4 ต.ค. 2021 เวลา 11:00 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
Squid Game
“เรื่องก็คือ เราทุกคนอยู่ในเกมอยู่แล้ว”
4
Squid Game ว่าด้วยเรื่องของการจับเอาผู้เล่น 456 คนมาลงสนามเล่นเกมแข่งกันเพื่อแย่งชิงเงินรางวัลมหาศาล โดยเกมจะไม่ซับซ้อน เป็นแค่เกมทั่วๆ ไป กติกาง่ายๆ ที่ส่วนใหญ่ผู้เล่นก็จะเคยเล่นกันในสมัยเด็กอยู่แล้ว (ถ้าเด็กไทยก็อาจจะเป็น ดีดลูกแก้ว โดดยาง ฯลฯ) เพียงแต่ว่าในเกมปลาหมึกมรณะนี้ ไม่ว่าผู้เล่นจะพ่ายแพ้ในเกมไหน ก็หมายถึง “ความตาย” ทั้งสิ้น
“เกมปลาหมึก”
แน่นอนหลายคนอาจคิดว่า แม้มีรางวัลยิ่งใหญ่แค่ไหนรออยู่ หากต้องเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยงก็ย่อมไม่คุ้มค่า เป็นตรรกะพื้นฐานที่คนที่อยู่นอกจอภาพอย่างเรามักรู้สึกเป็นเรื่องธรรมดา แต่ไม่ใช่สำหรับผู้เล่นทั้ง 456 คนในหนังเรื่องนี้
พวกเขาแต่ละคนมีที่มาที่ไปต่างกัน แต่มีข้อเหมือนกันตรงที่ทุกคนล้วนเป็น “ผู้แพ้” ในเรื่องราวชีวิตของตัวเอง (หรืออย่างน้อยนั่นก็คือสิ่งที่พวกเขาเชื่อว่าตัวเองเป็น) ผู้เล่นส่วนใหญ่มีหนี้สินมากมายมหาศาล บางคนไม่มีที่ซุกหัวนอนหรือแม้แต่เงินจะซื้อของกินให้อิ่มท้อง บางคนก็โดนเจ้าหนี้ไล่ทวงเงินถึงขั้นกะฆ่าเอาชีวิต หรือคว้านเอาอวัยวะมาขายแลกหนี้ เมื่อไม่มีที่ไหนให้พึ่งพา ความหวังเล็กๆ อย่างการเข้าร่วมแข่งขันเพื่อแย่งชิงเงินรางวัลมหาศาลจึงเป็นแสงแห่งความหวังอันริบหรี่หนึ่งเดียวที่แม้ต้องตายก็อาจจะคุ้มค่าเกินพอให้ลองเสี่ยงดูสักตั้ง
ชีวิตจริงมักไม่เป็นดั่งใจหวังอยู่เสมอ
แม้ในทีแรก คนส่วนมากอาจไม่ได้จินตนาการว่าจะต้องเล่นกันเอาเป็นเอาตายถึงขั้นเอาชีวิตมาทิ้ง แต่เมื่อผ่านไปเพียงเกมเดียวก็มีคนตายจากไปเกือบครึ่ง จนทำให้หลายคนคิดอยากถอนตัว แม้มีกติการองรับให้ผู้เล่นสามารถยุติการแข่งได้หากเป็นการลงความเห็นอย่างชอบธรรมจากเสียงส่วนมาก สุดท้ายถึงจะได้รับโอกาสในการนำชีวิตปกติกลับคืนมา เกือบทุกคนก็ยังตัดสินใจเลือกที่จะหวนกลับคืนสู่เกมอันตรายนี้อยู่ดี คำถามคือ “ทำไม?”
“ข้างนอกนี้มันนรกยิ่งกว่า” ประโยคที่ผู้เล่นหมายเลข 001 พูดกับตัวเอกของเรื่อง จริงหรือเปล่าที่การต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงในเกมบ้าๆ ที่มีคนพร้อมจะฆ่ากันเป็นว่าเล่นเพื่อแค่เงินรางวัล ยังดีกว่าการมีชีวิตอยู่อย่างยากจนอยู่บนโลกแห่งความเป็นจริง อันนี้คำตอบของแต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกัน แต่อย่างน้อยมันก็ “จริง” สำหรับผู้เล่นอย่าง กีฮุน และ ซังอู
2
กีฮุน และ ซังอู สองตัวละครหลักของ Squid Game
“กีฮุน” ถูกไล่ออกจากงานที่ทำมาเป็นสิบปีอย่างไม่เป็นธรรม ต้องแยกทางกับภรรยาที่ไปแต่งงานใหม่กับผู้ชายที่รวยกว่าและยังพาลูกสาวไปอยู่ด้วย มีแม่ที่ป่วยเป็นเบาหวานแถมยังมีโรคอื่นแทรกซ้อนแต่ไม่มีปัญญาจะหาเงินมารักษา ติดการพนันไม่พอ ยังยกเลิกประกันของแม่เอาเงินไปใช้ทิ้งจนไม่เหลือ
“ซังอู” เรียนจบมหาวิทยาลัยโซล ผลการเรียนอันดับ 1 เป็นที่ภูมิใจของคนในย่านบ้านเกิด เป็นความสุขหนึ่งเดียวของแม่ที่เปิดร้านขายปลาในตลาดให้เชื่อมั่น แต่กลับยักยอกเงินผิดกฎหมายจนเป็นหนี้หกพันล้าน อีกทั้งยังเอาร้านปลาและทรัพสินย์ทุกอย่างของแม่ไปค้ำประกันจนหมดจนไม่มีหน้าจะกลับไปบ้าน
แม้เรื่องราวจะบอกเล่าผ่านสองตัวละครนี้เป็นหลัก แต่ก็ยังมีตัวละครอื่นอีกหลายคนที่ชีวิตพังไม่แพ้กัน เลือกที่จะเข้ามาห้ำหั่นกันเองในเกมมรณะแม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าอาจจะไม่มีโอกาสได้นำเงินกลับออกไปใช้ ทั้งรูปแบบเกมที่เล่น ผู้คุมเกมที่ใส่คอสตูมเหมือนหลุดออกมาจากการ์ตูนญี่ปุ่น และตัวละครที่เอะอะก็ฆ่ากันเองเป็นเรื่องธรรมดา อาจจะฟังดูแฟนตาซีจนเกินจะเชื่อ แต่ระหว่างดูหนังทั้ง 9 ตอน Squid Game กลับทำให้คนดูเพลิดเพลิน และไม่สามารถแยกแยะหรือผละออกมาจากโลกที่หนังเซตเอาไว้ได้
1
สิ่งเดียวที่ต้องคิด คือ “เอาชีวิตรอด”
โลกแห่งความเป็นจริงมันโหดร้าย สังคมปัจจุบันมีการแข่งขันสูงในแทบทุกวงการ คนที่ประสบความสำเร็จส่วนมากถูกใช้มาตรวัดเดียวกันคือ “เงิน” “ชื่อเสียง” และ “ภาพลักษณ์” ที่ต่อมากลายเป็นสิ่งที่คนในสังคมส่วนมากยึดติดและทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาโดยเชื่อว่าเป็นหนทางสู่การประสบความสำเร็จในชีวิต
เราจึงสามารถเห็นตัวละครอย่างใน Squid Game ได้แทบทุกที่ในสังคมบนโลกแห่งความเป็นจริง คนที่ฉลาดแต่เห็นแก่ตัว คนอื่นจะตายก็ช่างขอเพียงตัวเองรอด คนที่ไม่ใช่คนเลวแต่จนตรอกไร้หนทาง คนที่พยายามกดขี่คนอื่นเพื่อให้ตัวเองรู้สึกปลอดภัยและมีอำนาจ คนที่พูดจาเพ้อเจ้อเพื่อปิดบังปมด้อยของตน และคนที่แม้จะมีทุกอย่างเพรียบพร้อม ก็ยังโหยหาบางสิ่งมาเติมเต็มอย่างไม่รู้จักพอ การลงมือฆ่าคนนั้น ในทีแรกอาจเป็นเรื่องยากที่ดูผิดมนุษยธรรม แต่เมื่ออยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดและสัญชาตญานการเอาตัวรอดก็ทำให้การลงมือฆ่ากันเอง เริ่มเป็นเรื่องที่ง่ายดายขึ้นเรื่อยๆ
1
หลายครั้งที่พวกเขาถอยได้ แต่ก็ถอยไม่ได้
สำหรับเรา Squid Game เพียงแค่นำสังคมและสิ่งรอบตัวที่เราพบเห็นอยู่เป็นประจำ มาถ่ายทอดในรูปแบบที่ไม่ซับซ้อนเพื่อให้คนดูสามารถเข้าใจได้ง่าย ทำให้แม้เหตุการณ์มันจะเหมือนฝันร้ายที่ไม่มีจริง แต่เรากลับรู้สึกคุ้นเคยกับบรรยากาศของหนังในแต่ละตอนอย่างน่าประหลาดราวกับเคยมีประสบการณ์เดียวกันมาก่อน
เรื่องก็คือ ทุกวันนี้บนโลกแห่งความเป็นจริง เราก็อยู่ในเกม และเป็นผู้เล่นกันทุกคนอยู่แล้ว สนามของการแข่งขันคือทุกที่ในสังคมและมีเกมหลายร้อยหลายพันประเภทดำเนินการแข่งขันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ไม่ว่าจะเป็นการเรียน การทำงาน หรือการแข่งขันแย่งชิงผลประโยชน์ บางสนามแข่งอาจไร้ซึ่งความรุนแรง แต่บางสนามก็อาจจะย่ำแย่ยิ่งกว่าที่เห็นในหนังเสียอีก
Squid Game นอกจากจะเป็นหนังที่ดูเพลิน ดูสนุกและได้แง่คิดให้แต่ละคนเก็บไปตกตะกอนต่อกันอีกนานแล้ว ก็ยังเป็นเหมือนสาส์นเตือน ให้เรารู้เท่าทันสภาวะของสังคมที่เรากำลังเผชิญอยู่ในความเป็นจริง มันอาจจะสามารถดีขึ้นได้ หรือ โหดร้ายกว่าเดิม ก็ขึ้นอยู่กับเราทุกคนที่เป็นผู้เล่นจะช่วยกันโหวดให้มันเป็นไปในทิศทางไหน
รอยยิ้มจากใจจริง แม้ในสภาพแวดล้อมอันโหดร้าย
“เราไม่ใช่ม้าแข่ง แต่เป็นคน” เกมสามารถยุติลงได้หากผู้เล่นเกินครึ่งลงความเห็นตรงกัน และเช่นเดียวกัน โลกเราก็สามารถน่าอยู่ขึ้นได้หากทุกคนช่วยกันลงมือทำในสิ่งที่ดี เอื้อเฟื้อผู้อื่น เห็นอกเห็นใจกันมากขึ้นกว่าที่เคย หากทำได้ โลกนี้ก็คงไม่ใช่ “นรก” อีกต่อไป แม้จะไม่ถึงกับเรียกได้ว่าเป็น “สวรรค์” แต่สำหรับใครๆ อีกหลายคนโดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่ที่จะเติบโตต่อไปในสังคมที่ผู้เล่นอย่างเราทุกคนช่วยกันสร้าง ก็คงจะเป็นโลกที่น่าอยู่มากขึ้นไม่น้อยเลยทีเดียว
Ace
211004
โฆษณา