4 ต.ค. 2021 เวลา 02:14 • ปรัชญา
คนเรา ไม่ได้มี "ความเป็นคน" เท่ากัน
คำว่า "ค่าความเป็นคน" จึงเป็นคำที่ไม่ชัดเจนถ้าหากจะต้องการหมายความถึง "ค่าของคน"
เพราะเมื่อ "ความเป็นคน" ไม่เท่ากันแล้ว คำว่า "ค่าความเป็นคน" จะกลายเป็นเครื่องมือในการวัดความเป็นคน อย่าสับสนกับคำว่า "เป็นคน" เพราะคำสามคำนี้สื่อความหมายไม่เหมือกัน
ฮิตเลอร์ กับ แม่ชีเทเรซ่า "เป็นคน" เหมือนกัน แต่สิ่งที่อยู่ในร่างคนหรือใจไม่เหมือนกัน คำว่า "ค่าความเป็นคน" จะกลายเป็นเครื่องมือที่ใช้วัดระดับของ "ความเป็นคน" ที่อยู่ข้างในร่างคนที่ "เป็นคน" ร่างนี้ ของทั้งฮิตเลอร์และแม่ชีเทเรซ่า และ "ค่าของคน" ของฮิตเลอร์กับแม่ชีเทเรซ่าก็ไม่เท่ากัน
แต่ถ้าใช้คำว่า "ค่าของคน" จะชัดเจนในตัวมัน เพราะค่าของมันขึ้นอยู่กับสังคมกลุ่มคนที่คุณเลือกหรือไม่เลือกอยู่ ถ้าคุณเป็นคนขี้เซ้าซี้ จิกไม่ปล่อย ชอบลงลึกรายละเอียด คุณจะมีค่ามากกับบริษัทรับทวงหนี้ แต่คุณจะด้อยค่าหรือไร้ค่ามากสำหรับลูกหนี้
ทำนองเดียวกัน แม่ชีเทเรซ่ามีค่าของคนมากมายมหาศาลในสังคมคริสตจักร แต่ไร้ค่าในจักรวรรดินาซี ส่วนฮิตเลอร์ก็มีค่าในจักรวรรดินาซีมหาศาลแต่ไร้ค่าในคริสตจักรเมื่อเทียบกับแม่ชีเทเรซ่าหรือไร้ค่าในโลก
ศาสนาพุทธมีเครื่องมือที่ใช้ "วัดค่าความเป็น . . ." ของคน
3
". . ." ที่ว่านี้ได้แก่
ตัวเป็นคน แต่ใจเป็นสัตว์นรก เรียกว่า มนุสสเนริยโก
เต็มไปด้วยโทสะ อาฆาต ประสงค์ร้าย ประทุษร้าย ต่อผู้อื่น พอใจและชอบที่จะระเบิดโทสะ แสดงอาการประทุษร้าย พอใจการฆ่า จิตใจซัดส่าย กระสับกระส่ายดิ้นรนเพราะอึดอัด ขาดสติ ลุ่มหลงพอใจและพยายามกระทำอาการเหล่านี้อยู่เสมอ
ตัวเป็นคน แต่ใจเป็นเปรต เรียกว่า มนุสสเปโต
เต็มไปด้วยใจที่ขาดแคลน อดอยาก อยากได้เข้ามาให้ตัวเอง ต้องการการเติมเต็มที่ไม่จบสิ้น พอใจการขโมยและยักยอก ขาดสติ ลุ่มหลงและพยายามหาโอกาศกระทำการเพื่อให้ได้เข้ามาอยู่เสมอ
ตัวเป็นคน แต่ใจเป็นสัตว์ เรียกว่า มนุสสติรัจฉาโน
สัตว์เบียดเบียนกันอยู่เป็นเรื่องปกติ ขาดความเมตตา ถือผลประโยชน์ตัวเองก่อน ไม่รังเกียจการฆ่า มีสติบ้างขาดสติบ้าง ไม่รังเกียจการขโมยและยักยอกประทุษร้าย
ตัวเป็นคน แต่ใจเป็นคน เรียกว่า มนุสสมนุสโส
มีสติบ้างขาดสติบ้าง ไม่ยินดีหรือรังเกียจการเบียดเบียน การประทุษร้าย การยักยอกลักขโมยโกหกหลอกลวงและสิ่งลุ่มหลงมัวเมาขาดสติ
ตัวเป็นคน แต่ใจเป็นเทวดา เรียกว่า มนุสสเทโว
มีพื้นฐานคือกลัวที่จะทำไม่ดีและหากเมื่อทำลงไปแล้วก็ละอายที่ได้ทำลงไป และมีคุณธรรมที่สูงขึ้น เช่นเมตตาเห็นใจ กรุณาลงมือช่วยเหลือ มุทิตายินดีด้วย ฯลฯ
นั่นก็ว่าไปด้วยเรื่องของเครื่องมือที่ใช้วัด
แต่มันก็ไม่ได้วัดความเป็นตัวคุณเอง
กลับมาสู่โลกความเป็นจริงตรงหน้า คนที่เห็นแก่ตัวมักจะด้อยค่าคนอื่นและเสริมค่าตัวเอง คนที่ไม่ตระหนักรู้ก็มักจะเสริมค่าคนอื่นและด้อยค่าตัวเอง คนที่ไม่พัฒนาก็มักจะด้อยค่าคนอื่นและด้อยค่าตัวเอง ส่วนคนที่พัฒนาแล้วก็จะเห็นค่าคนอื่นและรู้ค่าตัวเอง
คุณและเขารวมทั้งคนอื่นๆ อยู่ในโลกใบเดียวกันแต่ต่างก็ "อยู่ในโลก" กันคนละใบ กฎของ "โลกภายนอก" ใช้กฎเดียวกัน แต่กฎของ "โลกภายใน" ไม่เหมือนกัน ส่วนใหญ่คนเลยสับสนกับการมองโลกที่ไป "ถือวิสาสะ" ว่าเขาและเราอยู่ในโลกใบเดียวกัน
แค่ตระหนักรู้ว่าเราอยู่กันคนละโลกบนโลกใบเดียวกัน และอย่าด้อยค่าคนอื่น อย่าด้อยค่าตัวเอง เห็นค่าของคนอื่น เสริมค่าคนอื่นได้ถ้ามีโอกาสก็พอ รวมไปถึงอัพเกรดโลกภายในตัวเองเสมอด้วยหากมีโอกาส
โฆษณา