Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ขอบคุณโลกทั้งใบ.
•
ติดตาม
1 ต.ค. 2021 เวลา 11:00 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
“ในทุก ๆ ความสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว คนรัก เพื่อน หรือแม้แต่คนรู้จัก ย่อมมีที่มาที่ไป และเหตุผลซึ่งสามารถอธิบายได้อย่างไม่ซับซ้อนแต่มีความหลากหลาย”
บ่อยครั้งเราอาจเคยได้ยินคำว่า คู่เหมือน ซึ่งฟังแล้วดูเข้ากันดี แต่ขณะเดียวกันก็ยังมีคำเรียกความสัมพันธ์อีกประเภทหนึ่งว่า ‘คู่ต่าง’
ว่ากันว่า “อะไรที่ต่างกันมาก ๆ มักจะอยู่ด้วยกันไม่ได้”
เป็นคำกล่าวที่ชวนให้ขบคิดว่า มันจะเป็นเช่นนั้นเสมอไปจริงหรือ ?
อาจเป็นได้ หากความสัมพันธ์ดังกล่าวเปรียบเสมือนน้ำกับน้ำมัน ที่มีความหนาแน่นต่างกัน มีแรงตึงผิวขวางกั้นเป็นเหมือนดังทิฐิ มนุษย์ที่ทัศนคติต่างกัน อารมณ์ต่างกัน ก็ย่อมจะต้องแยกห่างออกจากกัน เหมือนกับน้ำและน้ำมันเป็นเรื่องธรรมดา
แต่หากเรามองหาจุดเปรียบเทียบอื่น เช่นเปรียบเทียบความสัมพันธ์กับคู่สี แน่นนอนสีฟ้าและสีชมพูย่อมห่างไกลจากคำว่า ‘คู่เหมือน’ แต่ถึงกระนั้นเราก็ยังเห็นธรรมชาติเลือกใช้สองสีที่ต่างกันนี้ แต่งแต้มท้องฟ้าร่วมกันในบางเวลาเป็นเพราะอะไร
บทสนทนาของคนคู่หนึ่ง ซึ่งไม่ระบุสถานะว่าพวกเขาเป็นคนรัก เป็นเพื่อน หรือเป็นแค่คนรู้จักกัน หากแต่พวกเขาทั้งสองกำลังมีข้อครหากันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เกิดจากความต่างทางข้อคิดเห็น
“ทำไมถึงทำแบบนั้น เธอกำลังทำให้ฉันรู้สึกแย่ แล้วตอนนี้ฉันก็รู้สึกแย่เอามาก ๆ”
“เราขอโทษ เราไม่ได้ตั้งใจ”
“ขอโทษ แล้วปัญหามันถูกแก้ไขไหมถามจริง เธอมันแย่ว่ะ”
“เราเข้าใจ”
“เธอไม่เข้าใจ แล้วคืนนี้เธอก็จะกลับไปนอนอย่างสบายใจแล้วปล่อยให้ฉันรู้สึกแย่อยู่ฝ่ายเดียว”
“..ทำไมเธอถึงคิดว่าคืนนี้เราจะนอนหลับได้อย่างสบายใจกันล่ะ เราเองก็รู้สึกไม่ต่างจากเธอหรอก แต่เราเข้าใจ”
“เธอเข้าใจว่าอะไร”
“เราเข้าใจว่าตอนนี้เธอกำลังโกรธ แล้วเธอก็กำลังรู้สึกแย่เอามาก ๆ เหตุผลมันเกิดจากเรา ซึ่งเราเองยอมรับผิด”
“..แล้วอย่าทำอีก”
“ครั้งต่อไปมันจะดีขึ้น”
จะเห็นว่าในบทสนทนาของเคสตัวอย่าง ทั้งสองคนมีอารมณ์ที่ต่างกันมาก หนึ่งคนหัวร้อนจนแทบแตะจุดเดือด อีกหนึ่งคนเยือกเย็นดุจธารน้ำแข็ง แต่ด้วยเหตุผลของสองขั้วอารมณ์นั้นเองทำให้ในบทสนทนานั้นจบลงได้ด้วยดี
แน่นอนพื้นฐานนิสัยของมนุษย์เป็นตัวแปรสำคัญพอ ๆ กับทัศนคติ
เราขออนุญาตยกอีกหนึ่งกรณี เมื่อฝ่ายโทนเย็นผ่านมาพูดคุยในขณะที่ฝ่ายโทนร้อนกำลังฉุนเฉียว จึงถูกตวาดกลับไป แต่เมื่อสงบใจลงได้ ฝ่ายโทนร้อนรู้ตัวว่าตนกำลังทำสิ่งผิดพลาด เขารู้สึกผิดจนส่งผลให้ก่อเป็นความเกลียดชังในตัวเอง
“ฉันไม่ชอบเลยที่ตัวฉันเองเป็นคนนิสัยแบบนี้ ความหัวร้อนกับการควบคุมคำพูดไม่ได้ทำให้คนที่ฉันรักเสียใจมานักต่อนัก อย่างก่อนหน้านี้ฉันโมโหมาจากที่อื่น แต่เธอที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ดันผ่านมาทัก แล้วฉันก็พูดไม่ดีกับเธอไป”
“อื้ม..เรามองเห็นถึงปัญหานั้นนะ” ฝ่ายนั้นตอบด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน “เอาอย่างงี้ เราพูดในฐานะที่เป็นฝ่ายถูกเธอสาดใส่ ถ้าถามว่าตอนนั้นเรารู้สึกน้อยใจเธอมั้ย แน่นอนเราน้อยใจ แต่ขณะเดียวกันเราก็เข้าใจเธอนะ จะบอกอะไรให้..ไม่เป็นไรเลยถ้าเธอจะโกรธหรือสาดอารมณ์ใส่เรา หรืออะไรก็แล้วแต่ แค่รับรู้ว่าเธอรู้สึกผิด เราก็ให้อภัยเธอได้อย่างไม่มีเงื่อนไขแล้ว”
อาจฟังดูเหมือนเป็นนิยายน้ำเน่าฉากหนึ่ง แต่คุณจะตกใจหากเราบอกว่ามันคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตจริงของคนคนหนึ่ง จะเห็นว่าไม่ใช่แค่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งลดทอนบางอย่างในตัวเองลง แต่ต้องเป็นทั้งสองฝ่ายที่ลดทอน จึงจะไม่ก่อให้เกิดความรุนแรงจนถึงขั้นแตกหัก
เช่นเดียวกันในความเป็นจริงคู่สีที่ตรงข้ามกัน หากศิลปินเลือกใช้ถูกวิธี ทั้งสองสีเมื่อถูกเกลี่ยเข้าหากัน ตรงจุดกึ่งกลางที่สีทั้งสองได้ผสมกันอย่างกลมกลืน จะทำให้เกิดค่าสีที่เป็นกลาง และทำให้ภาพทั้งภาพดูกลมกลืนน่าชม
หากมองในแง่มุมดังกล่าว เราจะเห็นว่า ‘สิ่งที่ต่างกันมาก บางครั้งอาจก่อให้เกิดสิ่งสวยงาม’
เหมือนกับน้ำร้อนเมื่อมาเจอกับน้ำเย็นจะทำให้เกิดเป็นน้ำอุ่น
เหมือนคำที่มีความหมายตรงข้ามเมื่อนำมาเขียนรวมกันจะเกิดเป็นคำใหม่ที่มีความหมายลึกซึ้ง
ความธรรมดาที่แสนพิเศษ..
ความเศร้าอันแสนหวาน..
ความเจ็บปวดที่งดงาม..
ความปฏิพากย์นี้อาจดูขัดแย้งกันในที แต่หากพิจารณาจนเข้าใจความหมายที่แท้จริงแล้ว เราจะรับรู้ได้ถึงความรู้สึกลึก ๆ ที่หลบซ่อนอยู่ภายในรูปวลีเหล่านั้น
ย้อนกลับไปที่ความสัมพันธ์ของน้ำกับน้ำมันที่แม้จะใส่สสารทั้งสองลงไปในขวดปิดฝาและเขย่าเพียงใด ก็ไม่สามารถรวมกันได้ แต่หากเราใส่ตัวกลางบางอย่างลงไป เช่น ไข่แดง ซึ่งมีสารอิมัลซิไฟเออร์ (Emulsifier) เข้ามาช่วยลดแรงตึงผิว ทำให้สสารทั้งสองนั้นสามารถผสมเป็นเนื้อเดียวกัน เหมือนกับความสัมพันธ์ของคู่ที่แตกต่างซึ่งต้องอาศัยตัวกลางอย่างความเข้าใจกันและกันจึงจะราบรื่น
ถึงกระนั้นแล้วธรรมชาติก็ยังพยามบอกกับเราว่าไม่ใช่ทุกคู่ที่ต่าง จะเข้ากันได้ หรือมีโอกาสที่จะได้ใกล้ชิดกันเสมอไป เช่นดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์ แม้จะสามารถพบเจอกันได้บางช่วงเวลาในตอนกลางวันแต่เมื่อตกกลางคืนก็ต้องแยกจากกัน และหากเป็นเช่นนั้นมันก็คงเป็นเรื่องราวโรแมนติกที่แสนขื่นขมไม่น้อย
อ้างอิง :
http://54020630phatcharee.blogspot.com/2011/12/blog-post.html
https://www.thailandplus.tv/archives/299548
FB : ขอบคุณโลกทั้งใบ
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย