6 ต.ค. 2021 เวลา 05:50 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ซักเคอร์เบิร์ก ระบายความในใจ 4 หน้ากระดาษ เรื่องสนใจกำไร มากกว่า ความเกลียดชัง
9
ช่วงนี้ เรียกได้ว่าเป็นช่วงมรสุมของทั้งเฟซบุ๊กและมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก
เนื่องจากปัจจุบัน เฟซบุ๊กกำลังถูกโจมตีอย่างหนักทั้งจากอดีตพนักงานในบริษัท
รวมถึงสังคม ในเรื่องที่แพลตฟอร์มสนใจแต่เรื่องของการทำกำไร
5
ในขณะเดียวกัน บริการทั้งหมดในเครือของเฟซบุ๊ก ซึ่งก็รวมไปถึง WhatsApp และ Instagram ล่มลงทั่วโลกเป็นเวลาหลายชั่วโมง จนทำให้ในวันดังกล่าว หุ้นของบริษัท ปรับตัวลดลงราว 5%
ส่งผลให้ผู้ก่อตั้งบริษัทอย่างมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก มีมูลค่าทรัพย์สินลดลงกว่า 2 แสนล้านบาท
8
แต่เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ได้ออกมาโพสต์
เพื่อระบายความในใจเกี่ยวกับเรื่องราวทั้งหมด บนเฟซบุ๊กส่วนตัว
แล้วมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ระบายอะไรบ้าง ?
ลงทุนแมนจะมาสรุปให้ฟัง
14
มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ระบุว่าเนื้อหาต่อจากนี้ เป็นโน้ต
ที่เขาได้เขียนให้กับพนักงานทุกคนในบริษัทเฟซบุ๊ก
1
เริ่มจากประเด็นแรก คือ พูดถึงเหตุการณ์ที่แพลตฟอร์มในเครือของเฟซบุ๊กล่ม ว่าเป็นเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดในรอบหลายปีมานี้
โดยตลอด 24 ชั่วโมงมานี้ ทางทีมงานก็มีความพยายามหาวิธีป้องกัน ที่จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก ซึ่งเรื่องนี้ก็ทำให้พวกเขาตระหนักได้เป็นอย่างดีว่า งานของพวกเขาสำคัญต่อคนอย่างไร
2
ซึ่งสิ่งที่เขากังวลก็ไม่ใช่กลัวว่าคนจะหันไปใช้งานแพลตฟอร์มคู่แข่ง หรือจำนวนเงินว่าจะสูญเสียไปเท่าไรกับเหตุการณ์นี้
แต่เป็นเรื่องของคนที่ต้องพึ่งพาบริการของเฟซบุ๊ก ทั้งติดต่อคนที่พวกเขารักหรือดำเนินธุรกิจ
11
ต่อมา ซักเคอร์เบิร์ก กล่าวถึงเรื่องราวที่ตอนนี้เฟซบุ๊กถูกโจมตีว่าเป็นบริษัทที่สนแต่กำไร เขาแย้งว่าเนื้อหาและข้อมูลต่าง ๆ ที่เรากำลังถูกโจมตีนั้น ไม่ใช่ตัวตนของบริษัทเฟซบุ๊กเลย
เพราะเฟซบุ๊ก ให้ความสำคัญกับความปลอดภัย ความเป็นอยู่และสุขภาพจิตที่ดีของผู้ใช้งานมาโดยตลอด
24
หนึ่งในนั้นก็คือเรื่องของการเพิกเฉยต่อผลการวิจัย
1
จากเหตุการณ์ที่ก่อนหน้านี้ เฟซบุ๊กโดนโจมตีเรื่องการเพิกเฉยต่อผลการวิจัยในเรื่องของอัลกอริทึม ที่ดูเหมือนกับว่าบริษัทสนับสนุนให้มี “Hate Speech” แทนที่จะคอยควบคุม เนื่องจากโพสต์ หรือเนื้อหาเหล่านั้น สามารถสร้างความมีส่วนร่วมระหว่างผู้ใช้งานได้มากกว่า
3
ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว จะเป็นผลดีทำให้บริษัทมีการเติบโต มีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้น
1
ซึ่งจุดนี้ ซักเคอร์เบิร์กก็ได้ออกมาระบุว่ามันไร้สาระ เพราะหากเฟซบุ๊กจงใจที่จะเพิกเฉย ต่อผลงานวิจัยจริง แล้วทำไมเฟซบุ๊กถึงเป็นผู้นำในโครงการวิจัยสำหรับอุตสาหกรรมนี้
1
แล้วที่บอกว่าเฟซบุ๊กไม่สนใจคอนเทนต์แย่ ๆ หรือคอนเทนต์ที่ดูเป็นอันตรายต่อสังคม
ทำไมเฟซบุ๊กต้องจ้างพนักงานจำนวนมากด้านนี้ มากกว่าทุกบริษัทในอุตสาหกรรม
3
นอกจากนี้ ก็ยังมีเรื่องของความโปร่งใสของข้อมูล ที่เฟซบุ๊กถูกโจมตีว่าพยายามปิดบังมาโดยตลอด
หากเฟซบุ๊กอยากจะปกปิดข้อมูลจริง ทำไมเฟซบุ๊กถึงได้สร้างมาตรฐานเรื่องความโปร่งใสของข้อมูลสำหรับอุตสาหกรรมนี้ขึ้นมา
8
หรือถ้าโซเชียลมีเดียทำให้สังคมแตกแยกอย่างที่หลายคนกล่าวอ้างจริง แล้วทำไมการแตกแยกนี้เพิ่มขึ้นเฉพาะในสหรัฐอเมริกา ขณะที่ในประเทศอื่นทั่วโลกที่ใช้งานโซเชียลอย่างหนักกลับมีการแตกแยกที่คงที่หรือน้อยลง
7
ประเด็นสำคัญของการกล่าวหา ก็คือ เฟซบุ๊กให้ความสำคัญกับ “กำไร” มากกว่า “ความปลอดภัย” และ “ความเป็นอยู่ที่ดี” ของผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์ม
3
ซึ่งซักเคอร์เบิร์กบอกว่าเรื่องนี้ไม่เป็นความจริงเลย
7
ยกตัวอย่างเช่น ก่อนหน้านี้ทางเฟซบุ๊กก็มีการปรับหน้า News Feed ให้มีความหมายกับผู้ใช้งานมากขึ้น โดยลดการแสดงพวกไวรัลวิดีโอให้น้อยลง แต่ไปเพิ่มจำนวนโพสต์จากเพื่อนหรือครอบครัวของผู้ใช้งานมากขึ้น
2
ซึ่งแม้ว่าเรื่องนี้จะทำให้คนใช้เวลาบนเฟซบุ๊กน้อยลง แต่งานวิจัยเหล่านี้ส่งผลต่อ “ความเป็นอยู่ที่ดี” ของคน
1
ซักเคอร์เบิร์ก จึงถามทิ้งท้ายว่า แล้วการทำแบบนี้แปลว่า เฟซบุ๊กให้ความสำคัญกับกำไรเป็นอันดับแรกได้อย่างไร ?
แล้วในกรณีที่มีคนระบุว่า เฟซบุ๊กสนับสนุนโพสต์ที่สร้างความโกรธแค้น เพื่อผลกำไร ซักเคอร์เบิร์กก็บอกว่าเรื่องนี้มันไม่เป็นเหตุเป็นผลเอาเสียเลย
ประเด็นสำคัญของเรื่องนี้ก็คือ เฟซบุ๊กมีรายได้จาก “โฆษณา” และที่ผ่านมาพวกคนที่โฆษณาบนเฟซบุ๊ก ก็บอกเสมอว่า ไม่ต้องการให้โฆษณาของพวกเขา อยู่ต่อจากโพสต์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับความรุนแรง หรือสร้างความโกรธแค้น
1
ซึ่งตัวซักเคอร์เบิร์กเองก็ไม่เคยรู้จักบริษัทเทคโนโลยีไหน ที่จะสร้างผลิตภัณฑ์ที่ทำให้คนรู้สึกโกรธหรือหดหู่
ดังนั้นข้อกล่าวหานี้จึงขัดแย้งกับทิศทางของเฟซบุ๊กทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของศีลธรรม การดำเนินธุรกิจ รวมถึงการดึงดูดให้คนเข้ามาใช้งาน
3
อย่างไรก็ตามในบรรดาการโจมตีทั้งหมดนี้ สิ่งที่ซักเคอร์เบิร์กให้ความสำคัญมากที่สุด ก็คือ เรื่องผลกระทบของเฟซบุ๊กที่มีต่อเด็ก
ซักเคอร์เบิร์กระบุว่า เขาได้ใช้เวลาทบทวนอยู่นาน ว่าเขาต้องการให้ลูกของเขาและเด็กคนอื่น ๆ มีประสบการณ์อย่างไร บนโลกออนไลน์
1
และเขาให้ความสำคัญมาก ๆ กับสิ่งที่พวกเขาสร้างขึ้นมา ว่าจะต้องปลอดภัยและดีต่อเด็ก ๆ
ความเป็นจริงก็คือ ในเวลานี้เยาวชนมีการพึ่งพาเทคโนโลยีเป็นจำนวนมาก มีเด็กจำนวนมากที่มีโทรศัพท์เป็นของตัวเอง ซึ่งซักเคอร์เบิร์กกล่าวว่า จะดีกว่าไหมหากบริษัทเทคโนโลยีต่าง ๆ จะหันมาโฟกัสกับสิ่งนี้ แต่ก็ยังต้องให้ความสำคัญในเรื่องความปลอดภัยด้วยในเวลาเดียวกัน
4
เฟซบุ๊กเองก็กำลังพยายามทำสิ่งนี้อยู่ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนา Messenger Kids รวมไปถึงการพัฒนาระบบควบคุมโดยผู้ปกครอง บน Instagram
1
แต่ด้วยความที่หลายคนยังคงตั้งคำถามว่ามันดีสำหรับเด็ก ๆ จริงหรือไม่ พวกเราก็ได้ตัดสินใจที่จะหยุดโครงการเหล่านี้ไว้ก่อน เพื่อใช้เวลาในการทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญมากขึ้น และให้มั่นใจว่าสิ่งที่ทำนั้นก่อให้เกิดประโยชน์จริง ๆ
3
เหมือนกับพวกคุณหลายคน ผมพบว่ามันเป็นเรื่องที่ยากมากที่ต้องมาอ่านความเข้าใจผิด ๆ ของงานวิจัยในเรื่อง Instagram ส่งผลกระทบกลุ่มผู้ใช้งานวัยรุ่นอย่างไร ?
ตามที่เราได้รายงานไปแล้วเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยได้อธิบายไว้ว่าผลงานวิจัยแสดงให้เห็นว่าวัยรุ่นจำนวนมากรู้สึกว่าการใช้ Instagram สามารถช่วยพวกเขาได้เมื่อพวกเขากำลังอยู่ในช่วงที่ยากลำบากและเผชิญกับปัญหา
1
โดยแหล่งอ้างอิงเกือบจะทั้งหมดในผลงานวิจัย ครอบคลุมตั้งแต่ประเด็นเรื่องความเหงา ความเครียด ความโศกเศร้า และปัญหาเรื่องการกิน
1
โดยสาววัยรุ่นจำนวนมาก กล่าวว่า Instagram ทำให้ช่วงเวลาที่ยากลำบากเหล่านั้นดีขึ้นมากกว่าจะทำให้เลวร้ายลง
แต่เมื่อมันมาถึงเรื่องของ สุขภาพและความเป็นอยู่ของเยาวชน ทุก ๆ ประสบการณ์ในด้านลบจึงเป็นเรื่องสำคัญ ซักเคอร์เบิร์กกล่าวว่า มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้าที่เยาวชนที่กำลังรู้สึกแย่ แทนที่พวกเขาจะรู้สึกดีขึ้น แต่มันกลับทำให้พวกเขารู้สึกแย่ลง
2
ซึ่งเฟซบุ๊กเองก็ได้ทำงานเพื่อแก้ไขปัญหานี้มาหลายปี และได้ใช้งานวิจัยต่าง ๆ เพื่อนำมาปรับปรุงอยู่เสมอ อย่างในเรื่องผลกระทบทางสังคมอื่น ๆ แต่เฟซบุ๊กก็เชื่อว่า มันไม่สามารถแก้ไขคนเดียวได้ นั่นจึงทำให้เฟซบุ๊กนั้นใช้เวลาหลายปีในการปรับปรุงให้ตรงกับกฎระเบียบด้านอินเทอร์เน็ต
1
โดยถ้าพวกเราต้องให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลกระทบของโซเชียลมีเดียที่มีต่อเยาวชน มันสำคัญที่จะต้องเริ่มจากภาพใหญ่ก่อน ซึ่งพวกเราก็สัญญาว่าจะทำการศึกษาแพลตฟอร์มของเรา และเผยแพร่ผลการวิจัยสู่สาธารณชน ให้มากขึ้น
2
ซึ่งที่เฟซบุ๊ก ก็มีโครงการวิจัยชั้นนำ ที่สามารถระบุปัญหาสำคัญ ๆ รวมถึงหาแนวทางแก้ไขปัญหาเหล่านี้ แต่ในขณะเดียวกันก็มีคนพยายามจะโจมตีเราด้วยข้อมูลเท็จ
1
ถ้าเราทุกคนกำลังโจมตีเฟซบุ๊กที่พยายามจะศึกษาและแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ มันก็เหมือนกับว่าทุกคนอยากให้เพิกเฉยต่อเรื่องนี้ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่องค์กรอื่น ๆ ในอุตสาหกรรมกำลังทำอยู่ และนั่นมันจะทำให้สังคมก้าวไปสู่จุดที่แย่กว่าเดิม
3
ทั้ง ๆ ที่เรารู้ว่า ถ้าเลือกเหมือนองค์กรอื่น ๆ คือไม่สนใจอะไรเลย มันจะง่ายกว่า แต่เราเลือกที่จะศึกษาและแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ต่อไป เพราะเราเชื่อว่ามันเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
1
ผมรู้ว่ามันน่าหงุดหงิดใจ ที่ได้เห็นงานที่เราตั้งใจทำขึ้นมา ถูกใส่ไข่และถูกบิดเบือนจากความเป็นจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับบุคลากรที่มีส่วนสำคัญกับงานด้านความปลอดภัย ความโปร่งใสของระบบ งานวิจัย ไปจนถึงผลิตภัณฑ์
1
แต่ผมก็เชื่อว่าเมื่อเวลาผ่านไป หากเรายังคงพยายามทำสิ่งที่ถูกต้องและมอบประสบการณ์ที่ช่วยให้ชีวิตของผู้คนดีขึ้นได้ มันก็จะเป็นผลดีต่อทั้งสังคมและธุรกิจของเรา
1
ซึ่งผมก็ได้ขอให้ผู้บริหารระดับสูงของบริษัท ให้ทำการเจาะลึกลงไปในงานที่เราทำ ในแต่ละส่วนเพื่อที่ว่าในไม่กี่วันข้างหน้านี้ เราจะกางออกมาให้พวกคุณเห็นว่าที่ผ่านมา เราทำอะไรมากันบ้าง
เมื่อมองย้อนกลับไปที่งานของเรา ผมคิดไปถึงผลกระทบที่เรามีต่อโลกใบนี้ ที่ผู้คนสามารถติดต่อกับคนที่เขารักได้ สร้างโอกาสในการเลี้ยงดูตัวเองได้ รวมถึงค้นหาชุมชนที่พวกเขาสนใจ
1
ทั้งหมดนี้เป็นเหตุผลว่าทำไมประชากรเป็นพันล้านคนใช้เฟซบุ๊ก
ผมภูมิใจในทุกสิ่งทุกอย่าง ที่เรากำลังทำ เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดในโลก
และผมขอขอบคุณทุกท่าน สำหรับงานที่พวกท่านได้ทำอยู่ที่นี่ ในทุก ๆ วัน..
2
โฆษณา