#สัญญาครั้งสุดท้าย
โดย มิสมาต้า
โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กำลังจะกลายเป็นนักฟุตบอลที่ได้รับค่าเหนื่อยสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสรลิเวอร์พูล
ย้อนไปในปี 1987 ลิเวอร์พูลเป็นสโมสรฟุตบอลทีมแรกของประเทศ ที่ทุ่มค่าจ้าง 10,000 ปอนด์/สัปดาห์ เพื่อล่อใจให้ จอห์น บาร์นส ย้ายมาโชว์ฟอร์มลากเลื้อยสมฉายาปีกนิลกาฬอันเลื่องชื่อที่แอนฟิลด์
ในปี 1996 สตีฟ กิ๊บสัน เจ้าของธุรกิจถลุงเหล็กที่เป็นต้นแบบของเศรษฐีที่มีใจรักฟุตบอล ยอมทุ่มเงินค่าจ้าง 42,000 ปอนด์/สัปดาห์ อันเป็นเรทที่เป็นสถิติโลกในเวลานั้น ในการกระชากตัวดาวยิงผมหงอกนาม ฟาบริซิโอ ราวาเนลลี ดาวยิงอิตาเลียนมาจากยูเวนตุสเพื่อให้มาล่าตาข่ายให้สโมสรมิดเดิลสโบรห์ที่เขารัก
ทำให้ค่าจ้าง 22,500 ปอนด์ของ เอริก คันโตนา , ค่าจ้าง 25,000 ปอนด์ของ เดนนิส เบิร์กแคมป์ และ ค่าจ้าง 34,000 ปอนด์ของ อลัน เชียเรอร์ กลายเป็นค่าแรงที่แสนถูกไปเลย
จนต้องรอให้ รอย คีน มาทำลายสถิติของเกาะอังกฤษลง เมื่อแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทุ่มเงิน 52,000 ปอนด์/สัปดาห์ ให้เมื่อปี 1999 และเพิ่มขึ้นเป็น 90,000 ปอนด์/สัปดาห์ อันเป็นสัญญาครั้งสุดท้ายของกัปตันพันธุ์โหดเมื่อปี 2001
แล้วในปี 2005 การดอดมาทาบทามตัว สตีเว่น เจอร์ราร์ด ของเชลซี ที่กัปตันเจิดเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้าย อันเป็นแผนการสร้าง "สามเหลี่ยมมหากาฬ" ในแดนกลางของ โชเซ มูรินโญ ที่ทีมเจรจาของ โรมัน อับราโมวิช มีการเดินหน้าเจรจาทั้งบนดิน และใต้ดิน จนกระแสข่าวการย้ายทีมไปเชลซีของเจอร์ราร์ดในช่วงนั้นขึ้นหน้าหนึ่งสื่อทุกอย่างอยู่นานนับเดือน
เดวิด มัวร์ส และบอร์ดบริหารตัดสินใจยอมทุ่มเงิน 100,000 ปอนด์/สัปดาห์ อันเป็นสถิติที่สูงที่สุดของทั้งสโมสร และเกาะอังกฤษ เพื่อรั้งตัวกัปตันยอดขวัญใจผู้เป็นทุกอย่างของทีมชุดแชมป์ยุโรปสมัยแรกในรอบ 20 ปีเอาไว้ เพราะในช่วงนั้นเจอร์ราร์ดคือนักเตะระดับผู้แบกทีมตัวจริง รวมทั้งความเป็นอริกันระหว่างลิเวอร์พูลกับเชลซีนั้นชัดเจนจนเหล่าสเกาเซอร์ย่อมจะไม่มีทางยอมให้การย้ายทีมประวัติศาสตร์นั้นได้เกิดขึ้น
จนทำให้แฟนบอลทั้งโลกพลาดการเห็นสามประสานอย่าง เจอร์ราร์ด-แลมพาร์ด-มาเกเลเล ที่ว่ากันว่าจะกลายเป็นแผงมิดฟิลด์ที่สมบูรณ์แบบที่สุดชุดหนึ่งของโลกลูกหนัง รวมทั้งทำลายความหวังในการสร้างทีมเพื่อคว้าแชมป์ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก ของมูรินโญลงไปด้วย
::
ในปี 2021 ลิเวอร์พูลของเจอร์เกน คล็อปป์ ยังเป็นหนึ่งในยอดทีมของโลก ในขณะที่เรอัล มาดริด กับบาร์เซโลนาได้กลายเป็นยักษ์หลับจากปัญหาทางด้านโครงสร้างเศรษฐกิจ จนทำเกิดภาวะสมองไหลที่ส่งผลกับทั้งสโมสร และคุณภาพของลา ลีกา อันเป็นปัญหาที่ยังหาทางออกร่วมกันไม่ได้
สำหรับดาวเตะไอยคุปต์ ชื่อทางการค้าของเขาอาจจะไม่ได้แข็งแกร่งในเชิงพาณิชย์ แต่สำหรับเชิงฟุตบอลนั้น โม ซาลาห์ ถูกยกย่องจากเหล่ากูรู และอดีตนักเตะดังว่าในนาทีนี้ เขาเป็นนักเตะที่ดีที่สุดในพรีเมียร์ลีก หรือถ้าจะยกย่องกันให้ตรงๆ อีกนิด ก็ต้องบอกว่าซาลาห์เป็นหนึ่งในนักฟุตบอลที่เก่งที่สุดในโลกในเวลานี้
ผลงานการทำลายล้างแผงหลังของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่มีสถิติถูกยิงตรงกรอบน้อยที่สุดของห้าลีกใหญ่ในยุโรป ด้วยการฉีกกองหลังของเป๊ปราวกับว่าซาลาห์กำลังเริงระบำเข้าไปยิงนำ 2-1 ก่อนที่เกมคุณภาพระดับห้าดาวจะจบลงด้วยผล 2-2
เจอร์เกน คล็อปป์ เองก็รู้ดีว่าถ้าทีมของเขาขาดซาลาห์ไปจะส่งผลกระทบมากแค่ไหน จริงอยู่ที่ลิเวอร์พูลอยู่ได้ด้วยระบบของเขา แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่าซาลาห์ทำให้ระบบของเขาสมบูรณ์แบบที่สุด
เงิน 15 ล้านปอนด์/ปี อาจไม่ใช่ปัญหาของทีมเศรษฐี แต่สำหรับนโยบายบริหารงานของลิเวอร์พูลที่ถูกเรียกว่า "Money ball" อันโดดเด่นในเรื่องการสรรหานักเตะระดับคุณภาพที่ราคาถูกมาประกอบกัน แล้วเมื่อพวกเขาได้ข้อเสนอราคาที่ดีเข้ามา ทีมบริหาร Fenway Sports Group ก็จะไม่ลังเลที่จะขายออกไป
พวกเขาเริ่มจากการขายเฟร์นันโด ตอร์เรส , หลุยส์ ซัวเรซ รวมทั้ง ฟิลิปเป คูตินโญ ในราคามหาศาล แล้วนำเงินที่ได้มาต่อยอดหานักเตะรายใหม่มาตั้งแต่ปี 2011 แล้ว
ยิ่งในช่วงเศรษฐกิจขาลง แฟนบอลหงส์แดงจึงหวั่นใจว่าพวกเขาอาจจะต้องสูญเสียดาวเตะระดับสตาร์ออกจากทีมไปอีกครั้ง ซึ่งการเสียซาลาห์ออกไปในรอบนี้จะต่างจากทุกครั้งที่พวกเขาเสียนักเตะฝีเท้าดีออกไป
เพราะถ้ามองว่า สตีเวน เจอร์ราร์ด คือเดอะแบกในวันนั้นที่ขาดกันไม่ได้ โม ซาลาห์ ก็คือเดอะแบกในวันนี้ที่สำคัญจนขาดฉันแล้วเธอจะรู้สึกเฉกเช่นเดียวกัน
เราจึงอาจจะได้เห็นการยอมทุ่มเงินค่าจ้างเพื่อรั้งเขาเอาไว้ แม้ว่านั่นจะเป็นเงินก้อนใหญ่ระดับทุบสถิติก็ตาม แต่ถ้าเพื่อความยั่งยืนของสถาบัน บางทีกลุ่ม FSG อาจจะต้องละเอาไว้สักครั้ง
โชคดีที่ลิเวอร์พูลในเวลานี้ดีกว่าสองยักษ์ใหญ่แห่งลาลีกา
โชคดีที่ซาลาห์ไม่ใช่นักเตะประเภทกระหายแสงสีเสียง
โชคดีที่ทั้งเขา และสโมสร รวมทั้งแฟนบอล คือเนื้อที่หล่อหลอมจนเป็นเนื้อเดียวกัน จึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับการรั้งตัวดาวเตะคนสำคัญเอาไว้
นอกจากพวกเขาอยากจะทดสอบนโยบายบริหารของตนเองว่ายังแน่พอ หรือยังมั่นใจในระบบของคล็อปป์
ดีลของซาลาห์จึงกำลังจะกลายเป็นดีลประวัติศาสตร์ และ อาจจะกลายเป็นดีลแห่งระเบิดเวลาที่แท้จริง
ผลงาน 134 ประตู 50 แอสซิสต์ จากการลงสนาม 212 เกม รางวัลดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก 2 ครั้ง รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมทั้งสถาบัน PFA , FWA และ EPL ย่อมการันตีว่าซาลาห์ดีเกินพอสำหรับเงินก้อนแค่นี้
ที่เหลือก็แล้วแต่พวกท่านกันเลย
แต่อย่าลืมว่าสัญญาเหลืออีกแค่เพียงสองปี และ ปีนี้เขาอายุ 29 ปีแล้ว
#PlayNowThailand #khelnow #football
- 6
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
