วิกฤติพลังงาน กำลังเกิดขึ้น ทั่วโลก
ในช่วงที่ผ่านมา เป็นที่รู้กันดีว่าหลายประเทศเริ่มฟื้นตัวจากวิกฤติโควิด 19
สะท้อนให้เห็นจากความต้องการในการผลิตสินค้า ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
แต่ก็ดูเหมือนว่า การฟื้นตัวกำลังจะสะดุดลงอีกครั้ง
โดยมีสาเหตุมาจากอีกวิกฤติที่เข้ามาซ้อนทับอีกที
ซึ่งวิกฤติที่ว่านี้ ก็คือ “วิกฤติพลังงาน”
ที่กำลังเกิดขึ้นใน หลายประเทศทั่วโลก
และเมื่อพลังงาน ที่นับเป็นต้นทุนหลักในภาคการผลิต ไม่เพียงพอ
จึงทำให้ราคาของพลังงานรวมถึงสินค้าโภคภัณฑ์หลายชนิด ปรับตัวสูงขึ้น
ปัจจุบัน วิกฤติพลังงาน เกิดขึ้นที่ประเทศไหนไปแล้วบ้าง
แล้วมันมีสาเหตุมาจากอะไร ?
ลงทุนแมนจะมาสรุปให้ฟัง
ประเทศแรก ก็คือ โรงงานของโลกอย่าง “ประเทศจีน”
ปัจจุบัน ประเทศจีน กำลังประสบกับวิกฤติขาดแคลนพลังงานอย่างหนัก
เนื่องจาก “ถ่านหิน” ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญที่ใช้ในการผลิตพลังงานไม่เพียงพอ
ซึ่งเดิมทีประเทศจีน มีการนำเข้าถ่านหินจากออสเตรเลีย แต่หลังจากข้อพิพาทระหว่างกัน
จึงทำให้รัฐบาลจีนได้มีการแบนถ่านหินจากออสเตรเลีย
รวมถึงในช่วงที่ผ่านมา รัฐบาลจีน ก็ได้มีการสั่งคุมเข้มการใช้พลังงานจากนโยบาย Global Emission ของรัฐบาล ที่ต้องการจะลดการสร้างมลพิษลง 65% ภายในปี 2030 และมีการปราบปรามเหมืองถ่านหินอย่างหนัก
ทั้งหมดนี้ ก็ได้ทำให้ประเทศจีน มีถ่านหินไม่เพียงพอต่อความต้องการในอุตสาหกรรมการผลิต
สะท้อนให้เห็นจากในเดือนที่ผ่านมา ผลผลิตของโรงงานในจีนได้หดตัวลงครั้งแรกในรอบ 18 เดือน
และด้วยความที่จีนเป็นแหล่งผลิตสินค้าขนาดใหญ่
ท้ายที่สุดแล้ว วิกฤติพลังงานในประเทศจีนจึงส่งผลกระทบไปยังระบบซัปพลายเชนทั่วโลก แบบหลีกเลี่ยงไม่ได้
นอกจากประเทศจีนแล้ว ประเทศอินเดีย ที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของเอเชีย
ก็กำลังประสบปัญหาด้านพลังงาน เพราะไม่สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้เพียงพอต่อความต้องการ
โดยปัญหาวิกฤติในประเทศอินเดีย เป็นผลมาจากราคาถ่านหิน
ที่เป็นแหล่งพลังงานหลักในประเทศ ได้ปรับตัวพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์
แล้วราคาถ่านหิน แพงขึ้นขนาดไหน ?
ปี 2020 (31 ธันวาคม 2020) ราคาถ่านหิน 69 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน
ปัจจุบัน (6 ตุลาคม 2021) ราคาถ่านหิน 267 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน
จะเห็นได้ว่ามูลค่าถ่านหิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบ 4 เท่า ภายในระยะเวลาเพียง 9 เดือนเศษ
ทำให้ต้นทุนในการผลิตไฟฟ้าในประเทศอินเดียพุ่งสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด
ในขณะที่โรงไฟฟ้าในประเทศอินเดียไม่สามารถขึ้นค่าไฟได้มากนัก เพราะติดสัญญาข้อตกลงระยะยาว ที่จะจัดส่งหน่วยไฟฟ้าให้กับระบบสาธารณูปโภคของอินเดียในราคาที่กำหนด
จึงทำให้ปัจจุบัน ปัญหาถ่านหินแพง ก็ได้นำไปสู่วิกฤติพลังงานครั้งใหญ่ในประเทศอินเดีย เช่นกัน
ซึ่งล่าสุด ก็ได้มีรายงานว่าสถานการณ์โรงไฟฟ้าในอินเดีย เหลือถ่านหินไว้เผาเป็นพลังงานได้อีกเพียง 4 วันเท่านั้น..
นอกจากฝั่งเอเชียอย่างจีนและอินเดียแล้ว สหราชอาณาจักรเอง
ก็กำลังประสบปัญหาขาดแคลน “น้ำมัน” ในปั๊มทั่วประเทศ
โดยปัญหาดังกล่าว เริ่มต้นมาตั้งแต่ Brexit ที่ทำให้คนขับรถบรรทุกจำนวนมาก
ต้องกลับถิ่นฐานบ้านเกิดของตัวเองไป จนเกิดภาวะขาดแคลนคนขับรถบรรทุกน้ำมัน
ที่ผ่านมา ทางรัฐบาลอังกฤษเองก็ได้พยายามแก้ไขปัญหาดังกล่าว
ทั้งการให้ทหารมาขนส่งน้ำมันแทนชั่วคราว และการผ่อนปรนความเข้มงวด
ในการทำใบขับขี่สำหรับการขับรถบรรทุกน้ำมัน รวมถึงยังมีการอนุมัติวีซ่าชั่วคราวสำหรับชาวต่างชาติ ที่ต้องการเข้ามาทำงานเป็นคนขับรถบรรทุกน้ำมันด้วย
แต่สถานการณ์ล่าสุด ก็ยังคงไม่ดีขึ้น..
ซึ่งรถบรรทุก ก็นับเป็นยานพาหนะสำคัญสำหรับการขนส่งสินค้าและน้ำมันในประเทศอังกฤษ
เมื่อเกิดเหตุขัดข้องขึ้น ซัปพลายเชนทั้งระบบในประเทศอังกฤษ จึงได้รับผลกระทบไปด้วย
ถึงตรงนี้ เราสามารถสรุปได้ว่าวิกฤติพลังงาน กำลังเกิดขึ้น ทั่วทุกมุมโลก
ซึ่งหลัก ๆ แล้ว เป็นผลมาจากความต้องการพลังงานในหลายภาคอุตสาหกรรม
ที่กำลังฟื้นตัวกลับมา แต่กลับต้องเผชิญกับปัญหาวัตถุดิบในการผลิตพลังงานไม่เพียงพอ
นอกจากนั้น ก็ยังมีเรื่องของความขัดแย้งระหว่างประเทศ นโยบายการสนับสนุนพลังงานหมุนเวียน
ที่ได้เข้ามามีส่วน ทำให้มูลค่าวัตถุดิบในการผลิตพลังงานรวมถึงสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวสูงขึ้น เป็นประวัติการณ์
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์หลายฝ่ายก็ได้คาดการณ์ว่าวิกฤติพลังงานจะทวีความรุนแรงขึ้นอีกในฤดูหนาว
เพราะเป็นฤดูที่ความต้องการใช้พลังงานจะปรับตัวสูงขึ้นอีก
และเมื่อต้นทุนในการผลิต มีมูลค่าสูงขึ้น
หลายธุรกิจที่พึ่งพาอุตสาหกรรมการผลิตเป็นหลักก็จะมีต้นทุนเพิ่มขึ้นด้วย
ซึ่งนั่นก็หมายความว่า กำไรที่บริษัทจะทำได้ จะน้อยลงกว่าเดิม
จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมหุ้นของหลายบริษัทที่เป็นผู้ผลิตสินค้า ปรับตัวลดลงในช่วงที่ผ่านมา นั่นเอง..
- 72
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
