่ครับ
มีช่วงนึงที่ผมบ้ามาก อยากเป็นเหมือน เชอร์ล็อคโฮล์มส์ ในรูปแบบคนแสดงที่แสดงโดย เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบตช์ ที่มีความสามารถในการอนุมานการสังเกตุจนรู้ที่มาที่ไปของคนๆได้โดยแค่การมอง ประกอบกับนักแสดงที่ทอดถ่ายออกมาในยุดปัจจุบันได้เท่มากจริงๆ การสังเกตุช่วยให้เราโฟกัสสิ่งเล็กๆน้อยที่อยู่รอบด้วยเราได้ อย่างเวลาดูหนัง ฉากหลังเค้ามีรายละเอียดอะไรซ่อนอยู่เกล็ดเล็กน้อยที่น่าสนใจ
Chapter5 Internet
เทคนิคการใช้อินเตอร์เน็ตให้น้อยที่สุดแต่มีประสิทธิภาพสูงสุด
เทคนิคเล็กๆน้อยในบทนี้ได้ช่วย ทำให้ระบบการจัดการกับการใช้อินเตอร์เน็ต ทั้งอีเมล การหาข้อมูล การแชร์ข้อมูล การใช้สมาร์ตโฟนอย่างเหมาะสม
ทุกวันนี้การมีสมาร์ตโฟนช่วยให้ชีวิตเราดีขึ้นจริงหรือป่าว? ผมก็เป็นคนนึงที่เคยคิดว่าใช้สมาร์ตโฟนเพื่อคลายเครียด ด้วยความที่ผมเองก็ไม่เก่งเรื่องทางด้านเทคโนโลยี ผมยิ่งใช้ยิ่งเครียด ยิ่งใช้เวลาพักผ่อนยิ่งน้อยลงเพราะคิดว่าอยากใช้เพราะคลายเครียด เพราะผมอาจจะยังใช้ได้ไม่เก่งนักทำให้เกิดปัญหาขึ้นกับชีวิตประจำวัน
หลังจากนำเทคนิดมาใช้ผมก็ค่อยๆลดชั่วโมงในการใช้สมาร์ตโฟนจนเหลือ 1 ชั่วโมงต่อวัน ผมมีเวลามากขึ้น ได้ทำในสิ่งที่อยากทำ เพียงแค่ปล่อยมือจากสมาร์ตโฟน ก็มีเวลาให้กับตัวเองแล้ว
Chapter6 Learn
วิธีเรียนที่ดีที่สุดที่ช่วยดึงศักยภาพในทุกด้านออกมา
การเรียนรู้ไม่ได้อยู่ในห้องเรียนอย่างเดียว
บทนี้จะพูดถึง การเรียนรู้จากคนอื่น ทั้งจากชุมชน เมนเทอร์ ประวัติศาสตร์ การเรียนรู้จากตัวเอง การเข้าใจตัวเอง การเรียนรู้จากการเรียนปริญญาโท เรียนจากการท่องเที่ยว ทานของอร่อย ดื่มเหล้า ทำอาหาร
การรู้จักตัวเองนั้นเป็นเรื่องสำคัญ และควรตระหนักถึง สิ่งที่อยู่ในบทนี้อยากให้เราเรียนรู้หลายๆอย่าง ได้รู้ในสิ่งที่ชอบและไม่ชอบนั้นก็คือการที่เรารู้จักตัวเอง การทำให้เข้าใจตัวเองได้มากขึ้นนั้นคือการเรียนรู้ในระยะยาว ผมก็เป็นคนนึงที่ยังรู้จักตัวเองไม่ดีพอ ฉะนั้นเราต้องมาเรียนรู้ไปด้วยกันครับ
Chapter7 Advanced
วิธีเพิ่มขีดความสามารถในการทำ Input (ขั้นสูง)
หลักงจากที่ได้รู้ใน 6 บท ก่อนหน้าในบทนี้ก็จะใช้เทคนิดในการเสริมพลังให้กับ 6 บทนั้นนั่นเองครับ
"ค้นพบได้ 3 เรื่อง" กฎ"3+3"
ตัวผมเองก็มีกฎแห่ง 3 ในชีวิตประจำวันอยู่แล้วของตัวเองอยู่แล้ว เช่น To do list ของผมจะแบ่งเป็น 3 ตอน คือ ตอนเช้า ตอนเย็น และตอนพิเศษ และใน 3 ตอนนี้ ก็แยกออกเป็น 3 อย่างอีก หรืออย่างตอนฟังสัมนาผมจะพยายามตั้งคำถามให้ได้ 3 ข้อ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้ผมได้โฟกัสกับการเรียนรู้
กฎ "3+3" ในบทนี้ก็กล่าวถึงคือ เมื่อเราได้เรื่องรู้เข้าใจดีแล้วสามเรื่อง เราจึงเพิ่มอีก 3 เรื่องต่อ แล้วทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ เพราะการทำมากกว่า 3 เรื่องพร้อมกันทำรู้สึกดดันมากเกินไป ไม่รู้จะเริ่มอะไหนก่อนหลัง แต่การมี 3 อย่างให้ทำจักการได้ง่ายขึ้น
คนที่เคยอ่าน The Power of Output แล้วก็ไม่ควรพลาดหนังสือเล่มนี้ด้วยประการทั้งปวงเหมือนกับที่ผู้เขียนคอยย้ำนักย้ำหนาว่า Output และ Input เหมือนเหรียญที่มี 2 ด้าน หาก Input ไม่แข็งแรงแล้วจะทำ Output ได้อย่างไร
ทั้งนี้ก็ขอให้เพื่อนๆทุกคนรักษาสุขภาพและสนุกกับการอ่านหนังสือครับ
บันทึก
2
1
1
2
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย