7 ต.ค. 2021 เวลา 06:51 • กีฬา
"คุณรู้ไหมครั้งหนึ่ง เคนนี่ เดลกลิช พยายามเซ็นสัญญากับ เนวิล เซาธอลล์ เพื่อมาแทนที่ผม ......"
หากพูดถึงตำแหน่งผู้รักษาประตูของลิเวอร์พูลที่ประสบความสำเร็จที่สุดคนหนึ่งและเป็นตำนานของสโมสร ชื่อของ บรู๊ซ กร็อบเบล่าร์ คือนายประตูในตำนานคนนั้น สิบสามปีในถิ่นแอนฟิลด์ กร็อบเบล่าร์ฝากความทรงจำไว้มากมาย ในช่วงปี1981-1994
เขาตกลงเซ็นสัญญากับสโมสร ลิเวอร์พูล
หลังจาก บ็อบ เพลสลี่ย์ และ ทอม ซอนเดอร์ส มาดูเกมที่ ครูว์ อเล็กซานดร้า ซึ่งตอนนั้นผมมาทดสอบฝีเท้าอยู่ ผมมีเกมที่ดีทีเดียว ทอมกลับไปหาบ็อบ เพสลีย์และพูดว่า "ลืมมิดฟิลด์ที่ผมบอก มาดูผู้รักษาประตูคนนี้ดีกว่า" พวกเขาไม่ได้มองหาผู้รักษาประตู เพสลีย์มาที่นั่นและดูเขา 15 นาที แล้วเขาก็ออกไปดูเกมที่สโต๊ค "ผมจะไม่มีวันลืมวันที่ได้ดูบรูซ กร็อบเบลาร์เล่นเป็นครั้งแรก ผมรู้ทันทีว่า เขาจะเป็นผู้รักษาประตูคนต่อไปของลิเวอร์พูล เราไปดูเขาเล่นเกมในดิวิชั่น 4 ให้กับครูว์ อเล็กซานดรา คู่แข่งดาหน้ายิงเข้าใส่เขา บรูซเคลื่อนไหวว่องไวราวกับตัวการ์ตูน และสามารถเซฟได้ทุกลูก ผมหันไปหา ทอม ซอนเดอร์ ซึ่งนั่งถัดจากผมและพูดว่า 'เราไปกันเถอะ' ฉันเห็นมาพอแล้ว” อ้างอิงจาก - Bob Paisley ในหนังสือของเขา: "มุมมองส่วนตัวของ Bob Paisley ต่อ First Team Squad of 1986-87"
เขาย้ายมา ลิเวอร์พูล ในฐานะผู้รักษาประตูสำรอง แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงกลางปี 1981 นายทวารมือหนึ่งอย่าง เรย์ คลีเมนซ์ สร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการย้ายไปร่วมทัพ “ไก่เดือยทอง” ท็อตแน่มฮ็อตสเปอร์ส จึงทำให้ กร็อบเบลาร์ ได้โอกาสทองที่จะขึ้นมาเป็นมือหนึ่งแทน
กร็อบเบลาร์ ลงสนามเป็นเกมแรกให้กับ “หงส์แดง” เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 1981 แต่น่าเสียดายที่เขาไม่อาจช่วยทีมทำคลีนชีตได้ ทำให้ทีมของเขาต้องพ่ายแพ้ให้กับ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส 0-1 ที่สนาม โมลิเน็กซ์ สำหรับคลีนชีตครั้งแรกของเขา ต้องรออีกสองสัปดาห์ต่อมา เมื่อวันที่ 5 กันยายน ซึ่งสามารถเอาชนะ “ไอ้ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล 2-0 ที่สนามแอนฟิลด์
โดยในระหว่างปี 1981-1994 กร็อบเบลาร์ ลงเล่นเป็นตัวจริง 627 นัดให้กับ ลิเวอร์พูล และกลายเป็นที่รู้จักด้วยสไตล์การเล่นที่เป็นเอกลักษณ์ เหตุการณ์ที่สร้างชื่อเสียงให้เขามากที่สุดเกิดขึ้น ในปี 1984 ในศึกยูโรเปี้ยน คัพ นัดชิงชนะเลิศ ระหว่าง ลิเวอร์พูล และ โรม่า ซึ่งผลปรากฏว่าเสมอในเวลากันไป 1-1 ต้องต่อเวลาพิเศษ และยาวไปถึงการยิงจุดโทษตัดสิน ซึ่งถือว่าเป็นวินาทีสำคัญของแฟนบอลทั่วโลก เมื่อถึงคิวผู้เล่นของ โรม่า อย่าง บรูโน่ คอนติ รับหน้าที่ยิงจุดโทษเป็นคนที่ 4 ในตอนนั้นเอง กร็อบเบลาร์ ได้เดินไปที่ประตูด้วยการยิ้มแย้มแบบมั่นใจ และจากนั้นเขาก็ได้ทำท่าสั่นขาเหมือนสปาเก็ตตี้ และนั่นทำให้ คอนติ เสียสมาธิยิงลูกเหินข้ามคานไปอย่างน่าเหลือเชื่อ และสุดท้ายก็เป็น “หงส์แดง” ที่เอาชนะจุดโทษไปได้ 4-2 ทำให้ กร็อบเบลาร์ กลายเป็นนักเตะชาวแอฟริกาคนแรกที่คว้าแชมป์ ยูโรเปี้ยน คัพ / แชมป์เปี้ยนส์ ลีก ได้สำเร็จ
กร็อบเบลาร์ ได้รับความไว้วางใจให้ลงเฝ้าเสาถึง 3 ยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ของ ลิเวอร์พูล ได้แก่ยุคของ เพียสลี่ย์, ฟาแกน และ ดัลกลิช ตลอดระยะเวลา 13 ปี จุดแข็งของเขาก็คือความคล่องตัวเหมือนนักยิมนาสติก และความมั่นใจที่สุดยอด นั่นทำให้เขาไม่เคยกลัวคู่แข่งหน้าไหน เพราะเขามักจะใช้ฝีปากขู่คู่ต่อสู้เป็นประจำ และที่สร้างชื่อที่สุดในการใช้ฝีปากของเขา โจมตีใส่ จิม เบกลิน ในศึก เมอร์ซี่ย์ไซด์ดาร์บี้ เอฟเอ คัพ นัดชิงชนะเลิศ ครั้งแรกที่พบกับ เอฟเวอร์ตัน ในปี 1986 และตลอดการค้าแข้งของเขากับ ลิเวอร์พูล กร็อบเบลาร์ได้รับเหรียญแชมป์มากอย่างมากมาย
ปลายทศวรรษ 80 เคนนี่ เดลกลิช เคยมีความคิดที่จะเปลี่ยนผู้รักษาประตู และไม่น่าเชื่อ ผู้รักษาประตูที่ เดลกลิช คิดจะซื้อมาแทนที่ บรู๊ซ กร็อบเบล่าร์ คือ เนวิล เซาธอลล์ นายทวารคู่ปรับร่วมเมืองอย่าง เอฟเวอร์ตัน โดย เซาธอลล์ เปิดเผยในหนังสืออัตชีวประวัติของตัวเองเอาไว้ว่า “ในช่วงปลายทศวรรษ 1980 ดัลกลิชเริ่มโทรหาผมที่บ้าน ผมไม่รู้จักเขาเป็นการส่วนตัว
ต่อมามีคนบอกผมว่าลิเวอร์พูลพร้อมที่จะจ่าย 4 ล้านปอนด์เพื่อซื้อตัวผม ซึ่งมันเป็นราคาที่มากเป็น 2 เท่าของค่าตัวของ Tony Cottee ที่เป็นสถิติในอังกฤษตอนนั้น
ผมชอบ Kenny เสมอ เขาเป็นนักฟุตบอลที่ดีและเป็นเพื่อนที่ดี เราแค่สนทนาทั่วไปเกี่ยวกับฟุตบอล แต่เบื้องหลังดูเหมือนว่าเขาจะลองใจดูว่าผมสนใจที่จะย้ายไปร่วมทีมลิเวอร์พูลหรือไม่"
กร็อบเบล่าร์พูดถึงเรื่องนี้ว่า ใช่ Dalglish ชอบ เซาธอลล์ เขา เป็นผู้รักษาประตูประเภทที่ เคนนี่ชอบ เราเป็นเพื่อนร่วมทีมที่ดีมากๆ แต่เมื่อเขาขึ้นมาเป็นผู้จัดการเขาไม่ชอบพฤติกรรมของผมที่ปรากฎในที่สาธารณะ ทุกคนต้องการที่จะเปลี่ยนแปลง แต่สุดท้ายมันก็ไม่เกิดขึ้น
นอกจากนั้นยังมี ทิม ฟลาวเวอร์ สมัยที่ยังเล่นกับ เซาท์แธทป์ตันอีกคน โดยแกรม ซูเนสต์ ที่เป็นกุนซือในตอนนั้นต้องการซื้อ ฟลาวเวอร์ มาแทนที่ กร็อบเบล่าร์ ที่แอนฟิลด์ แต่เป็น เคนนี่ เดลกลิช ที่รับหน้าที่กุนซือของแบล็คเบิรฺ์นตัดหน้าเพื่อนเก่า คว้าฟลาวเวอ่ร์ไปเล่นที่ อีวู้ดปาร์คแทน
จนกระทั้ง แกรม ซูเนสต์ เซ็นสัญญาคว้าตัว เดวิด เจมส์ มาจาก วัตฟอร์ด ในช่วงกลางปี 1992 ถือว่าเป็นการเริ่มต้นของจุดจบการค้าแข้งของ กร็อบเบลาร์ เพื่อเปิดให้โอกาส เดวิด เจมส์ ซูเนสต์ให้โอกาส กร็อบเบลาร์ ได้ลงสนามเพียงแค่ 6 เกมเท่านั้น ในระหว่างฤดูกาล 1992-93 และสุดท้ายเขาก็ถูกยืมตัวไปเล่นที่ สโต๊ค ซิตี้ ซึ่งทำให้ เจมส์ เข้ามายึดตำแหน่งของเขาในทีมชุดแรกในฤดูกาล 1993-94 แต่อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เขาต้องออกจากแอนฟิลด์ นั่นก็คือในศึก เมอร์ซี่ย์ไซด์ดาร์บี้ เขาได้มีปัญหาลงไม้ลงมือกับเพื่อนร่วมทีมอย่าง สตีฟ แม็คมานามาน และมันทำให้เขาต้องอำลาสโมสรออกไป
กร็อบเบล่าร์ พูดถึง เดวิด เจมส์ คนที่มาแทนที่เขาเอาไว้ว่า เขามีคุณลักษณะที่จะเป็นผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดในโลก แต่ปัญหาหลักของเขานั่นคือเรื่องของ "สมาธิ" เขาไม่สามารถนั่งคุยหรือนั่งฟังใครได้เป็นชั่วโมงหรือสองชั่วโมงในเรื่องการซ้อมหรือแท็คติก เขามีสมาธิแค่15 นาที สมาธิเป็นปัจจัยสำคัญในการเล่นตำแหน่งผู้รักษาประตูที่ลิเวอร์พูล นั่นเป็นเหตุว่าทำไมอาชีพเขาที่ลิเวอร์พูล ถึงไม่ยืนยาวเท่าที่ควร เขาควรจะเล่นที่ลิเวอร์พูลยาวนานใกล้เคียงกับผม นั่นคือประมาณ 10-12 ปี
ฝันร้ายเรื่องล้มบอล
ในปี 1994 กร็อบเบล่าร์ , จอห์น ฟาชานู อดีตกองหน้า Wimbledon และ Aston Villa อดีตผู้รักษาประตู Wimbledon ฮันส์ ซีเกอร์ และนักธุรกิจชาวมาเลเซีย Heng Suan Lim ถูกกล่าวหาว่า พวกเขาสมคบคิดกันล้มบอล โดยได้รับเงินจากนักพนันในตะวันออกไกล อัยการอ้างว่า Lim และ ฟาชานู ทำหน้าที่เป็นพ่อค้าคนกลาง ขณะที่ กร็อบเบล่าร์ และ ซีเกอร์ คือนักเตะที่ทำหน้าที่ล้มบอลในสนาม
อดีตผู้รักษาประตูผู้ยิ่งใหญ่ บ็อบ วิลสัน ถูกนำตัวไปที่ห้องพิจารณาคดี และให้ความเห็นในฐานะผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับเกมที่กร็อบเบลาร์ถูกกล่าวหา เขาดูวิดีโอการแข่งขันระหว่างนิวคาสเซิลกับลิเวอร์พูลในเดือนพฤศจิกายน 2536 ลิเวอร์พูลและแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในเดือนมกราคม 2537 นอริชและลิเวอร์พูลในเดือนกุมภาพันธ์ 2537 โคเวนทรีและเซาแธมป์ตันในเดือนกันยายน 2537 และแมนเชสเตอร์ซิตี้และเซาแธมป์ตันในเดือนพฤศจิกายน 2537
อัยการอ้างว่าหลังจากเกมนิวคาสเซิลซึ่งส่งผลให้ลิเวอร์พูลพ่ายแพ้ 3-0 กร็อเบลาร์รับเงิน 40,000 ปอนด์ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่เขาปฏิเสธอย่างรุนแรง วิลสันสรุปว่าในเกมนิวคาสเซิ่ล กร็อบเบลาร์แทบไม่มีโอกาสเลยกับสามประตูที่แอนดี้ โคลทำประตูได้ และเขาเซฟได้อย่างยอดเยี่ยมสามครั้ง ในเกมของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งเสมอกัน 3-3 บรูซได้เซฟระดับโลกถึงสองเซฟ สรุปจึงไม่มีหลักฐานว่า กร็อบเบล่าร์ ทำตัวน่าสงสัยในสนาม
" ผมไม่เคยล้มบอล ผมรักลิเวอร์พูลเกินกว่าที่จะทำร้ายสโมสร "
นี่คือเรื่องราวที่โลดโผนโจนทะยานของผู้รักษาประตูที่ถือว่าเป็นสีสันต์ที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร ปฏิเสธไม่ได้ถึงความยิ่งใหญ่ของเขา ทั้งการเซฟระดับโลก และการพลาดแบบหมูหก และข่าวคราวอื้อฉาวต่างๆนาๆ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า บรู็ซ กร็อบเบล่าร์ คือสัญลักษณ์ของความสำเร็จของสโมสรในยุค 80 อย่างแท้จริง 13 ปีที่อยู่กับสโมสร เขาคว้าแชมป์ลีกไปถึง 6 ครั้ง, เอฟเอ คัพ 3 ครั้ง, ลีก คัพ 3 ครั้ง และ ยูโรเปี้ยน คัพ 1 ครั้ง ไม่มีใครที่ยิ่งใหญ่ไปกว่านี้อีกแล้ว
Happy Birthday บรู๊ซ กร็อบเบล่าร์ อีกหนึ่งตำนานที่ยังมีชีวิต
ฝากกดไลท์กดแชร์เป็นกำลังใจให้แอดมินด้วยนะครับ
โฆษณา