แม้จะผ่านมามากกว่ายี่สิบปีแล้ว แต่ท่วงทำนองของเปียโนในเพลงบัลลาดร็อกอย่าง ‘I Don’t Want to Miss a Thing’ นั้นยังถูกเล่นซ้ำไม่ต่างจากวันแรกที่ภาพยนตร์ ‘Armageddon’ เข้าฉายในโรงหนังเมื่อปี 1998
‘I Don’t Want to Miss a Thing’ ทำลายกำแพงที่ Aerosmith ก่อนหน้านั้นพวกเขามองว่าสูงเสียดฟ้า เมื่อเพลงนี้กลายเป็นเพลงแรกของพวกเขาที่โผขึ้นอันดับหนึ่งบิลบอร์ดชาร์ต แซงหน้า ‘Dream On’ และ ‘Walk This Way’ เพลงดังจากยุค 70s ที่เคยขึ้นเลขสองหลักในชาร์ตเดียวกันไปแบบไม่ทิ้งฝุ่น
นี่คือเรื่องราวและบทเพลงของ ‘Aerosmith’ วงดนตรีที่ได้รับฉายาว่า ‘the Bad Boys from Boston’ จากสีสันของตัววงที่ครบครันไปด้วยดนตรี ผู้หญิง และเหล้ายา ตามแบบร็อกสตาร์ขนานแท้ รวมไปถึงการ ‘เอาตัวรอด’ จากอุตสาหกรรมดนตรีและยาเสพติดของ ‘สตีเวน ไทเลอร์’ นักร้องปากกว้างเจ้าของเสียงแผดสุด iconic ประจำวง
เหล่านี้คือบทสนทนาระหว่างผู้สัมภาษณ์และไทเลอร์ เป็นที่รู้ดีจากหนังสืออัตชีวประวัติ ‘Does the Noise in My Head Bother You?’ ว่าเขามีปัญหาเกี่ยวกับเหล้าและยามาอย่างยาวนานตั้งแต่ก่อนที่จะเข้าวงการร็อกแอนด์โรลล์ด้วยซ้ำ เมื่อห้าสิบกว่าปีก่อนหน้า สตีเวน ไทเลอร์ในวัยหนุ่มมองว่าการเสพยาเป็นเรื่องเท่
“ยาเสพติดทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นร็อกสตาร์ก่อนที่ผมจะได้เป็นจริง ๆ ผมคิดว่านั่นเป็นสิ่งที่ร็อกสตาร์ต้องทำ – fake it till you make it น่ะ”
เรียกได้ว่าไทเลอร์ยังยึดคติการ Sing if it's just for today. Maybe tomorrow, the good Lord will take you away. เช่นเนื้อเพลง ‘Dream On’ ที่เขาเขียนอยู่อย่างไม่เสื่อมคลาย