Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
แวดวงการศึกษารอบโลก
•
ติดตาม
30 ก.ย. 2021 เวลา 12:09 • การศึกษา
อ่านเขียน พูดฟัง ไม่ใช่ ฟัง พูด อ่าน เขียน
การเรียนการสอนภาษาอังกฤษนั้นหากจัดประเภทแล้ว จะแบ่งออกเป็นการสอนอยู่ 2 ประเภทด้วยกันคือ การสอนภาษาอังกฤษในฐานะภาษาที่ 1 และ การสอนภาษาอังกฤษในฐานะภาษาที่ 2 ซึ่งในปัจจุบันก็อาจจะเรียกกันหลากหลาย เช่น การสอนภาษาอังกฤษในฐานะภาษาต่างประเทศ ภาษานานาชาติ หรือ อื่น ๆ สุดแล้วแต่จะหากคำมาตีฝีปากกัน
หลักการหรือ theory ทางด้านการสอนภาษาอังกฤษ เริ่มต้น จากหลักการการเรียนการสอนภาษาอังกฤษในฐานะภาษาที่ 1 แล้วจึงถูกนำมาปรับใช้ กับการเรียนภาษาอังกฤษในฐานะภาษาที่ 2 ดังนั้น จึงพูดได้ว่า กระบวนการ หลักการ และวิธีการสอน การเรียนภาษาอังกฤษนั้น ได้รับอิทธิพล จากหลักการ ของการสอนภาษาอังกฤษในภาษาที่ 1 อย่างมาก จนทำให้นักวิจัย หรือ นักวิชาการ ทั่วโลก เข้าใจ สับสน ในหลักการกันอย่างมาก และ นำเอางานวิจัยจากประเทศเจ้าของภาษามาใช้ ในการอ้างอิง ในการเรียนการสอน โดยไม่มีการคำนึง ถึง บริบทที่เปลี่ยนไป
จึงเป็นที่มาของการพูดติดปากกันว่า ฟัง พูด อ่าน เขียน และ ยังหลงเข้าใจผิดไปว่า การเรียนภาษาอังกฤษในภาษาที่ 2 เป็นเช่นเดียวกัน กับการเรียนภาษาในทุก ๆ ภาษา บ้างก็ยกหลักการ universal grammar ของนักวิชาการชื่อดังอย่าง Noam มาใช้ แล้วอ้างว่า มนุษย์เรียนภาษาในรูปแบบเดียวกัน และ ยังเข้าใจผิดไปอีกว่า เราจะต้องเรียนภาษาเหมือนเราเรียนภาษาแม่ คือ เมื่อเกิดมาให้เริ่มจากฟัง และ ฟังเยอะ ๆ เราจะพูดได้เอง และเมื่อพูดได้แล้ว เราจึง เรียนอ่านและ เขียน
สิ่งที่ทำให้เข้าใจผิด นั้น อาจจะเป็นด้วยประเด็นข้างต้น คือ การอ้างอิงงานวิจัยที่ผิด โดยไม่ดูบริบท และ ตัวแปรต่าง ๆ กล่าวคือ เด็ก ๆ แรกเกิดถึง 8 ขวบ อาจจะเรียนภาษาแม่ในรูปแบบเดียวกัน หรือ เรียกว่าเป็นแบบ universal คือ ฟัง พร้อมมีปฎิสัมพันธ์ ( interaction) แล้ว เข้าใจ จึงเริ่มพูด และ อ่านเขียน
แต่เมื่อคน ๆ หนึ่ง โตขึ้นมีภาษาแม่ แล้ว การเรียนแบบฟังพูดอ่านเขียน แบบนั้น จึงไม่ได้ผล เพราะ สมองไม่ได้อยู่ในสถานะไม่มีภาษา แต่สมองได้มีภาษาอย่างเป็นระบบที่ถาวรแล้ว การเรียนภาษาในช่วงอายุต่อมา จึงควรเป็นการ อ่าน เพราะ การอ่าน ทำให้สมอง ได้มีเวลาในการเทียบเคียงข้อมูล ได้นานขึ้น และ สร้างความเข้าใจ เมื่อเข้าใจ และ มีอารมณ์ร่วมกับสิ่งที่อ่าน จึงส่งผลให้ข้อมูลนั้นเป็นความจำที่ถาวร และ กลายเป็น active information คือ นำมาใช้ได้เมื่อต้องการ
ดังนั้น ผู้เรียนที่เป็นผู้ใหญ่ คือ ต้องเรียนจากการ อ่าน เพื่อให้ได้ข้อมูล (input) มาพอ ที่จะเขียน เมื่อเขียนก็ยิ่งทำให้สมองได้ฝึกการสร้าง output จนชำนาญก็จะเริ่มการพุด เมื่อพูด หูก็ได้ฝึกฟังไปด้วย ก็ยิ่งทำให้ การฟัง ดีขึ้น
ดังนั้น หากคุณอายุมากกว่า 10-15 ปี ควรเริ่มจากการอ่าน เขียน พูด ฟัง
1 บันทึก
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย