25 ต.ค. 2021 เวลา 04:00 • ท่องเที่ยว
🏝 หลายๆคนน่าจะเคยได้ยินเรื่องของข้อพิพาทในเรื่องของดินแดนแห่งหนึ่งของทางเกาหลีและญี่ปุ่นกันมาบ้างนะครับ พื้นที่บริเวณนั้นก็คือ “หมู่เกาะด็อกโด” นั่นเองครับ โดยชื่อหมู่เกาะด็อกโดนี้เป็นชื่อเรียกของทางฝั่งเกาหลีเท่านั้น แต่ถ้าเป็นฝั่งญี่ปุ่นจะเรียกหมู่เกาะนี้ว่า หมู่เกาะทาเคชิม่า ซึ่งหมู่เกาะนี้นั้นทั้งสองประเทศต่างอ้างถึงสิทธิ์ในการครอบครองกันมาอย่างยาวนานจนกระทั่งถึงปัจจุบัน ก็ยังหาข้อสรุปตรงนี้ไม่ได้ เพราะฉะนั้นวันนี้เรามาทำความรู้จักกับหมู่เกาะเล็กๆแห่งนี้กันซักหน่อยครับ ว่ามันมีความน่าสนใจเพียงใด ทั้งสองประเทศถึงพยายามที่จะอ้างสิทธิ์การครอบครองชนิดที่ว่า ยอมกันไม่ได้เลยทีเดียว
🏝 หมู่เกาะด็อกโด (독도) เป็นเกาะเล็กๆที่ตั้งอยู่บริเวณทะเลตะวันออกของเกาหลีในอำเภออุลลึง จังหวัดคยองซังเหนือ ตั้งอยู่ถัดจากเกาะอุลลึงห่างออกไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 87.4 กิโลเมตร และอยู่ก่อนถึงเกาะโอกิโนชิม่าของญี่ปุ่นประมาณ 157 กิโลเมตร เป็นหมู่เกาะเล็กใหญ่รวมกันประมาณ 91 เกาะ โดยมีเกาะใหญ่หลักๆอยู่ 2 เกาะ ได้แก่ เกาะตะวันออก หรือ ทงโด (동도) และเกาะตะวันตก หรือ ซอโด (서도) ทั้งสองเกาะมีระยะห่างอยู่ประมาณ 151 เมตร มีพื้นที่รวมทั้งหมดประมาณ 187,554 ตารางเมตร (ทงโด 73,297 ตารางเมตร และซอโด 88,740 ตารางเมตร)
🏝 โดยเกาะด็อกโดนี้เกิดจากการปะทุของภูเขาไฟในทะเลตะวันออกเมื่อประมาณ 4.5 ล้านปีก่อน และได้ถูกกัดเซาะลงไปตามกาลเวลาจนหายไปเกือบทั้งหมด บนเกาะด็อกโดมีเพียงชั้นหินและตะไคร่น้ำบางๆ มีพืชประมาณ 49 สายพันธุ์ นก 126 สายพันธุ์ แมลง 93 สายพันธุ์อาศัยอยู่บนเกาะ มีสาหร่าย 160 ชนิดและสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง 368 ชนิดที่ระบุได้
🏝 ในส่วนของข้อพิพาทของญี่ปุ่นกับเกาหลีนั้นถ้านับกันจริงเลยนั้นเริ่มตั้งแต่ปี ค.ศ.1696 ซึ่งเกิดข้อพิพาทกันของชาวประมงญี่ปุ่นและเกาหลีที่ต่างอ้างถึงสิทธิ์การครอบครองเกาะของประเทศตัวเอง และตามข้อมูลของเกาหลีบอกว่า ญี่ปุ่นได้ยอมรับว่าหมู่เกาะด็อกโดอยู่ภายใต้การครอบครองของเกาหลี ณ เวลานั้น แต่ต่อมาในช่วงสงครามโลก ที่ญี่ปุ่นได้บุกเข้ายึดครองเกาหลีในปี ค.ศ.1910 แน่นอนว่าพื้นที่เกาะด็อกโดนั้นก็ถูกญี่ปุ่นยึดครองด้วยเช่นกัน ต่อมาญี่ปุ่นพ่ายแพ้ในสงครามโลก ทำให้ต้องคืนดินแดนให้แก่เกาหลีรวมทั้งหมู่เกาะด็อกโดนี้ด้วย แต่ในขั้นตอนการลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพที่กรุงซานฟรานซิสโก กลับไม่ได้มีเป็นลายลักษณ์อักษรในส่วนของเกาะนี้ นั่นจึงทำให้กลายเป็นที่ถกเถียงกันมาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน ว่าเกาะนี้อยู่ในการปกครองของใคร
🏝 ในส่วนของประชากรบนเกาะนั้น ในเดือนมีนาคม ค.ศ.1965 ชเวจงด็อก ได้ย้ายจากเกาะอุลลึงโดไปยังเกาะด็อกโดเพื่อหาเลี้ยงชีพจากการตกปลา และได้เริ่มสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ค.ศ.1968 และได้เปลี่ยนที่อยู่ในเอกสารอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ.1981 ทำให้เขาเองกลายเป็นคนแรกที่อาศัยอยู่ที่เกาะด็อกโดอย่างเป็นทางการ ถัดจากนั้นอีก 6 ปี เขาได้เสียชีวิตลง และ ชเวจุนกิ ลูกเขยรวมถึงภรรยาของเขาได้อาศัยอยู่ที่นั่นตั้งแต่ปี ค.ศ.1985 และได้ย้ายออกไปในปี ค.ศ.1992
🏝 ขณะเดียวกันนั้นเอง คิมซองโดและคิมชินยอล ได้ย้ายไปอยู่ที่เกาะด็อกโดถาวรมาอย่างยาวนาน จนกระทั่งปี ค.ศ.2018 คิมซองโดเสียชีวิต จึงทำให้คิมชินยอล เป็นพลเรือนคนสุดท้ายที่อาศัยอยู่บนเกาะแห่งนี้
🏝 แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเองบนเกาะไม่ได้มีเพียงแค่ผู้อยู่อาศัยถาวรเท่านั้น ยังคงมีเจ้าหน้าที่รัฐ 2 คน ผู้จัดการประภาคาร 6 คน หน่วยยามชายฝั่ง 40 คน เฝ้าอาศัยอยู่ตามเกาะเล็กเกาะน้อย เนื่องจากกลุ่มเกาะเล็กเกาะน้อยนั้นถูกกำหนดให้เป็นเขตอนุรักษ์ธรรมชาตินั่นเอง
🏝 รัฐบาลเกาหลีใต้ได้อนุญาตให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมเกาะด็อกโดได้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2004 โดยมีเรือข้ามฝากให้บริการจากเกาะอุลลึงโดไปยังเกาะด็อกโดทุกวัน ซึ่งสามารถใช้บริการผ่านบริษัททัวร์ได้ ซึ่งระยะเวลาในการเยี่ยมชมเกาะจะขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ ณ ขณะนั้น มากที่สุดอยู่ที่ประมาณ 30 นาที แต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวไปเยี่ยมชมเกาะด็อกโดประมาณ 80,000 คน
🏝 หมู่เกาะด็อกโดถูกกำหนดให้เป็นอนุสาวรีย์ธรรมชาติหมายเลข 336 เมื่อปี ค.ศ.1982
✅ และนี่ก็คือเรื่องราวคร่าวๆของหมู่เกาะด็อกโดที่ปัจจุบันก็ยังคงเป็นพื้นที่พิพาทกันระหว่างสองประเทศนะครับ ซึ่งถ้าเราจะเดินทางไปจากเกาหลีก็สามารถทำได้ไม่ยากมาก เพราะมีนักท่องเที่ยวเดินทางไปอยู่เป็นประจำ ถ้าใครมีโอกาสไปเที่ยวจังหวัดคยองซังเหนือแล้วอยากสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆบนเกาะแห่งนี้ แนะนำว่าห้ามพลาดครับ
#Dokdo #ด็อกโด #ilovegyeongbuk #gyeongsangbukdothailand #เกาหลี #KOREA
โฆษณา